“เวียดนาม” เผยราคาเหล็กขาลง

บริษัท ฮว่า ฟ้าด กรุ๊ป (Hoa Phat Group) ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของเวียดนาม มีส่วนแบ่งทางการตลาด 40% ในอุตสาหกรรมเหล็กก่อสร้างของประเทศ ขณะทึ่ราคาเหล็กเส้น D10 CB300 อยู่ที่ 14.69 ล้านดองต่อตัน และราคาเหล็กรีด CB240 อยู่ที่ 14.49 ล้านดองต่อตัน ลดลง 200,000 ดอง และ 210,000 ดอง ตามลำดับ ทั้งนี้ จากข้อมูลของสมาคมเหล็กเวียดนาม ประจำเดือน เม.ย. ระบุว่าราคาเหล็กก่อสร้างลดลง 1.5 ล้านดองต่อตัน เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอลง ทำให้ผู้ผลิตต้องปรับลดราคา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ซึ่งการลดลงของราคาเหล็ก ช่วยให้การผลิตและการบริโภคของเชื้อเพลิงดีขึ้น อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จากบริษัท VNDirect คาดว่ายอดขายเหล็กมีแนวโน้มที่ทรงตัวตลอดทั้งปี และมองว่ายอดขายเหล็กก่อสร้างจะลดลง 9.2%, เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีจะลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/steel-prices-in-downward-spiral/

“ตลาดหุ้นเวียดนาม” ขึ้นแท่นจุดหมายที่มีความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ

การประชุมประจำปีขององค์กรคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์นานาชาติ (IOSCO) ในปี 2566 นับเป็นการประชุมประจำปีครั้งที่ 48 ณ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 13-15 มิ.ย. นาง Vu Thi Chan Phuong ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม กล่าวว่าตลาดหุ้นเวียดนามมีการพัฒนาที่น่าประทับใจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมไปถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพและการรักษาสภาพคล่องในตลาดที่ดี อีกทั้งยังเป็นช่องทางการลงทุนที่น่าสนใจของประชาชน และดึงดูดนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศได้จำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ช่วยอำนวยความสะดวกในการระดมเงินทุนเท่านั้น แต่ธุรกิจเวียดนามยังมีความก้าวหน้าในด้านธรรมาภิบาล ความโปร่งใสและการพัฒนาที่ยั่งยืน

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnamese-stock-market-becomes-reliable-destination-for-investors-worldwide-post1026603.vov

“เมียนมา” เผยราคายางพารา ดีดทะลุ 1,400 จ๊าตต่อปอนด์

ราคายางพาราในรัฐมอญ (Mon State) ทะลุ 1,400 จ๊าตต่อปอนด์ ได้แรงหนุนจากแนวโน้มราคายางระหว่างประเทศที่พุ่งสูงขึ้น โดยในปัจจุบันราคายางพาราแบบแห้ง (Local 3) อยู่ที่ราว 1,405 จ๊าตต่อปอนด์ ในขณะที่ยางพาราแผ่นรมควันราคาประมาณ 1,425 จ๊าตต่อปอนด์ ทั้งนี้ สถานการณ์ราคายางพาราในเมียนมา ได้รับอิทธิผลมาจากอุปสงค์โลก ผลผลิตยางพาราในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และผลผลิตของตลาด ซึ่งปัจจัยข้างต้นมีส่วนสำคัญต่อรัฐมอญ เนื่องจากรัฐมอญเป็นศูนย์กลางการผลิตยางพาราที่สำคัญของเมียนมา นอกจากนี้ สมาคมผู้ปลูกและผลิตยางพาราของประเทศเมียนมา ได้ตั้งเป้ายอดการส่งออกยางพาราไว้ที่ 300,000 ตัน ในปีงบประมาณ 2566-2567

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/rubber-price-rebounds-surpasses-k1400-per-pound/#article-title

