พบสินค้าที่มีเอี่ยวกองทัพเมียนมา ยอดขายดิ่งฮวบ

ยอดขายสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับกองทัพเมียนมาลดลงอย่างมากเนื่องจากประชาชนยังคงประท้วงต่อการยึดอำนาจของกองทัพ ซึ่งแบรนด์ต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับกองทัพกำลังเป็นที่ต้องการน้อยลงในตลาด รวมถึงแบรนด์อย่าง Myanmar Beer, ซิมการ์ด MyTel และบัตรเติมเงิน Ruby Cigarettes และรถบัสด่วนพิเศษ เช่น Shwe Mann Thu และ Shan Ma Lay เมียนมาร์ไทม์สยังพบว่าขณะนี้ผู้ใช้จำนวนมากที่เคยใช้ซิมการ์ด MyTel และบริการไฟเบอร์ได้หันไปใช้บริการเจ้าอื่น เช่น Telenor และ Ooredoo แคมเปญต่อต้านการรัฐประหารอย่าง “Stop Buying Junta Businesses” เปิดตัวบนโลกโซเชียลมีเดียเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 64 หลังการยึดอำนาจเมื่อวันก่อนโดยผู้นำจากกลุ่มรุ่น 88 เพื่อสันติภาพและสังคมเปิดกว้าง” (88 Generation Peace and Open Society) ออกแถลงการณ์รณรงค์อีกครั้งเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 64 ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายใต้แคมเปญ Stop Buying Junta Businesses ได้แก่ Myanmar Beer, Dagon Beer, Mandalay Beer, MyTel SIM card และบริการอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์, Kantharyar Private Hospital, Shwe Mann Thu และ Shan Ma Lay express และ 7th Sense Production เป็นต้น

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/sales-tatmadaw-linked-products-decline.html

ท่ามกลางโควิด เมียนมายันเดินหน้าโครงการเริ่มธุรกิจใหม่

สภาบริหารแห่งรัฐที่ได้จัดตั้งขึ้นใหม่ได้พบกับสมาชิกของสมาพันธ์การค้าและอุตสาหกรรมแห่งเมียนมา (UMFCCI) เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ในระหว่างการประชุมนายพลอาวุโส มินอองหล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งเป็นประธานสภากล่าวว่าธุรกิจต่างๆ จากภาคเกษตรกรรม ปศุสัตว์ การก่อสร้าง การค้า และการผลิต จะไม่มีการระงับโครงการที่กำลังดำเนินอยู่ในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน ในขณะเดียวกันยังมีการพิจารณามาตรการในการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งท่ามกลาง COVID-19 โดยมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือคนรากหญ้าในการเอาชนะความยากลำบากทางเศรษฐกิจและสังคมและการผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทางด้วยรถไฟรถยนต์และทางอากาศ อีกทั้งจะมีการเปิดเจดีย์ วัด และอาคารของศาสนาอื่น ๆ และยังแนะนำว่าควรเปิดโรงงานที่ผลิตอาหารจากภาคเกษตรกรรมและปศุสัตว์อีกครั้ง เพิ่มการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของโลก นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้มีการเริ่มต้นโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าอีกครั้ง การบริการธนาคาร และการเปิดให้บริการของบริษัททัวร์และโรงแรมในประเทศ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-affirms-continuation-projects-resumption-business-amid-covid-19.html

MasterCard ยังไม่เปลี่ยนแผนทำตลาดในเมียนมา

มาสเตอร์การ์ดกำลังติดตามสถานการณ์ทางการเมืองของเมียนมาก่อนที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการดำเนินการต่อไป ซึ่งประชาชนมีความกังวลว่า MasterCard อาจยุติการดำเนินงานในประเทศหากมีการคว่ำบาตรจากต่างประเทศเนื่องจากความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ยังไม่ให้ความเห็นจะเกิดอะไรขึ้นหากมีการคว่ำบาตร Mastercard จับมือกับ CB Bank เพื่อให้บริการระบบการชำระเงินดิจิทัลเป็นครั้งแรกในเมียนมาเมื่อประมาณ 8 ปีที่ผ่านมา การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจำนวนหนึ่งได้ระงับการหลังการยึดอำนาจของกองทัพในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 64 ส่วนการบริหารส่วนใหญ่ในประเทศยังคงเป็นไปตามปกติ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/no-plans-mastercard-initiate-changes-myanmar-yet.html

