‘Starlink’ เน็ตผ่านดาวเทียมของ Elon Musk มุ่งเปิดให้บริการในเวียดนาม

คณะผู้แทนจากธุรกิจสหรัฐฯ 52 แห่ง เดินทางมาเยือนเวียดนาม นำโดยสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐฯ (US-ASEAN Business Council-USABC) วัตถุประสงค์ในการเดินทางในครั้งนี้ เพื่อแสวงหาความร่วมมือและโอกาสทางธุรกิจ และหนึ่งในธุรกิจสหรัฐฯ คือ สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม จรวดขนส่งและยานอวกาศที่ก่อตั้งโดยนายอีลอน มัสก์ โดยการประชุมนำโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของเวียดนาม กล่าวว่าบริษัท สเปซเอ็กซ์ มีความต้องการที่จะร่วมมือกับเวียดนาม และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (MIC) โดยเฉพาะการส่งเสริมความสามารถในการเชื่อมต่อดิจิทัลและอินเทอร์เน็ต ในขณะเดียวกัน ผู้แทนของบริษัท สเปซเอ็กซ์ ย้ำว่าทางบริษัทที่เป็นเจ้าของ ‘Starlink’ ซึ่งให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมความเร็วสูงที่ครอบคลุมทั่วโลก โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลและเป็นเกาะ โดยเคเบิลใยแก้วนำแสงแบบเดิมไม่สามารถเข้าถึงได้ อย่างไรก็ดี รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีดิจิทัล

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/elon-musk-s-starlink-wants-to-bring-satellite-internet-to-vietnam-2124748.html

“ตลาดค้าปลีกเวียดนาม” ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ

จากข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่ามูลค่าตลาดค้าปลีกของเวียดนาม อยู่ที่ 142 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า อยู่ที่ 350 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568 ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการของเวียดนาม เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่าราว 994.1 ล้านล้านดอง และด้วยอัตราการขยายตัวไปในทิศทางที่เป็นบวก ส่งผลให้ตลาดค้าปลีกของเวียดนามได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ประกอบการต่างชาติ

อีกทั้ง เมื่อเร็วๆนี้ ทางบริษัทเซ็นทรัล รีเทล (CRC) จากประเทศไทย เพิ่งประกาศปรับเพิ่มเงินทุน 1.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเวียดนาม ซึ่งเป็นเงินลงทุนครั้งที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เซ็นทรัลเคยประกาศไว้ โดยมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนร้านค้า 600 แห่ง ใน 57 จังหวัด จาก 63 จังหวัดทั่วประเทศ

นอกจากนี้ นาย Olivier Langlet CEO ของ Central Retail Vietnam กล่าวว่าเวียดนามถือเป็นตลาดนำเข้ารายใหญ่ที่สุดของบริษัท คิดเป็น 21-22% ของรายได้รวม และเมื่อปีที่แล้ว สัดส่วนของรายได้ข้างต้นปรับเพิ่มขึ้นที่ 25%

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1502559/viet-nam-s-retail-market-proves-attractive-for-foreign-investors.html

“อีคอมเมิร์ซ” โตพุ่ง 60% ของเศรษฐกิจดิจิทัลเวียดนาม

จากรายงานในปี 2566 “การพัฒนาที่ยั่งยืนด้วยอีคอมเมิร์ซ – พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล” ระบุว่ายอดขายสินค้าออนไลน์รวม (Gross Merchandise Volume: GMV) ในปี 2565 เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น 31% คิดเป็นมูลค่า 49 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 โดยเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามจะคงรักษาระดับการเติบโตของการซื้อของออนไลน์ที่ 19% ในช่วงปี 2568-2573 และจากผลการสำรวจของสมาคมอีคอมเมิร์ซเวียดนาม แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการเวียดนามกว่า 55% เชื่อว่าโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีและอีคอมเมิร์ซ มีบทบาทสำคัญในการผลิตและการดำเนินกิจการ ตลอดจนชาวเวียดนามราว 60 ล้านคน นิยมซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และใช้จ่ายออนไลน์เฉลี่ยต่อคน อยู่ที่ 260-285 ดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการพัฒนาอีคอมเมิร์ซต้องมีปัจจัยหลายประการ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมบุคลากรและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/e-commerce-accounts-for-60-of-vietnamese-digital-economy-2124771.html

