การนำเข้าสินค้าทุนมากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในเวลาสองเดือน

ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ถึง 29 พ.ย.ในปีงบประมาณปี 62-63 มูลค่าการนำเข้าสินค้าทุนสูงถึง 1,021 ล้านเหรียญสหรัฐในขณะที่มูลค่าของปีที่แล้วอยู่ที่ 934.902 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเกินกว่า 86.701 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีธุรกิจต่างประเทศ 35 แห่งที่ได้รับการอนุมัติมีการลงทุน 496.282 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงเวลาดังกล่าวธุรกิจที่ลงทุนอยู่แล้วได้ขยายการลงทุนเป็น 18 พันล้านเหรียญสหรัฐ และการลงทุนใหม่มีมูลค่า 514.882 ล้านเหรียญสหรัฐ จำนวนการลงทุนจากต่างประเทศที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษติวาล่ามีมูลค่าถึง 14.303 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นการลงทุนจากต่างประเทศรวม 529.189 พันล้านเหรียญสหรัฐรวมถึงการลงทุนที่มีอยู่ในปัจจุบัน เมียนมาตั้งเป้าที่จะได้รับเงินลงทุนจากต่างประเทศรวมกว่า 220,000 ล้านเหรียญสหรัฐใน 20 ปี และมีเป้าหมายที่จะเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางภายในปี 2573

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/capital-goods-import-value-over-1bn-in-two-months

จำนวนนักท่องเที่ยวชายแดนเมียวดีเพิ่มขึ้น

นักท่องเที่ยวจากประเทศที่สามกว่า 37,000 คนเดินทางผ่านชายแดนเมียวดีของเมียนมา ใน 11 เดือนของปีนี้เพิ่มขึ้น 23,000 คนเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ปี 61 มีเพียง 14,000 คนที่มาเยือนเมียนมาผ่านทางชายแดนเมียวดีและจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยใช้ e-visas เพื่อเริ่มธุรกิจและการท่องเที่ยว ในปีนี้มีนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยจำนวน 5,937 คน มีชาวเมียนมามากกว่า 26,800 คนเดินทางมาไทยด้วยวีซ่าหนังสือและมีเพียง 13,000 คนที่เดินทางกลับ เมียนมาปิดประตูชายแดนเพื่อให้กับนักท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 28 ส.ค. 56 และนิยมใช้ e-visas ผ่านระบบออนไลน์

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/number-of-tourist-arrival-via-myawady-border-increases

ไฮ-คูล รุกตลาดลุ่มน้ำโขง จ่อขึ้นเบอร์1ฟิล์มกรองแสง

ไฮ-คูลลั่น ปีนี้โกยรายได้ทะลุ 700 ล้าน เตรียมรุกหนักตลาด CLMV เล็งเปิดสาขา ในเวียดนามเพิ่มเท่าตัว หวังขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งลุ่มน้ำโขงใน 3 ปี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงไฮ-คูล เปิดเผยว่าแนวโน้มตลาดฟิล์มกรองแสงโดยรวมปีนี้อยู่ในภาวะที่ชะลอตัว ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับภาวะเศรษฐกิจ และตลาดรถยนต์ ที่มีอัตราการเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ แต่สำหรับไฮ-คูลกลับมีผลการดำเนินธุรกิจสวนกระแสภาวะตลาด มียอดขายของบริษัทปีนี้เติบโต 8-9% จากรายได้ที่ ตั้งเป้าไว้ทั้งปีที่ 700 ล้านบาทแบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายในประเทศ 95% และต่างประเทศ 5% ทั้งนี้เป็นผลมาจากการดำเนินงานของบริษัทเป็นไปตามกลยุทธ์การตลาดที่วางไว้ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตลาดฟิล์มกรองแสงในประเทศไทย ประกอบกับการเดินหน้ารุกตลาดในประเทศไทยต่อเนื่อง และการเดินหน้าเปิดตลาดฟิล์มกรองแสงไปยังประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง หรือ CLMV  โดยเฉพาะตลาดเวียดนามถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า และกลุ่มพันธมิตรที่เข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายฟิล์มกรองแสงไฮ-คูล ในปีที่ผ่านมาถึง 70 ราย และปี 63 จะเพิ่มขึ้นอีกกว่าเท่าตัวเป็น 160 ราย ทั้งนี้บริษัทจะต้องก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ภายใน 3 ปี หลังจากในปีที่ผ่านมา สามารถก้าวขึ้นเป็นฟิล์มกรองแสงที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 3 ในประเทศเวียดนามได้แล้ว

