ทุเรียนไทยยอดนิยมตในจีน ส่งออก 5 เดือน 6 หมื่นล้าน

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีต่อผลประกอบการและตัวเลขการส่งออก ทุเรียนไทยซึ่งยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่องในจีน พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญในการควบคุมและรักษาคุณภาพทุเรียนตามมาตรฐาน ตั้งแต่ต้นทางไปจนปลายทาง ชื่นชมระเบียงการค้าเชื่อมทางบกและทางทะเลระหว่างประเทศสายใหม่ (New International Land-Sea Trade Corridor: ILSTC) ใช้เวลาขนส่ง 4 วัน จากเดิม 8-10 วัน ซึ่งการขนส่งแบบใหม่นี้ไม่เพียงจะช่วยลดต้นทุนแล้ว ยังช่วยลดความเสียหายระหว่างการขนส่งได้อีกด้วย โดยสถิติการส่งออกทุเรียนปี 2022 ซึ่งถือเป็นปีที่มีสถิติการส่งออกทุเรียนสูงสุดในรอบ 30 ปี ไทยส่งออกทุเรียนสดมูลค่ากว่า 1.10 แสนล้านบาท คาดว่ามาจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.ความสะดวกในด้านการคมนาคมขนส่งที่สามารถส่งออกสูงสุดได้ถึง 700-800 ตัน/ตู้/วัน 2. การผ่อนปรนการตรวจโควิดของจีน 3.รสชาติที่ดีของทุเรียนไทย และ 4.มาตรฐานการคุมเข้มทุเรียนอ่อน

ที่มา : https://www.thebetter.co.th/news/business/4772

“แบงก์ชาติ” เผยกลุ่มสินเชื่อเวียดนามที่มีความเสี่ยงสูง อยู่ภายใต้การควบคุม

นาย Dao Minh Tu รองผู้ว่าการธนาคารเวียดนาม กล่าวว่ากลุ่มกู้ยืมสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงของเวียดนามยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม โดยในภาพรวมของการเติบโตของสินเชื่อ (ณ วันที่ 15 มิ.ย.) อยู่ที่ 3.36% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2565 ถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่สูงเท่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี ตลาดตราสารหนี้และตลาดทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 4% และธนาคารกลางเวียดนามเข้าซื้อเงินตราต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มเงินทุนสำรองของประเทศ นอกจากนี้ ธนาคารกลางประกาศที่จะลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันในปีนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากภาคการผลิตของประเทศที่อ่อนแอลงเป็นไปตามอุปสงค์โลกที่หดตัวเช่นเดียวกัน

ที่มา : https://www.channelnewsasia.com/business/vietnam-credit-high-risk-sectors-under-control-central-bank-3576701

“เมย์แบงก์” คาดเศรษฐกิจเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในอาเซียน

คุณ Datuk Khairussaleh Ramli ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการของเมย์แบงก์ กรุ๊ป (Maybank Group) เปิดเผยว่าในปัจจุบัน การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้สิ้นสุดลงแล้ว กลุ่มประเทศในอาเซียนกลับมาดำเนินกิจการอีกครั้งและมีทิศทางที่สดใส ท่ามกลางกระแสลมจากสถานการณ์ทั่วโลกที่ไม่แน่นอน อย่างไรก็ดี ด้วยจำนวนประชากรทั้งหมดมากกว่า 660 ล้านคน และ GDP รวมกันทั้งสิ้นราว 3.66 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 อีกทั้ง กลุ่มประเทศอาเซียนมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก ตามหลังสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่นและเยอรมนี นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาแนวโน้มทางเศรษฐกิจทั้ง 6 ประเทศในอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และเวียดนาม คาดว่าจะเติบโตที่ 4.2% ในปีนี้ และเกินกว่า GDP โลกที่ตั้งเป้าไว้ที่ 2.0%

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/maybank-vietnam-among-fastest-growing-countries-in-asean-2156785.html

“เมียนมา” เผยราคาเชื้อเพลิงในประเทศ พุ่ง 2,000 จ๊าดต่อลิตร

คณะกรรมการกำกับการนำเข้า การจัดเก็บและการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของเมียนมา รายงานว่าราคาน้ำมันเตาในประเทศ (ดีเซลและออกเทน 92) ขยับเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่า 2,000 จ๊าดต่อลิตร โดยราคาเชื้อเพลิงในประเทศถูกกำหนดมาจากราคาน้ำมันเบนซินอ้างอิงราคากลางของเอเชีย (MOPS) ซึ่งเป็นที่กำหนดราคาผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ ตามข้อมูลในเดือน สิ.ค. 65 พบว่าราคาน้ำมันออกเทน 92 พุ่งสูงขึ้นอยู่ที่ 2,605 จ๊าดต่อลิตร ราคาน้ำมันออกเทน 95 และดีเซล ขยับเพิ่มสูงขึ้นแตะ 2,670 จ๊าดต่อลิตร และ 3,245 จ๊าดต่อลิตร ตามลำดับ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-honey-exports-exceed-330-tonnes-in-may/#article-title