2022 มูลค่าการค้า สปป.ลาว-ญี่ปุ่น พุ่งแตะ 290.5 ล้านดอลลาร์

มูลค่าการค้าระหว่าง สปป.ลาว และญี่ปุ่นในช่วงปี 2022 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 290.5 ล้านดอลลาร์ โดยคิดเป็นการนำเข้าของ สปป.ลาว จากญี่ปุ่นมูลค่า 149.8 ล้านดอลลาร์ สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ ยานพาหนะ (ยกเว้นรถจักรยานยนต์และรถแทรกเตอร์) ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ แก้วและเครื่องแก้ว รถแทรกเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เส้นใยสังเคราะห์ เครื่องใช้พลาสติก ฝ้ายและผลิตภัณฑ์จากฝ้าย สำหรับการส่งออกของ สปป.ลาว ไปยังญี่ปุ่นมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 140.6 ล้านดอลลาร์ ได้แก่ รองเท้า ผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า น้ำหอม เครื่องสำอาง ขนไก่ เกลือโพแทสเซียม กาแฟ ผลิตภัณฑ์เคมี กล้วยและผลไม้อื่นๆ ไปจนถึงอุปกรณ์กีฬา เมล็ดพืช ฟางและหญ้า กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ กล่าวโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ Mr. Malaythong Kommasith ระหว่างเข้าพบหารือกับคณะผู้แทนญี่ปุ่น ณ กรุงเวียงจันทน์ ซึ่งกล่าวเสริมว่ารัฐบาลญี่ปุ่นได้เขามาช่วยเหลือ สปป.ลาว นับตั้งแต่ปี 2010 ในการศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นในการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมในนามสวนอุตสาหกรรมเวียงจันทน์ ผ่านความร่วมมือกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นตกลงที่จะให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ภายใต้การชำระคืนของรัฐบาล สปป.ลาว ให้กับผู้ถือสิทธิการใช้ที่ดินในปัจจุบัน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_Laos114.php

4 เดือนแรกของปี กัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโตกว่า 613%

ในช่วง 4 เดือนแรกของปี กัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 1.72 ล้านคน ขยายตัววกว่าร้อยละ 613 จากจำนวนนักท่องเที่ยวเพียง 241,485 คน ในช่วงเดียวกันของปีก่อน รายงานโดยกระทรวงการท่องเที่ยวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (14 มิ.ย.) ซึ่งประเทศไทยติดอันดับหนึ่งในชาร์ตนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังกัมพูชาในช่วงเดือนมกราคม-เมษายนปีนี้ ตามมาด้วยเวียดนามและจีน โดยรายงานระบุเพิ่มเติมว่าในจำนวนดังกล่าวคิดเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยกว่า 570,021 คน เวียดนาม 289,643 คน และชาวจีน 184,009 คน

ด้าน Thong Khon รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา กล่าวว่า กัมพูชาตั้งเป้าหวังว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้มากกว่า 4 ล้านคน ภายในปี 2023 สำหรับภาคการท่องเที่ยวถือเป็นหนึ่งในสี่เสาหลักที่สนับสนุนเศรษฐกิจกัมพูชา โดยกัมพูชามีแหล่งมรดกโลก 3 แห่ง ได้แก่ อุทยานโบราณคดีอังกอร์ในจังหวัดเสียมราฐทางตะวันตกเฉียงเหนือ ปราสาทพระวิหารในจังหวัดพระวิหารทางตะวันตกเฉียงเหนือ และปราสาทสมโบร์ไพรกุกในจังหวัดกำปงธมทางตอนกลางของประเทศ นอกจากนี้ยังเมีเมืองชายฝั่งที่ทอดยาวกว่า 450 กม. ผ่าน 4 จังหวัดทางตะวันตกเฉียงใต้ ได้แก่ สีหนุวิลล์ กัมปอต แกบ และเกาะกง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501308550/cambodia-records-513-percent-increase-in-tourist-arrivals-in-1st-4-months/

การค้า กัมพูชา-ญี่ปุ่น แตะเกือบ 700 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 5 เดือนแรกของปี

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและญี่ปุ่น ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่ารวมกว่า 699 ล้านดอลลาร์ ปรับตัวลดลงร้อยละ 10.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยญี่ปุ่นถือเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 5 รองจากจีน สหรัฐฯ เวียดนาม และไทย รายงานโดยกรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชา ซึ่งคิดเป็นการส่งออกของกัมพูชาไปยังญี่ปุ่นที่มูลค่า 442 ล้านดอลลาร์ และคิดเป็นการนำเข้าของกัมพูชาจากญี่ปุ่นที่มูลค่า 257 ล้านดอลลาร์ โดยการส่งออกในช่วงเดือนพฤษภาคมเพียงเดือนเดียวมีมูลค่าอยู่ที่ 55 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 20.4 จากมูลค่า 69 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน

ด้านเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำกัมพูชา Ueno Atsushi ได้กล่าวในเวทีสาธารณะของกัมพูชาเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ว่านักลงทุนชาวญี่ปุ่นมองเห็นถึงศักยภาพของกัมพูชา ซึ่งกัมพูชาตั้งอยู่กลางแม่น้ำโขงติดต่อกับไทยและเวียดนามเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งยังมีกำลังแรงงานที่อายุน้อยและมีต้นทุนการจ้างงานที่ถูกกว่าแรงงานในประเทศไทยและเวียดนาม รวมถึงกัมพูชายังเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนภายใต้นโยบายส่งเสริมมากมาย ด้วยเหตุผลข้างต้นทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นคาดว่าจะเข้ามาลงทุนยังกัมพูชาเพิ่มขึ้นในอนาคต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501308691/cambodia-japan-bilateral-trade-nears-700-million-in-the-first-five-months/

