“บ.ต่างชาติ 3 แห่ง” รุกเวียดนามทุ่มเงิน 3.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงวางแผนและการลงทุน (MPI) เปิดเผยว่าบริษัทต่างชาติจำนวน 3 แห่ง ทุ่มเงินลงทุนไปยังเวียดนาม มูลค่ากว่า 3.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เงินทุนดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากเกาหลีใต้ 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ไหลเข้าไปยังอุตสาหกรรมหนักและโลจิสติกส์การผลิต ตามมาด้วยนักลงทุนเยอรมนีเล็งมองหาโอกาสที่จะลงทุนในอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยเงินทุนประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และนักลงทุนญี่ปุ่นที่วางแผนจะเข้าไปลงทุนในอุปกรณ์การแพทย์ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ นาย Nguyen Chí Dung รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวางแผนและการลงทุน กล่าวว่าเวียดนามจำเป็นต้องเตรียมสิทธิประโยชน์และเงื่อนไขต่างๆ ที่จะสนับสนุนการลงทุนใหม่ที่เป็นไปตามอัตราภาษีขั้นต่ำทั่วโลกตั้งแต่ปี 2567 เพื่อปรับปรุงขีดความสามารถทางการแข่งขัน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1524531/three-foreign-groups-plan-to-pour-3-7-billion-into-viet-nam.html

จับตาส่งออกข้าวไทย-เวียดนาม ระอุ ยอดส่งออกไตรมาสแรกเบียดสูสี

ปี 2565 ไทยส่งออกข้าวรั้งอันดับ 2 ของโลก โดยส่งออกได้  7.69 ล้านตัน เบียดเวียดนามที่เป็นคู่แข่งสำคัญที่ครองอันดับ 2  ของโลกติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี โดยเวียดนามส่งออกได้ 6.31 ล้านตัน แม้ว่าในปี 2565 เวียดนามจะถูกไทยเบียดแซงหล่นมาเป็นอันดับ 3 แต่เวียดนามก็ยังเป็นผู้ส่งออกข้าวในอันดับต้นของโลกอยู่ จากความได้เปรียบในเรื่องของพันธุ์ข้าวที่ตรงต่อความต้องการของตลาด และราคาข้าวของเวียดนาม ไม่มีความผันผวนเกินไป ราคาข้าวยังคงที่ ทำให้สามารถทำตลาดค้าข้าวกับลูกค้าได้ง่าย โดยในปี 2566 เวียดนามตั้งเป้าส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น 16% ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่าในไตรมาสแรกของปี 2566 ไทยและเวียดนามส่งออกข้าวในปริมาณใกล้เคียงกัน ในส่วนของไทยส่งออกข้าว 2,063,927 ตัน เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่เวียดนามส่งออกข้าวได้ 1.7 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 19% จากแรงหนุนจากข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป – เวียดนาม (EVFTA) ทำส่งออกไปอียูเพิ่มขึ้นจากราคาข้าวได้เปรียบคู่แข่ง

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1064275

“เวียดนาม” เผยไตรมาสแรกปี 66 ยอดขายรถจักรยานยนต์หดตัวต่อเนื่อง

สมาคมผู้ผลิตรถจักรยานยนต์เวียดนาม (VAMM) ระบุว่าตลาดรถจักรยานยนต์ของเวียดนามในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน เนื่องจากความต้องการซื้อลดลง อย่างไรก็ดี ตลาดดังกล่าวมียอดขายที่น่าประทับใจในปีที่แล้ว ด้วยยอดขายรถจักรยานยนต์ 3.38 ล้านคัน หลังจากยอดขายตกต่ำเป็นเวลา 2 ปีที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งนี้ ยอดขายรถจักรยานยนต์ข้างต้นในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 634,688 คัน หดตัว 15.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญให้ข้อมูลว่าในเดือน ม.ค. ตรงกับเทศกาลตรุษญวณ ทำให้ผู้คนลดการใช้จ่าย โดยเฉพาะในช่วงก่อนและหลังเทศกาลตรุษญวณ (Tet) และอีกสาเหตุอีกอน่างหนึ่ง คือ ในไตรมาสแรก ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ไม่ได้เปิดคัวรถรุ่นใหม่ ทำให้ตลาดรถจักรยานยนต์มีความน่าสนใจน้อยลง ซึ่งส่งผลต่อจิตวิทยาของผู้ซื้อ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1522936/motorcycle-sales-continue-slump-in-first-quarter.html