เส้นทางรถไฟสาย สปป.ลาว-จีน ดึงนักท่องเที่ยวจีนมายัง สปป.ลาว มากขึ้น

จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมายัง สปป.ลาว เพิ่มขึ้นอย่างมาก นับตั้งแต่เปิดให้บริการเส้นทางรถไฟสาย สปป.ลาว-จีน สำหรับผู้โดยสารเดินทางข้ามแดนไปเมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา ตามการรายงานของ Mr. Pakasith Chathapaya ประธานสมาคมโรงแรมและภัตตาคารของ สปป.ลาว กล่าวกับหนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ไทมส์เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่าชาวจีนเดินทางเข้ามาพักที่โรงแรมของประทานฯ คิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 40 ของลูกค้าทั้งหมด โดยคาดว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง เนื่องจาก สปป.ลาว เตรียมเปิดตัวแคมเปญ “Visit Laos Year” และจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียนในปีหน้า ซึ่งจากข้อมูลของกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว รายงานว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปี สปป.ลาว ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 1.11 ล้านคน โดยในจำนวนนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวมาจากประเทศไทยมากที่สุดที่ 430,979 คน ตามมาด้วยเวียดนาม 224,461 คน และจีน 223,350 คน ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเพิ่มขึ้นจาก 16,283 คน ในเดือนมกราคมเป็น 53,837 คน ในเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้นเป็น 73,192 คนในเดือนมีนาคม และเพิ่มขึ้นเป็น 80,038 คน ในช่วงเดือนเมษายน แสดงถึงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten118_Railway_y23.php

กัมพูชาส่งออกยางพุ่ง 41% ในปีนี้

กัมพูชาส่งออกผลิตภัณฑ์จากยางพารามูลค่ารวมแตะ 260 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 5 เดือนแรกของปี ขยายตัวกว่าร้อยละ 41.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามข้อมูลของกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDC) โดยในช่วงเดือนพฤษภาคมเพียงเดือนเดียวกัมพูชาส่งออกผลิตภัณฑ์ยางพารากว่า 53.5 ล้านดอลลาร์ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดปีนี้นับตั้งแต่เดือนมกราคม ด้านสมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ (ANRPC) ซึ่งมีสำนักงานในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ได้รายงานสถานการณ์การผลิตยางธรรมชาติทั่วโลก (NR) ว่ามีการเติบโตลดลงที่ร้อยละ 1.5 เมื่อเทียบเป็นรายปี หรือคิดเป็นปริมาณ 896,000 ตัน ในช่วงเดือนเมษายน และด้วยการผลิตที่ลดลง แต่ความต้องการยางธรรมชาติทั่วโลกกลับเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 2.7 ส่งผลทำให้ราคายางพาราปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปี 2022 ตลาดยางธรรมชาติทั่วโลก คาดว่าจะมีปริมาณการผลิตถึง 14.693 ล้านตัน ขณะที่การบริโภคคาดว่าจะอยู่ที่ 14.738 ล้านตัน ตลอดทั้งปี ซึ่งโดยเฉพาะในตลาดยางพาราอย่าง จีน เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย และสหภาพยุโรป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501311550/cambodias-rubber-exports-surge-by-over-41/

กัมพูชาส่งเสริมการชำระเงินดิจิทัลข้ามพรมแดนระหว่าง เวียดนาม และสปป.ลาว

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) กำลังเตรียมลงนามข้อตกลงกับธนาคารแห่งรัฐเวียดนามและธนาคารแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อส่งเสริมการใช้สกุลเงินเรียลของกัมพูชาในกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างกันข้ามพรมแดน กล่าวโดย Chea Serey รองผู้ว่าการ NBC ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อของเวียดนามในกรุงพนมเปญ โดยเน้นย้ำว่าความคิดริเริ่มนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคใช้สกุลเงินเรียลในการซื้อสินค้า/บริการในประเทศมากขึ้น ผ่านการใช้งานบนระบบ QR Code ที่เชื่อมโยงกับบัญชีในประเทศของตน ซึ่งรองผู้ว่าการฯ สังเกตว่าความต้องการในการใช้เงินสกุลเรียลเพิ่มขึ้นทีละน้อยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การไหลเวียนของเงินเรียลในกัมพูชามีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ร้อยละ 16.6 หรือคิดเป็นประมาณ 14.1 ล้านล้านเรียล (เทียบเท่ากับ 3.4 พันล้านดอลลาร์) ในปี 2022 เพิ่มขึ้นจาก 356 ล้านเรียลในปี 1998 โดยการใช้สกุลเงินดอลลาร์ในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจกัมพูชา เนื่องจากปริมาณเงินเรียลในระบบมีการใช้อยู่ค่อนข้างน้อย จนทำให้ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา ใช้นโยบายทางการเงินได้ไม่เต็มที่ โดยปัจจุบันกลุ่ม ASEAN-5 ประกอบด้วยอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และสิงคโปร์ ได้ลงนามในข้อตกลงเมื่อปีที่แล้ว เพื่อจัดตั้งระบบการชำระเงินดิจิทัลข้ามพรมแดนโดยใช้ QR Code ร่วมกันภายในสิ้นปีนี้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501311878/cambodia-to-promote-cross-border-digital-payment-with-viet-nam-laos/