“กฟผ.” ระงับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลของกรมจัดการบริหารเขตเศรษฐกิจกว๋างหงาย เมื่อวันที่ 29 พ.ค. เปิดเผยว่าบริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (EGATi) ได้ยื่นเอกสารต่อกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม (MoIT) เกี่ยวกับการระงับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนที่อยู่ในรูปแบบ Build-Operate-Transfer (BOT) ตั้งอยู่ในจังหวัดกว๋างหงาย ซึ่งการตัดสินใจของ กฟผ. ในครั้งนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของแหล่งพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความยั่งยืน ตลอดจนสอดคล้องกับบริบทของโลกที่จะลดการพึ่งพาถ่านหินและเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานที่สะอาด

ที่มา : https://vir.com.vn/thai-investor-suspends-23-billion-thermal-power-plant-project-in-quang-tri-102618.html

“องค์กรระดับโลก” มองแนวโน้มเศรษฐกิจเวียดนามไปในทิศทางที่เป็นบวก

ธนาคารโลก (WB) คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามที่ 6% ในปี 2566 ชะลอตัวลง 0.3% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือน ม.ค. อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจของเวียดนามยังอยู่ในระดับสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถึงแม้ว่าเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ ขณะที่ธนาคารโลกรายงานว่าสถานการณ์การค้าทั่วโลกในปีนี้ อยู่ในทิศทางที่เป็นลบ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบางประเทศที่พึ่งพาภาคการค้าเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมาเลเซียและเวียดนาม ทั้งนี้ องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD), ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และธนาคารพัฒนาเอเชีย คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนามในปีนี้ จะขยายตัว 6.5% อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเศรษฐกิจเวียดนามยังคงเผชิญกับความเสี่ยงหลายประการ ได้แก่ เงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง การดำเนินนโยบายแบบเข้มงวดในหลายประเทศ เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าฟื้นตัวช้า การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานโลก ความมั่นคงด้านพลังงานและอาหาร ภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/reputable-organisations-optimistic-about-vietnam-s-economic-outlook-2154134.html

“เมียนมา” เผยราคาทองคำทะลุ 3.1 ล้านจ๊าตต่อ Tical

สมาคมผู้ค้าทองคำในย่างกุ้ง (YEGA) เปิดเผยว่าราคาทองคำทำสถิติพุ่งสูงสุด 3.1 ล้านจ๊าตต่อ Tical (0.578 ออนซ์ หรือ 0.016 กิโลกรัม) ในตลาดภายในประเทศ เนื่องมาจากทิศทางของราคาทองคำแท่งที่สูงขึ้นและการอ่อนค่าของค่าเงินจ๊าต เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ราคาทองคำตลาดโลก Gold Spot อยู่ที่ 1,962 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และค่าเงินจ๊าตอ่อนค่าลง 2,970 ดอลลาร์สหรัฐในตลาดเกรย์ มาร์เก็ต (Grey Market)

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/gold-price-surpasses-k3-1-mln-per-tical-in-shady-dealings/#article-title

ไทยใช้เส้นทางรถไฟสาย สปป.ลาว-จีน ขนส่งทุเรียนไปยังฉงชิ่งภายใน 88 ชั่วโมง

ประเทศไทยใช้ประโยชน์จากเส้นทางการขนส่งทางรถไฟสาย สปป.ลาว-จีน ไปยังเทศบาลนครฉงชิ่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขนส่งทุเรียนและผลไม้ประเภทต่างๆ ประมาณกว่า 500 ตัน รายงานโดยบริษัทขนส่ง China Railway Materials เมื่อวันวันจันทร์ที่ผ่านมา (12 มิ.ย.) ซึ่งลักษณะการขนส่งใช้ตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุต จำนวน 28 ตู้ ส่งตรงไปยังศูนย์โลจิสติกส์ทางรถไฟ Xiaonanya ของฉงชิ่ง ใช้เวลาการขนส่งภายใน 88 ชั่วโมง นับเป็นการเปิดเส้นทางโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงสวนผลไม้กับตลาดค้าปลีกในฉงชิ่ง ขณะที่ Deng Haoji ผู้จัดการจาก บริษัท Chongqing Hongjiu Fruit กล่าวว่า การขนส่งดังกล่าวลดระยะเวลาด้านการขนส่งลงกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับการขนส่งในอดีต โดยทางการ สปป.ลาว ยังได้กล่าวเสริมว่าบริษัทจากประเทศต่างๆ ในภูมิภาคจะได้รับประโยชน์จากข้อตกลงการค้าต่างๆ อาทิเช่น ข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่ยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของจีน นับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคม ตามรายงานของกรมศุลกากร (GAC) ซึ่งมูลค่าการค้ารวมระหว่างจีนและอาเซียนเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2.59 ล้านล้านหยวน (3.6 แสนล้านดอลลาร์) ในช่วง 5 เดือนแรก คิดเป็นการขยายตัวกว่าร้อยละ 9.9 เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten112_Direct_y23.php