ค่าเงินบาทพุ่ง กระทบผู้ค้าชายแดนนเมียวดีขาดทุนหนัก

เงินบาทของประเทศไทยมีมูลค่าพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในเมืองเมียวดี ชายแดนเมียนมา – ไทยในขณะที่จัตของเมียนมากลับดิ่งค่าลงทำให้ผู้ที่ค้าขายด้วยเงินจัตต้องขาดทุนหลายแสน ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 64 ค่าเงินบาทยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่กองทัพประกาศภาวะฉุกเฉินในเมียนมาเมื่อสองวันก่อน ผลักดันให้ประชาชนซื้อทองคำและเงินดอลลาร์กักตุนไว้จำนวนมาก ค่าเงินบาทเพิ่มขึ้นประมาณ 11% ในช่วงสองวันที่ผ่านมาซึ่งเป็นสัดส่วนที่ขาดทุน 5 ล้านจัตต่อผู้ที่ถือเงิน 100 ล้านจัต ขณะที่การค้าชายแดนเมียวดีค่าเงิน 100,000 จัตมีค่าเท่ากับ 2,310 บาท ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 64 ราคาตัวเป็น 2,210 บาท อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 45.24 จัตต่อบาทในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 64 ซึ่งจะมีผลดีต่อผู้ส่งออกส่วนการนำเข้าจะได้รับผลกระทบพอสมควร

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/myawady-see-rise-in-thai-baht-value-kyat-holders-suffer-losses

คนขับรถบรรทุกร้องให้ลดข้อจำกัด COVID-19 ในเมียนมา

คนขับรถบรรทุกที่ให้เดินรถในเส้นทางย่างกุ้ง  มัณฑะเลย์ มูเซ อยู่ในระหว่างร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลดข้อจำกัด COVID-19 สำหรับการขนส่งทางไกล เพราะต้องขอใบรับรองสุขภาพถึงสองครั้ง  ซึ่งจะต้องจาก 3 วันเป็น 7 วัน จากย่างกุ้งไปยังมูเซซึ่งเป็นด่านชายระว่างเมียนมา-จีน ที่ใหญ่ที่สุด และยังร้องขออนุญาตให้ขับรถเป็นเวลา 24 ชั่วโมงเนื่องจากปัจจุบันถูกห้ามให้ขับรถตอนกลางคืน ทั้งนี้ยังต้องจ่าย 10,000 จัตสำหรับการทดสอบ ซึ่งรวมแล้วต้องจ่ายถึง 20,000 จัต ในการเดินทางต่อครั้ง

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/truckers-seek-reductions-myanmar-covid-19-restrictions.html

เวิลด์แบงก์เตือนรัฐประหารเมียนมากระทบพัฒนาประเทศ

ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมา หลังจากกองทัพได้ก่อรัฐประหารเพื่อยึดอำนาจรัฐบาล โดยเวิลด์แบงก์เตือนว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยในเมียนมามีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะถดถอย และจะสร้างความเสียหายต่อแนวโน้มการพัฒนาประเทศ มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและความมั่นคงของประชาชนในเมียนมา ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ของเวิลด์แบงก์และบรรดาพันธมิตร เราได้รับผลกระทบจากการถูกปิดช่องทางการสื่อสารทั้งภายในเมียนมาและกับต่างประเทศ ทั้งนี้ กองทัพเมียนมาเข้ายึดอำนาจรัฐบาลเมื่อวานนี้ พร้อมกับควบคุมตัวนางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐและผู้นำคนอื่นๆ และได้ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศเป็นเวลา 1 ปี โดยกองทัพได้มอบอำนาจการปกครองให้กับนายพลมิน อ่อง หล่าย ขณะที่สัญญาว่าจะจัดการจัดการเลือกตั้งทั่วไปหลังจากนั้น นอกจากนี้ เวิลด์แบงก์คาดการณ์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจเมียนมา จะลดลงเพียง 0.5% ในปีงบประมาณ 2562/2563 จากระดับ 0.68% ของปีงบประมาณก่อนหน้า อย่างไรก็ดี คาดว่าเศรษฐกิจเมียนมาอาจหดตัวรุนแรงถึง 2.5% หากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงยืดเยื้อ

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/920433

โรงงาน Suzuki ในย่างกุ้ง ยังเดินสายการผลิตตามปกติ

บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ Suzuki ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ Thilawa ยังเปิดดำเนินการตามปกติแม้จะมีข่าวลือแพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดียในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 64 ว่าจะปิดตัวลงท่ามกลางความไม่สงบทางการเมืองในประเทศ แต่ตัวแทนจากคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษ Thilawa (SEZ) ได้ออกมาสยบข่าวลือดังกล่าว กระนั้นการผลิตได้หยุดชะงักในช่วงสั้น ๆ เนื่องจากขาดการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแต่ได้รับการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ยังยืนยันด้วยว่า บริษัท โตโยต้า กำลังจะมีพิธีเปิดดำเนินการในเดือนนี้ คณะกรรมการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่านักลงทุนใน Thilawa SEZ ไม่มีแผนที่ถอนการลงทุนอย่างแน่นอน โดยบริษัท ซูซูกิ ได้ลงทุนราว 800 – 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเมียนมาและคาดว่าการผลิตแบบ CKD (Completely Knocked-Down) จะเริ่มขึ้นเมื่อโรงงานแห่งใหม่เสร็จสมบูรณ์ในปี 66

