ชานซีเปิดตัวรถไฟบรรทุกสินค้าขบวนแรกจากจีน ไป สปป.ลาว

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (31 ก.ค.2565) มณฑลซานซี ทางเหนือของจีน เปิดตัวรถไฟบรรทุกสินค้าระหว่างประเทศขบวนแรกที่วิ่งผ่านทางรถไฟจีน-สปป.ลาว  ซึ่งบรรทุกสินค้า เช่น เซรามิก สี และปุ๋ย ออกเดินทางจากมณฑลซานซีไปยังกรุงเวียงจันทน์ คาดว่าจะมาถึงสปป.ลาวในอีก 7 วัน โดยจะเชื่อมโยงคุนหมิงซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลยูนนานทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนกับเวียงจันทน์ ทั้งคาดว่ารถไฟบรรทุกสินค้าระหว่างประเทศจะยกระดับและขยายการเชื่อมโยงด้านลอจิสติกส์ระหว่างพื้นที่ทางตอนเหนือของจีนและประเทศในกลุ่มอาเซียน รวมทั้งมีบทบาทในการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและการค้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten146_Laos_Japan_y22.php

ตั้งแต่ 1 เม.ย. ถึง 22 ก.ค.65 เมียนมาส่งออกสินค้าประมงไปแล้วกว่า 181 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

กรมประมงของเมียนมา เผย ในระหว่างวันที่ 1 เม.ย. ถึง 22 ก.ค.2565 ของปีงบประมาณ 2564-2565 การส่งออกประมงทำรายได้มากกว่า 181 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยผ่านทางทะเล 119.351 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และผ่านชายแดน 62.545 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้สินค้าประมงส่วนใหญ่จะถูกส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป ส่วนปลา กุ้ง และปูจะถูกส่งออกไปยังจีน ไทย และประเทศเพื่อนบ้านผ่านทางเขตการค้าชายแดนมูเซ ชายแดนเมียวดี ชายแดนเกาะสอง ชายแดนซิตเว่ มะริด และชายแดนมองดอ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmars-marine-exports-collect-over-181-mln-from-1-april-to-22-july/#article-title

“เวียดนาม” เผย 7 เดือนแรกของปี 65 ดัชนี CPI พุ่ง 2.54%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือนก.ค. 65 เพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนก่อน ส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 2.54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.44% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้ สำนักงาน GSO ชี้ว่าในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น 49.75% เนื่องจากสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และความต้องการในการใช้บริการร้านอาหารจึงเพิ่มสูงขึ้น ทำให้หมวดอาหารบริโภคนอกบ้านเพิ่มขึ้น 3.81% เมื่อเทียบเป็นรายปี ราคาวัสดุบ้านและข้าว เพิ่มขึ้น 7.84% และ 1.15% ตามลำดับ นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนก.ค. 65 เพิ่มขึ้น 0.58% จากเดือนก่อน และ 2.63% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1272710/cpi-goes-up-2-54-per-cent-in-seven-months-gso.htmll

“เวียดนาม” เผย 7 เดือนแรกของปี 65 ทำสถิติยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่

สำนักงานบริการจดทะเบียน กระทรวงการวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่าเวียดนามมีการจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่ เดือนก.ค. 65 ทั่วประเทศ มีจำนวน 13,174 ราย เพิ่มขึ้น 50.7% โดยมีมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 124 ล้านล้านดอง เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 89,407 ราย เพิ่มขึ้น 17.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่สูงสุดในช่วง 7 เดือนแรก ทั้งนี้ ธุรกิจตั้งใหม่ส่วนใหญ่อยู่ในภาคบริการ มีจำนวน 65,700 ราย คิดเป็นสัดส่วน 73.5% ของยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ เพิ่มขึ้น 21.7% เมื่อเทียบปีต่อปี รองลงมาธุรกิจอุตสาหกรรมและก่อสร้าง 22,468 ราย เพิ่มขึ้น 9.3% นอกจากนี้ สำหรับจำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวน 94,570 ราย หลังจากหลายปีที่ผ่านมา ธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ธุรกิจต่างๆ ยังคงประสบปัญหา เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1272709/record-in-newly-established-firms-set-in-seven-months.html

ส่งออกไปรัสเซีย เม.ย.ดิ่งหนัก “รถยนต์-ชิ้นส่วน” สูญหลังโดนนานาชาติคว่ำบาตร

การส่งออกไทยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ขยายตัวในทิศทางที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยครึ่งแรกของปี 2565 (ม.ค.-มิ.ย.2565) พบว่า ขาดดุลการค้า มูลค่า6,255.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการส่งออก มูลค่า 149,184.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 12.7%  แต่การนำเข้า มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 155,440.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 21% เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีมูลค่านำเข้าที่ 128,507 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่ ปี 2560 สาเหตุหลักๆ มาจากต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้นจากราคาพลังงาน ค่าขนส่งและการขาดแคลนวัตุถดิบ และสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อวัตถุดิบบางอย่างที่ไทยต้องนำเข้าโดยเฉพาะปุ๋ยเคมีที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเป็นหลัก โดยสินค้านำเข้าหลักๆ ของไทยคือ สินค้าเชื้อเพลิง มีการนำเข้าสูงถึง 32,140ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 91% จากปี 2564 ,สินค้าทุน มีมูลค่า 34,543ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 10%, สินค้ากึ่งวัตถุดิบและสำเร็จรูป มีมูลค่า 64,238 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น11.8%, สินค้าอุปโภคบริโภค มีมูลค่า16,622ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น9.4% และอาวุธ ยุทธปัจจัยและสินค้าอื่นๆ มีมูลค่านำเข้า1,976 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 888%