“เงินเฟ้อเวียดนาม” คาดพุ่งสูง 4.8% ปี 2566

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ระบุว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน มี.ค. ลดลง 0.1-0.2% เมื่อเทียบกับเดือน ก.พ. แต่เพิ่มขึ้น 3.4-3.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคาดการณ์ว่าแนวโน้มเงินเฟ้อของเวียดนามจะเพิ่มสูงขึ้น 3.9-4.8% ในปี 2566 ใกล้เคียงกับระดับเป้าหมายของเงินเฟ้อที่ตั้งไว้ที่ 4.5% เนื่องจากแรงกดดันจากเงินเฟ้อยังคงสูงในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ได้ชี้แจ้งกับที่ประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลราคาสินค้า เมื่อวันที่ 24 มี.ค. โดยมีรองนายกรัฐมนตรี เลมิงค้าย เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ เพื่อพิจารณาผลของการคำนวณราคาที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์ขั้นต้น ได้แก่ ปิโตรเลียม ธัญพืช อาหาร อัตราค่าไฟฟ้าในครัวเรือน วัสดุการก่อสร้าง การศึกษา การดูแลสุขภาพและค่าเช่าที่อยู่อาศัย

นอกจากนี้ รองนายกฯ ยังได้แนะนำให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำการทบทวนและวิเคราะห์ปัจจัยหรือสาเหตุที่มีผลกระทบต่อวัตถุดิบและผลผลิต เพื่อนำไปปรับปรุงการจัดการด้านราคา

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnams-inflation-forecast-to-reach-4-8-in-2023/

“ราคาข้าวเวียดนาม” ยังคงพุ่งสูงขึ้นในตลาดโลก

ตามรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) เปิดเผยว่าราคาส่งออกข้าวหัก 5% ของเวียดนาม ปรับตัวเพิ่มสูงที่สุดในตลาดโลก นับตั้งแต่เดือน ส.ค.2565 แซงหน้าข้าวไทยที่อยู่ระดับ 15-27 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และอินเดียที่ 40-50 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และเมื่อปีที่แล้ว ปริมาณการส่งออกข้าวของเวียดนาม 7.1 ล้านตัน สูงที่สุดในรอบ 10 ปี ถึงแม้ว่าปริมาณการส่งออกข้าวลดลงมากกว่า 20% ในเดือนแรกของปีนี้ แต่ราคาส่งออกข้าวมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยอยู่ที่ 519 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในช่วง 2 เดือนแรกของปี ทั้งนี้ สมาคมอาหารเวียดนาม (VFA) ระบุว่าราคาส่งออกข้าวหัก 5% ในปัจจุบัน อยู่ที่ 463 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบปีที่แล้ว นอกจากนี้ สถานการณ์การส่งออกข้าวของเวียดนามเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากซัพพลายเออร์ต้นทุนต่ำรายอื่นๆ เช่น อินเดียและปากีสถาน รวมถึงข้อจำกัดของการกระจายตลาด

ที่มา : https://hanoitimes.vn/vietnams-rice-prices-stay-highest-in-world-market-323203.html

Credit Suisse หนี ‘Lehman Moment’ ยันเวียดนามไม่กระทบ

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่าการช่วยเหลือครั้งประวัติศาสตร์ของตลาดการเงินโลกในครั้งนี้ ธนาคาร UBS กลุ่มธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ ได้บรรลุข้อตกลงเข้าซื้อธนาคารเครดิต สวิส (Credit Suisse) มูลค่า 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อป้องกันวิกฤตธนาคารที่จะลุกลามไปยังยุโรปและทั่วโลก โดยก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เข้ามาจัดการกับปัญหาการล่มสลายของธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB) และธนาคาร Signature Bank และธนาคารรายใหญ่สหรัฐฯ บางรายต้องอัดฉีดเงิน 30 พันล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ (FRB) ในขณะเดียวกัน นาย Michael Kokalari หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุน VinaCapital แสดงความคิดเห็นว่าการล่มสลายของธนาคาร SVB และ Signature Bank และวิกฤต Credit Suisse จะไม่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเวียดนาม และมองว่าจะไม่เกิดความเสี่ยงต่อความสามารถในการทำกำไร หรือความสามารถในการชำระหนี้ของธนาคารเวียดนาม

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/credit-suisse-escapes-lehman-moment-vietnam-unaffected-post1009172.vov

“สปป.ลาว” แบนนำเข้าเนื้อสุกรจากเวียดนาม

กระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ สปป.ลาว ประกาศระงับการนำเข้าเนื้อสุกรและเนื้อสุกรแปรรูปจากประเทศเวียดนามและประเทศอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและตรวจสอบการนำเข้าอย่างผิดกฎหมายที่บริเวณชายแดนและสนามบินนานาชาติ นอกจากนี้ เนื้อสุกรที่ลักลอบนำเข้าหรือนำเข้าอย่างผิดกฎหมายในสปป.ลาวจะต้องถูกทำลาย ทั้งนี้ เมื่อปี 2563 สปป.ลาวระงับการนำเข้าเนื้อสุกรจากประเทศจีนและไทย หลังจากตรวจพบการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร 7 ครั้ง โดยมีหมูตาย 973 ตัวในแขวงสาละวัน และล่าสุดในเดือนมกราคม 2566 สปป.ลาวก็ระงับการนำเข้าเนื้อสุกรจากไทยเช่นเดียวกัน