ที่มา: นสพ.ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 12 – 15 ธ.ค. 2562

สำนักงานสถิติสปป.ลาววิจัยการเติบโตของประชากรวัยหนุ่มสาว

สำนักงานสถิติ สปป.ลาวกำลังทำการวิจัยเพื่อประเมินอัตราการเติบโตของประชากรเยาวชนในช่วงปี 58-78 เพื่อเป็นข้อมูลอันมีค่าที่จะช่วยในการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งการสำรวจในปี 58 เปิดเผยว่าประชากรสปป.ลาวประกอบด้วยวัยคนหนุ่มสาวมากกว่าครึ่งหนึ่ง การสำรวจสำมะโนประชากรและเคหะครั้งที่ 4 ในปี 58 แสดงให้เห็นว่าร้อยละ 60 ของประชากรสปป.ลาวอายุต่ำกว่า 25 ปีในขณะที่ผู้ที่มีอายุระหว่าง 10 – 24 ปีถึงร้อยละ 31 ตอนนี้ 1 ใน 3 ของประชากรอาศัยอยู่ในเขตเมืองและประชากรส่วนใหญ่ยังคงอาศัยอยู่ในชนบท ทั้งนี้ สปป.ลาวจะดำเนินการสำรวจสำมะโนประชากรประชากรในปี 63 โดยใช้การวิเคราะห์องค์ประกอบอายุเพื่อให้ข้อมูลที่ทันสมัย อย่างไรก็ตามประชากรวัยหนุ่มสาวจะนำไปสู่โอกาสและความท้าทายสำหรับภาคสาธารณสุข การศึกษา สวัสดิการและแรงงาน โดยจะทำการวิจัยทั้งในเรื่องการเติบโตและการเปลี่ยนแปลง เช่น อัตราการเกิดการตายและการย้ายถิ่นฐาน เพื่อกำหนดแผนและนโยบายในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาของรัฐบาล จากการสำรวจสำมะโนประชากรและเคหะ ครั้งที่ 4 ในปี 58 พบว่ามีประชากรทั้งหมด 6,492,228 คน เพิ่มขึ้น 5,621,982 คนจากปี 48 ซึ่ง 3,237,458 เป็นเพศหญิง

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2019-12/11/c_138622972.htm

2 จังหวัดในกัมพูชาได้รับการอนุมัติให้ออกหนังสือ Form D ได้

กระทรวงพาณิชย์ประกาศว่าอีกสองจังหวัดได้เริ่มออกหนังสือ Form D หรือใบรับรองแหล่งกำเนิดของสินค้าในแต่ละพื้นที่ โดยตอนนี้จังหวัดเขาพระวิหารและจังหวัดโพธิสัตว์สามารถออกฟอร์มได้แล้ว ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ส่งออก โดยกระทรวงกำลังมอบหมายการออกแบบฟอร์ม ไปยังแผนกพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับภาคธุรกิจและการส่งออกรวมถึงช่วยให้บริษัทประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย ซึ่งโครงการนี้มาถึง 16 จังหวัด เจ้าหน้าที่ในจังหวัดพระวิหารและจังหวัดโพธิสัตว์สามารถออกหนังสือ Form D ได้ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม เป็นต้นไป โดยผู้ผลิตผู้ค้าและผู้ส่งออกในจังหวัดสามารถทำการสมัครออนไลน์เพื่อขอใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าเพื่อการส่งออกโดยส่งใบสมัครผ่านทางเว็บไซต์ของแผนกการค้าจังหวัด ซึ่งผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ของปราสาทเขาพระวิหารกล่าวว่านี่คือการพัฒนาที่สำคัญที่จะช่วยให้ผู้ส่งออกในท้องถิ่นส่งสินค้าเกษตรไปยังตลาดเพื่อนบ้านได้ง่ายขึ้น โดยผู้ส่งออกไม่ต้องเดินทางไปที่กระทรวงในพนมเปญอีกต่อไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50668982/two-more-provinces-get-to-issue-d-forms/

การยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของเกษตรกรในปราสาทเขาพระวิหาร

ฤดูเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกกำลังจะสิ้นสุดลง โดยผู้ผลิตและผู้ส่งออกข้าวกำลังรวบรวมข้าวเปลือกจากเกษตรกรผ่านโครงการการทำสัญญาระหว่างเกษตรกรและผู้ซื้อ ซึ่งเกษตรกรได้รับประโยชน์มากกว่า 5,000 ครอบครัว ในจังหวัดพระวิหาร โดยผู้ส่งออกท้องถิ่นสามราย ได้แก่ Amru Rice, Signatures of Asia และ Golden Rice ได้ทำสัญญากับชุมชนกว่า 34 แห่งในจังหวัด โดยปีนี้ในชุมชนขายข้าวอินทรีย์จำนวน 22,461 ตัน ให้แก่บริษัทคู่สัญญา ซึ่งกรมวิชาการเกษตรของเขาพระวิหารกล่าวว่าการทำฟาร์มแบบสัญญามีประโยชน์กับ 5,341 ครอบครัว โดยทำการเพาะปลูกบนพื้นที่รวม 14,769 เฮกตาร์ ซึ่งปีนี้ Amru Rice ได้ซื้อข้าว 12,841 ตัน จากการทำสัญญาโดยคิดเป็นประมาณ 75% ของเป้าหมายในปี 2019 ขณะที่ Signatures of Asia ซื้อข้าวเปลือก 1,000 ตัน หรือ 70% ของเป้าหมาย และ Golden Rice ได้บรรลุเป้าหมายในปี 2562 โดยได้ซื้อข้าวเปลือก 3,129 ตัน ในสัปดาห์นี้ ซึ่งผู้ส่งออกตกลงที่จะซื้อข้าวขาว (ไม่ใช่ข้าวหอม) ในราคา 1,200 ถึง 1,300 riel ($ 0.29 ถึง $ 0.32) ต่อกิโลกรัม ราคาข้าวหอมมะลิถูกตั้งไว้ที่ 1,450 ถึง 1,650 เรียล (0.36 ถึง $ 0.4) โดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงตุลาคมกัมพูชาส่งออกข้าวสารจำนวน 457,940 ตัน เพิ่มขึ้น 5%

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50669031/contract-farming-lifting-farmers-living-standards-in-preah-vihear/

โออาร์ ลุยธุรกิจNonOilในตปท. เปิดร้านเพิร์ลลี่ ที่สาขาแรกในลาว

โออาร์ เตรียมรุกขยายธุรกิจนอนออยล์ในประเทศเพื่อนบ้าน ประเดิมเปิดร้านเพิร์ลลี่ ที ในต่างประเทศสาขาแรกในlสปป.ลาว ส่วนร้านคาเฟ่อเมซอนจ่อชิงตลาดกาแฟในเวียดนาม โดยบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) หรือ โออาร์ เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างจัดทำแผนดำเนินธุรกิจ 5 ปี (2563-2567) เพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการโออาร์ และคณะกรรมการบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)เพื่ออนุมัติในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ โดยเบื้องต้นในส่วนของธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non Oil) จะหันมาทำตลาดในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ทั้งนี้ นายสุชาติ ระมาศ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) หรือ โออาร์ กล่าวว่า ขณะนี้ โออาร์ได้เปิดให้สินค้าหรือร้านค้าท้องถิ่นเข้ามาจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station เพิ่มมากขึ้น อาทิ ร้านข้าวแกงปักษ์ใต้ ร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย เป็นต้น  ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี ก่อนนี้ โออาร์ ได้ประกาศเตรียมผลักดันกลยุทธ์แผนธุรกิจระยะ 5 ปี(ปี2563-2567) จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด (Inorganic growth) ซึ่งมีเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของธุรกิจNon Oil และธุรกิจต่างประเทศให้มากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 30% รวมทั้งมีแผนขยายสถานบริการน้ำมันในต่างประเทศ เป็น 500 แห่งในปี 2566

ที่มา : นสพ.ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ฉบับวันที่ 11 ธ.ค. 2562

‘กรุงฮานอย’ เป็นเมืองที่ดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติมากที่สุด ในช่วง 11 เดือนแรกปี 62