“Quanta” ซัพพลายเออร์ของ Apple เตรียมสร้างโรงงานในเวียดนาม

บริษัท Quanta Computer ซัพพลายเออร์ ของ Apple วางแผนที่จะตั้งโรงงานในภาคเหนือของประเทศเวียดนาม โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทางผู้ผลิต MacBook ได้ร่วมลงนามข้อตกลงกับเจ้าหน้าที่ของจังหวัดนามดิ่ง (Nam Dinh) เพื่อทำการก่อสร้างโรงงานในสวนอุตสาหกรรม และโรงงานแห่งนี้ นับเป็นโรงงานแห่งที่ 9 ของบริษัท Quanta ที่กระจายอยู่ทั่วโลก มีพื้นที่ครอบคลุมประมาณ 22.5 เฮกตาร์

ที่มา : https://www.brecorder.com/news/40238493/taiwans-apple-supplier-quanta-plans-vietnam-factory

ราคาส่งออกข้าวเวียดนาม ‘พุ่ง’

จากข้อมูลของกรมศุลกากรเวียดนาม ระบุว่าในไตรมาสแรกของปี 2566 ราคาส่งออกข้าวของเวียดนามเพิ่มขึ้น 9.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) อยู่ที่ 532 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน การส่งออกข้าวมีปริมาณกว่า 1.79 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 952 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยราคาข้าวที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลมาจากสัดส่วนของข้าวคุณภาพสูงที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวหอม ข้าวเหนียวและข้าวพันธุ์พิเศษ เป็นต้น หากคิดเป็นสัดส่วนจะเห็นได้ว่าข้าวคุณภาพสูงมีสัดส่วนถึง 50% ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด และในปัจจุบันราคาขายอยู่ที่ราว 600 – 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าสถานการณ์การส่งออกข้าวของเวียดนามยังอยู่ในทิศทางที่สดใส เนื่องจากส่วนแบ่งทางการตลาดของข้าวคุณภาพสูงที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลก ทำให้ความต้องการอาหารในการสะสมเพิ่มมากขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/rice-export-prices-on-the-rise/251650.vnp

“ศก.เวียดนาม” คาดเติบโตอันดับ 2 ในอาเซียน

ตามรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์ทวลรวมในประเทศ (GDP) ของเวียดนาม คาดว่าจะขยายตัว 5.8% ในปี 2566 อยู่ในอันดับที่ 2 ร่วมกับกัมพูชาในภูมิภาคอาเซียน รองจากฟิลิปปินส์ และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัวสูงขึ้นแตะ 6.9% ในปีหน้า ถือว่าเป็นตัวเลขสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในเรื่องของหนี้สาธารณะเวียดนามที่คาดว่าจะอยู่ระดับต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศสมาชิกอาเซียนอีก 8 ประเทศ

ทั้งนี้ ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้สถาบันการเงินดำเนินการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต โดยผู้เชี่ยวชาญได้ให้เหตุผลถึงการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางว่าเป็นการสร้างความยืดหยุ่นและจังหวะเวลา รวมถึงคาดว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 12 เดือนจะอยู่ที่ประมาณ 7% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 10%

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-gdp-growth-forecast-to-rank-second-in-asean/251654.vnp

“สหรัฐฯ” เร่งนำเข้าชิปจากเวียดนามและตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย

จากข้อมูลของสำนักงานสำรวจสำมะโนประชากรสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่าตั้งแต่ต้นปี สหรัฐอเมริกานำเข้าผลิตภัณฑ์ชิปเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากกลุ่มประเทศในเอเชีย 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม อินเดียและกัมพูชา เป็นต้น โดยจากข้อมูลในเดือน ก.พ. สหรัฐฯ นำเข้าชิปเพิ่มขึ้น 17% คิดเป็นมูลค่า 4.86 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และหากคิดเป็นสัดส่วนการนำเข้าจากตลาดเอเชียอยู่ที่ 83% ของตลาดทั้งหมด โดยเฉพาะตลาดอินเดียที่สหรัฐฯ นำเข้าอย่างก้าวกระโดด มีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้น 34 เท่า เป็นมูลค่าที่ 152 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ ตลาดเวียดนามและไทยต่างครองส่วนแบ่งทางการตลาดของการผลิตชิปในสหรัฐฯ ที่มีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สัดส่วนทางการค้าเพิ่มขึ้น 75% และ 62% ตามลำดับ และในปัจจุบัน เวียดนามมีสัดส่วนการนำเข้าชิปจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% เป็นเวลา 7 เดือนติดต่อกัน แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ ได้กระจายห่วงโซ่อุปทานอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ โดยทำการย้ายผู้ผลิตที่อยู่ในตลาดดั้งเดิมไปยังตลาดเกิดใหม่