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/laos-suspends-pork-imports-from-vietnam-2123587.html

เวียดนาม-กัมพูชา วางแผนอำนวยความสะดวกด้านการค้าระหว่างกัน

นายกรัฐมนตรีเวียดนาม Phạm Minh Chính ให้การต้อนรับ Prak Sokhonn รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้เดินทางไปเยือนยังเวียดนามอย่างเป็นทางการ เพื่อหารือและสร้างความร่วมมือระหว่างกันในการกระตุ้นการค้าระหว่างประเทศ โดยในปี 2022 การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและเวียดนามแตะ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ คิดเป็นการขยายตัวเกือบร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับปี 2021 ขณะที่การลงทุนของนักลงทุนเวียดนามในกัมพูชามีมากถึง 205 โครงการ ด้วยมูลค่าเงินลงทุนรวม 29,400 ล้านดอลลาร์ ส่งผลทำให้เวียดนามถือเป็นกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่รายสำคัญของกัมพูชาในปัจจุบัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501260736/vietnam-cambodia-seek-to-further-facilitate-cross-border-trade/

“เวียดนาม” ชี้ภาคการท่องเที่ยว ประสบความสำเร็จได้มากยิ่งขึ้น

จากการประชุมหารือโต๊ะกลมระหว่างผู้ประกอบการและผู้เชี่ยวชาญ เมื่อวันที่ 22 มี.ค.66 ที่จัดขึ้นโดย Vietnam Investment Review (VIR) พบว่าผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นพ้องตรงกันว่าเวียดนามยังไม่สามารถที่จะปลดล็อคศักยภาพได้อย่างเต็มที่ คุณ Nguyen Thi Le Huong รองผู้อำนวยการของบริษัทเวียดทราเวล กล่าวว่าด้วยแนวชายฝั่ง 3,000 กม. เวียดนามมีศักยภาพที่จะเป็นจุดหมายปลายทางของรีสอร์ทและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากอินเดีย เกาหลีและมองโกเลีย เนื่องจากเห็นถึงความต้องการของนักท่องเที่ยวดังกล่าวที่จะมองหาชายหาดที่สวยงาม อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวได้ คือ รัฐบาลและธุรกิจชุมชนต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาต่างๆ นอกจากนี้ นาย Hoang Nhan Chinh หัวหน้าของคณะกรรมการที่ปรึกษาการท่องเที่ยว (TAB) กล่าวว่าอัตรานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าเวียดนามในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ บรรลุได้ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ อยู่ที่ 10-12 ล้านคนในปี 2566 และเชื่อว่าภาคการท่องเที่ยวของเวียดนามจะขยายตัวสูงขึ้นไปอีก

ที่มา : https://vir.com.vn/tourism-in-vietnam-can-achieve-more-100581.html

สื่อสิงคโปร์! ย้ำเวียดนามมีศักยภาพการเติบโตของฟินเทค

‘AsiaOne’ สื่อชื่อดังของสิงคโปร์ เผยแพร่บทความ “Vietnam: Can it become the Fintech Mecca of the east?” โดยเน้นว่าฟินเทคของเวียดนามได้ก้าวไปสู่จุดสูงสุดใหม่ และยังเติบโตสูงขึ้นจากกรอบกฎหมายใหม่ ในขณะเดียวกัน โครงการปรับเปลี่ยนประเทศสู่ความเป็นดิจิทัล (Digital Transformation) ของเวียดนามในปี 2565 เป็นตัวเร่งให้ไปสู่ฟินเทค ทั้งนี้ ผลจากการบรรลุความสำเร็จขององค์กรฟินเทคที่สามารถเชื่อมโยงกับภาคธนาคารได้ ทำให้เกิดการสร้างความผสมผสานความร่วมมือระหว่างองค์กรได้อย่างเข็มข้นขึ้น นอกจากนี้ สมาคมธนาคารเวียดนาม (VNBA) เป็นแนวหน้าในการนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่อุตสาหกรรมบริการทางการเงินของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าบริการ SMS หรือส่งเสริมผู้ให้บริการอย่าง Visa และ Mastercard ลดค่าธรรมเนียมหลายประเภทของธนาคารเวียดนามในช่วงการแพร่ระบาด COVID-19

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/singaporean-site-highlights-vietnams-potential-for-fintech-growth/250293.vnp