จากข้อมูลของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม เปิดเผยว่าฮานอยยังคงเป็นเมืองที่ดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุดในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2562 ด้วยมูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของการลงทุนจากต่างชาติรวม โดยตัวเลขดังกล่าว มีมูลค่าสูงกว่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้วอยู่ที่ 6.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เหตุผลที่นักลงทุนต่างชาติถึงเลือกเข้ามาลงทุนในฮานอย เนื่องมาจากโครงสร้างพื้นฐานที่ดี ความพร้อมของเขตอุตสาหกรรม และการขนส่งที่สะดวก ทำให้กรุงฮานอยเป็นหนึ่งในเมืองหลวงศูนย์กลางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การค้าและบริการ รวมไปถึงการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประชากร ทั้งนี้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม โดยในปีนี้ มีมูลค่าการลงทุนจากต่างชาติอยู่ที่ 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าจะมีมูลค่าสูงเพิ่มขึ้นถึง 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/569661/ha-noi-attracts-highest-fdi-in-11-months.html#PcSlgw4fY54QgWt6.97

การลงทุนจากต่างประเทศพุ่งสูงขึ้น ในอุตสาหกรรมไม้แปรรูปเวียดนาม

จากรายงานของสมาคมไม้แปรรูป และผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากไม้เวียดนาม เปิดเผยว่าโครงการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงเป็นส่วนสำคัญในการเติบโตของอุตสาหกรรมไม้แปรรูปของเวียดนาม โดยในปีที่แล้ว มีผู้ประกอบการต่างชาติกว่า 529 ราย ที่มีมูลค่าการส่งออกราว 3.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 46.7 ของการส่งออกทั้งอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ในปัจจุบัน ยังมีบริษัทต่างชาติอื่นๆ อีกมากที่ให้บริการจัดเตรียมวัตถุดิบ เพื่อป้อนเข้าสู่บริษัทแปรรูปไม้และให้บริการด้านการขนส่งอีกด้วย ประกอบกับค่าจ้างแรงงานถูก การเข้าถึงวัตถุดิบได้ง่าย ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน และอัตราภาษี เป็นต้น เนื่องมาจากข้อตกลงการค้าเสรี ส่งผลให้อุตสาหกรรมดังกล่าวดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้ สงครามการค้าสหรัฐฯและจีน จะสร้างโอกาสใหม่ของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในอุตสาหกรรมไม้แปรรูปของเวียดนาม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/569605/foreign-investment-increases-in-wood-processing-industry.html#d7SY8bmUk5U1KudL.97

สปป.ลาวกระตุ้นการลงทุนด้านโภชนาการอย่างต่อเนื่อง

สปป.ลาวจะยังคงส่งเสริมการลงทุนด้านโภชนาการในระดับท้องถิ่นเพื่อสร้างชุมชนที่สามารถผลิตอาหารและวัตถุดิบได้อย่างยั่งยืนและคนในชุมชนสามารถเข้าถึงอาหารที่มีคุณค่า แม้ว่าสถานการณ์การขาดสารอาหารจะดีขึ้น แต่การลงทุนด้านโภชนาการสำหรับชุมชนท้องถิ่นยังคงมีต่อเนื่องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รายงานการขาดแคลนลดลงจาก 44% ปัจจุบันอยู่ที่ 33%แต่ยังมีในอีกหลายแขวงยังขาดการสนับสนุนทำให้การเปลี่ยนดังกล่าวยังไม่น่าพอใจมากนัก เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวกล่าวว่าสาระสำคัญของงานโภชนาการในปีนี้คือ ‘การลงทุนด้านโภชนาการเพื่อการพัฒนาทุนมนุษย์การเจริญเติบโตและความเจริญรุ่งเรือง’ ความสำคัญของการลงทุนด้านโภชนาการที่เพิ่มขึ้นในภาคส่วนต่าง ๆโดยเฉพาะที่สำคัญคือภาครัฐจะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับรัฐบาลสปป.ลาวที่จะบรรลุเป้าหมายด้านโภชนาการที่ยั่งยืนที่จะส่งผลต่อความเป็นอยู่และความยั่งยืนของชาติในภายภาคหน้า

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_DPM267.php