‘ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยง’ ปี 66 เติบโตต่อเนื่อง ดันไทยส่งออกอันดับ 1 อาเซียน ที่ 4 ของโลก

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีผลตัวเลขการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยเติบโตต่อเนื่อง เป็นผู้นำด้านการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงอันดับ 4 ของโลก และอันดับ 1 ในอาเซียน ตลาดการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังครองใจผู้บริโภคในตลาดโลก โดยข้อมูลจากกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ พบว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2566 (ม.ค.– เม.ย. 66) ไทยมีมูลค่าการส่งออกอาหาsสัตว์เลี้ยงไปตลาดโลก 750 ล้านดอลลาร์ ทำให้ประเทศไทยขึ้นเป็นผู้นำด้านการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงอันดับ 4 ของโลก รองจากสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และจีน ซึ่งถือเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับคู่ค้า ปลดล็อคกำแพงภาษีศุลกากร ผู้ประกอบการไทยสามารถขยายส่งออกไปตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น โดยช่วง 4 เดือนแรก ของปี 2566 ไทยส่งออกอาหาsสัตว์เลี้ยงไปตลาดคู่ค้า FTA มูลค่า 432 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 58% ของการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งหมด ซึ่งตลาดที่ขยายตัวต่อเนื่อง ได้แก่ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา เมียนมา และเปรู ปี 65 ส่งออกโต 15% ทั้งนี้ รัฐบาลยังคงปฏิบัติตามแนวทางการดำเนินนโยบายเจรจากับประเทศคู่ค้าที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเปิดเจรจา FTA ฉบับใหม่ ๆ กับประเทศคู่ค้าสำคัญ และคู่ค้าที่มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มตลาดส่งออกอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการไทย

ที่มา : https://www.thebangkokinsight.com/news/business/1124725/

“เวิลด์แบงค์” คาดเงินเฟ้อเวียดนาม มีแนวโน้มลดลงเป็นเดือนที่ 4

ตามรายงาน “Vietnam Macro Monitoring” ของธนาคารโลก เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเวียดนาม ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ โดยลดลงจาก 2.8% ในเดือน เม.ย. มาอยู่ที่ 2.4% ในเดือน พ.ค. ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ในระดับสูง 4.5% ในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบกับเดือน เม.ย. ที่ 4.6% ทั้งนี้ ธนาคารโลกมองว่าอุปสงค์ภายนอกประเทศที่ยังคงอ่อนแอและความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นทั่วโลก ได้ส่งผลในเชิงลบต่อเศรษฐกิจ รวมไปถึงภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอตัว การส่งออกและการนำเข้าที่หดตัวลง ในขณะที่การเบิกจ่ายการลงทุนยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดี ภาคเหนือของประเทศเวียดนามเริ่มประสบกับภาวะไฟดับในช่วงปลายเดือน พ.ค. ซึ่งหากไม่แก้ไขอย่างทันท่วงที อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจได้ นอกจากนี้ เงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะลดลง ทำให้ธนาคารกลางเวียดนามใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนปรน เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ

ที่มา : https://en.nhandan.vn/world-bank-vietnams-cpi-inflation-trends-down-for-fourth-month-post126588.html

นิกเคอิสื่อชั้นนำญี่ปุ่น ชี้ “ท่องเที่ยวเวียดนาม” โตเร็วกว่าไทย

นายออมรี มอร์แกนสเติร์น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Agoda แพลตฟอร์มจัดการด้านการท่องเที่ยวออนไลน์ กล่าวกับสำนักข่าวนิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) ว่าการท่องเที่ยวของเวียดนามเติบโตเร็วกว่าไทย และอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ คือ ชาวเกาหลีจำนวนมากจะเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นและเวียดนามมากขึ้น เนื่องจากบริษัทเกาหลีได้ตั้งโรงงานและเปิดดำเนินการที่เวียดนามในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดการตั้งชุมชนชาวต่างชาติขึ้นมา ในขณะที่จากข้อมูลของสื่อชื่อดังญี่ปุ่น เปิดเผยว่าเวียดนามมีสัดส่วนของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศเพิ่มขึ้นในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เป็นรองจากญี่ปุ่นและไทยที่เป็นจุดหมายปลายทางในเอเชีย นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) ระบุว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศกว่า 4.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 12.6 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวหลักของเวียดนาม รองจากจีน สหรัฐฯ และไต้หวัน

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-tourism-growing-faster-than-in-thailand-japan-nikkei-asia-2156461.html