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/us-increases-chip-imports-from-vietnam-and-emerging-asian-markets-2129952.html

“เวียดนาม” เผยไตรมาส 1/66 รายได้เฉลี่ยของแรงงานพุ่งสูงขึ้น

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) เปิดเผยว่าในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 รายได้เฉลี่ยของแรงงานอยู่ที่ 7 ล้านดองต่อคน เพิ่มขึ้น 640,000 ดองเมื่อกับปีที่แล้ว โดยตัวแทนของสำนักงานสถิติประชากรศาสตร์และแรงงาน กล่าวว่าแรงงานมีรายได้เฉลี่ย 7 ล้านดองต่อเดือนในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ และในจำนวนแรงงานดังกล่าว รายได้เฉลี่ยต่อของแรงงานเพศชายอยู่ที่ 8 ล้านล้านดองต่อเดือน สูงกว่า 1.36 เท่า หากเทียบกับรายได้เฉลี่ยของแรงงานเพศหญิงที่ 5.9 ล้านดองต่อเดือน ตามมาด้วยรายได้เฉลี่ยของแรงงานที่อยู่ในเมืองอยู่ที่ 8.6 ล้านดองต่อเดือน ในขณะที่รายได้เฉลี่ยของแรงงานที่อยู่ในชนบทมีเพียง 6.1 ล้านดองต่อเดือน

ทั้งนี้ แรงงานที่อยู่ในภาคบริการพบว่ามีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนสูงที่สุด อยู่ที่ 8.3 ล้านดองต่อคน เพิ่มขึ้น 10.1% หรือราย 766,000 คน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่แรงงานที่อยู่ในภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม มีรายได้เพียง 4.1 ล้านดองต่อคน และ 7.9 ล้านดองต่อคน ตามลำดับ

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/employees-average-income-rises-in-q1/

“ตลาดแรงงานเวียดนาม” ไตรมาสแรกปี 66 ฟื้นตัวต่อเนื่อง

คุณ Nguyen Trung Tien รองผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) เปิดเผยว่าตลาดแรงงานในเวียดนามยังคงรักษาระดับของโมเมนตัมการฟื้นตัวได้ในไตรมาสแรกของปี 2566 ในขณะที่ คุณ Pham Hoai Nam ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติประชากรและแรงงาน กล่าวเสริมว่าอัตราการว่างงานในวัยทำงานลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป มีจำนวน 52.2 ล้านคน สูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่ 88,700 คน และเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ล้านคนเมื่อเทียบกับปืที่แล้ว ตามมาด้วยผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปและมีงานทำ มีจำนวน 51.1 ล้านคน สูงกว่าปีที่แล้วที่มีจำนวน 1.1 ล้านคน ทั้งนี้ จำนวนผู้ตกงานในวัยทำงาน มีจำนวนราว 885,500 คน ลดลง 12,400 คน เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่จำนวนผู้ว่างงาน อยู่ที่ 1.05 ล้านคน ลดลง 34,600 คน เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/labour-market-continues-recovering-in-q1/251136.vnp

“เวียดนาม” เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ไตรมาส 1/2566 หดตัวลง

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (IIP) ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 ปรับตัวลดลง 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องมาจากได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่มีผลต่อภาคการผลิตในประเทศและการดำเนินกิจการ โดยเฉพาะสาขาอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ลดลงมากที่สุด 4.4% รองลงมาภาคการผลิตและแปรรูป 2.4% ในขณะที่ภาคการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าลดลง 1% อย่างไรก็ดี ภาคการจัดหาน้ำ บำบัดน้ำเสียและการจัดการ เพิ่มขึ้น 7% ตลอดจนดัชนีการอุปโภคของภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน ส่งผลให้สินค้าคงคลังในไตรมาสแรก เพิ่มขึ้น 19.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และจากสถานการณ์ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมการผลิตและธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างมาก นอกจากนี้ การแข่งขันทางเศรษฐกิจและสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรง รวมถึงความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาเชื้อเพลิงและต้นทุนโลจิสติกส์ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการในประเทศ

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/industrial-production-index-fell-in-q1-post1012161.vov