ที่มา: https://www.thansettakij.com/economy/534775

RCEP, FTA กัมพูชา-จีน ขยายตลาดส่งออกกัมพูชา

Ly Thuch ประธานคณะกรรมการแห่งชาติกัมพูชา และคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (UN-ESCAP) กล่าวว่า ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และข้อตกลงการค้าเสรี กัมพูชา-จีน (CCFTA) ถือเป็นส่วนสำคัญในการขยายตลาดส่งออกของกัมพูชาให้กว้างขึ้น โดยการส่งออกทั้งหมดของกัมพูชาไปยังประเทศสมาชิก RCEP อื่นๆ มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 3.28 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าปัจจุบันยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในหลายๆด้าน ซึ่งรวมถึงการแข่งขันทางภูมิศาสตร์ การเมือง สงครามการค้า และเทคโนโลยี โดยการสนับสนุนพหุภาคี ความร่วมมือระหว่างประเทศ และการค้าเสรี จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501122325/rcep-cambodia-china-fta-give-cambodia-larger-exporting-markets/

กัมพูชาประสบความสำเร็จในการขาย คาร์บอนเครดิต

กัมพูชาประสบความสำเร็จในการขายคาร์บอนเครดิต โดยมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 11.6 ล้านดอลลาร์ ในระหว่างปี 2016-2020 ด้านรัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมกัมพูชา กล่าวว่า กัมพูชาได้ขายโครงการคาร์บอนเครดิตจำนวน 3 โครงการ ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแก้วเซมา ในจังหวัดมณฑลคีรี, โครงการ REDD+ ณ อุทยานแห่งชาติกระวานใต้ ในจังหวัดเกาะกง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเปรยลังใน จังหวัดสตึงแตรง ซึ่งบริษัทขนาดใหญ่ที่ได้ทำการซื้อคาร์บอนเครดิตในตลาดคาร์บอนทั่วโลกยกตัวอย่างเช่น บริษัท Disney และ Gucci โดยมีจุดมุ่งหวังที่จะสร้างสันติภาพ เสถียรภาพทางการเมือง และการดำรงชีวิตที่ดีขึ้นของผู้คน รวมไปถึงเพื่อการปกป้องและรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งประเทศในกลุ่มอาเซียนมีเพียงกัมพูชาและอินโดนีเซียที่มีการขายคาร์บอนเครดิตให้กับตลาดโลก

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/501122664/cambodia-successfully-sells-carbon-credits-in-global-voluntary-carbon-market/

ACLEDA Bank ออกสินเชื่อเพื่อการเกษตรแล้วกว่า 1.21 พันล้านดอลลาร์

ธนาคาร ACLEDA กล่าวว่า ได้ทำการปล่อยสินเชื่อจำนวนมูลค่ารวมกว่า 1.21 พันล้านดอลลาร์ ให้กับภาคการเกษตร คิดเป็นกว่าร้อยละ 20.75 ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดของธนาคาร ณ เดือนมิถุนายน 2022 ที่ผ่านมา ด้าน In Channy ประธานและกรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัท ACLEDA Bank Plc กล่าวว่า กัมพูชาถือเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยภาคเกษตรกรรมมีบทบาทสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และการจ้างแรงงาน ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลกัมพูชาได้ให้ความสำคัญกับภาคเกษตรกรรมมากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501119196/acleda-bank-loans-out-1-21bil-to-boost-agriculture/

กัมพูชาส่งออกไปยังเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 22% ในช่วง H1

กัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังเกาหลีใต้มูลค่ารวม 111.35 ล้านดอลลาร์ ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชา โดยหากคิดเป็นการค้าทวิภาคีระหว่าง กัมพูชา-เกาหลีใต้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.6 สู่มูลค่า 421.33 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลกัมพูชามีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมากที่จะกระตุ้นการส่งออกภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคีกับเกาหลี โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปีนี้ ซึ่งจะยกเลิกภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้าจากกัมพูชาร้อยละ 95.6 ในขณะที่กัมพูชาจะยกเลิกการเก็บภาษีร้อยละ 93.8 ของสินค้านำเข้าจากเกาหลีใต้ โดยสินค้าส่งออกสำคัญของกัมพูชาได้แก่สินค้าเกษตร อาทิเช่น ยาง ผลไม้ และแป้ง ในขณะที่กัมพูชาเน้นการนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากเกาหลีใต้เป็นสำคัญ ซึ่งในปี 2021 กัมพูชานำเข้าสินค้าจากเกาหลีใต้มูลค่ารวมกว่า 600 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่การส่งออกของกัมพูชาไปยังเกาหลีใต้มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 341 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501119197/cambodia-exports-to-south-korea-up-22-h1/

อาเซียน-จีนลุยอัปเกรด “เอฟทีเอ” เดินหน้าขยายการค้าและลงทุน อำนวยความสะดวกลดอุปสรรค

นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ให้เป็นประธานฝ่ายอาเซียนเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมกำกับการดำเนินงานภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA-JC) ครั้งที่ 15 และการประชุม Special การประชุมครั้งนี้ได้ติดตามการดำเนินการตามความตกลงของคณะทำงานย่อยในเรื่องต่างๆ เช่น คณะทำงานด้านมาตรฐาน ด้านการลงทุน ด้านกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า รวมถึงหารือแนวปฏิบัติของสมาชิกให้ทันสมัย เพื่ออำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น และบรรเทาปัญหาที่เกิดจากอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี โดยเฉพาะจากจีน

ที่มา : https://www.thairath.co.th/business/economics/2455178