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/business-usual-suzuki-facility-yangon.html

การเมืองเมียนมายังน่าห่วง ผู้ค้าข้าวใน Bayintnaung หยุดการซื้อขายชั่วคราว

ผู้ค้าส่งข้าวศูนย์ค้าระงับการซื้อขายส่งพร้อมทั้งจับตาดูสถานการณ์ทางการเมืองของเมียนมาอย่างใกล้ชิดก่อนตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร นาย U Than Oo เลขานุการของ Bayintnaung Wholesales Center กล่าวว่าการสื่อสารรวมถึงรถบรรทุกถูกตัดขาดจึงต้องหยุดการค้าขายไว้ก่อน ส่วนที่ถูกส่งขายไปแล้วจำเป็นต้องลดราคา 500 จัตต่อถุงเพื่อระบายสินค้า ขณะนี้ผู้ค้ากำลังเฝ้าสังเกตสถานการณ์และรอคำชึ้แจงเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 64 พบว่ายอดขายสินค้าของซูเปอร์มาร์เก็ตรวมไปถึงตลาดในย่างกุ้งเพิ่มขึ้นเนื่องจากผู้คนกักตุนอาหารและสิ่งจำเป็นในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนนี้

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/bayintnaung-rice-wholesalers-halts-trade-observe-situation.html

ไซต์งานก่อสร้างในย่างกุ้งหยุดกระทันหัน หวั่นกระทบแรงงานจำนวนมาก

อุตสาหกรรมการก่อสร้างของย่างกุ้งหยุดชะงักตามปัญหาการเชื่อมต่อและการขนส่ง สมาคมผู้ประกอบการการก่อสร้างแห่งเมียนมาเผยไซต์ก่อสร้างในเขตย่างกุ้งได้ระงับชั่วคราวและกำลังรอการพัฒนาเพิ่มเติมก่อนที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการดำเนินการต่อไป ปัจจุบันไม่มีการเชื่อมต่อ (โทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ต) และประชาชนไม่สามารถถอนเงินที่ธนาคารได้คนงานยังไม่สามารถเดินทางไปที่ทำงานได้เนื่องจากไม่มีรถประจำทางกระทบต่อคนทั้งประเทศ โดยมีแรงงานในอุตสาหกรรมจำนวนมากที่ได้รับค่าจ้างรายวัน คนงานเหล่านี้มักจะถอนเงินสดทุกวันที่ธนาคารหลังเลิกงาน ทั้งนี้ผู้เที่เกี่ยวข้องยังไม่มีแผนที่ประชุมหรือเจรจาเพื่อแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/yangon-construction-sites-cease-operations.html

อนาคตเศรษฐกิจเมียนมา ความไม่แน่นอนหลังการเลือกตั้ง

หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสหภาพเมียนมา (UMFCCI) เผยสถานการณ์ฉุกเฉินในขณะนี้ส่งผลกระทบต่อความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและนักลงทุนต้องรอดูว่าจะคลี่คลายอย่างไรในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอาจเกิดขึ้นได้หากสถานการณ์ยังดำเนินต่อไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของประเทศและเกิดการประท้วงเกิดขึ้นในต่างประเทศ จากสถานการณ์ปัจจุบันนักลงทุนอาจตัดสินใจถอนการลงทุนออกจากเมียนมา หากมองแนวโน้มของสถานการณ์คาดจะมีการปราบปรามโดยกองทัพมากขึ้นอาจส่งผลให้เกิดความไม่สงบและความไม่แน่นอนทางการเมืองเพิ่มขึ้น ทั้งนี้สหรัฐฯ ยืนยันสนับสนุนสถาบันประชาธิปไตยของเมียนมาและเรียกร้องให้กองทัพยึดมั่นในประชาธิปไตยและปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวซึ่งรวมถึงนางอองซานซูจี เนื่องจากเอเชียคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 60 ของการส่งออกทั้งหมดของเมียนมารโดยมีตลาดหลักคือจีนและไทยการส่งออกทั้งหมดไปภูมิภาคนี้จะลดผลกระทบของการคว่ำบาตรจากประเทศตะวันตกได้ บริษัทวิจัยได้ปรับการคาดการณ์การเติบโตของ GDP เหลือ 2% สำหรับปีงบประมาณ 63-64 และปีงบประมาณ 64-65 จากที่คาดไว้ก่อนหน้านี้คือ 5.6% และ 6% แนวโน้มการเติบโตของประเทศขึ้นอยู่กับโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งอาจล่าช้าหรือยกเลิกได้ทั้งหมดหากมีการใช้มาตรการคว่ำบาตร

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/umfcci-vice-chair-says-impacts-economy-uncertain.html