สหภาพยุโรปถอดถอนสิทธิพิเศษทางการค้าระหว่างกัมพูชาบางส่วนแล้ว

ภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มมูลค่าราว 7 พันล้านดอลลาร์ต่อปีของกัมพูชากำลังจะถูกถอดถอนสิทธิพิเศษทางการค้า (EBA) บางส่วนที่สนับสนุนโดยสหภาพยุโรป (EU) โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปตามการตัดสินใจของสหภาพยุโรปตั้งแต่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แม้ว่ารัฐบาลและภาคเอกชนจะพยายามเจรจาต่อรองให้ EU ไม่ดำเนินการหรืออย่างน้อยก็ชะลอการถอดถอนออกไปก่อน เนื่องจากผลกระทบของ COVID-19 ต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งสหภาพยุโรปเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกัมพูชาและในเดือนกุมภาพันธ์คณะกรรมการบริหารซึ่งเป็นคณะกรรมาธิการยุโรปได้แนะนำให้ถอดถอนบางส่วนของโครงการ EBA ตั้งแต่เดือนสิงหาคมโดยอ้างถึงการละเมิดหลักการของกัมพูชาอย่างร้ายแรงในด้านสิทธิมนุษยชนและแรงงานภายในประเทศที่ยังไม่ถูกแก้ปัญหา โดยการระงับดังกล่าวส่งผลกระทบต่อหนึ่งในห้า (1.08 พันล้านดอลลาร์) ของการส่งออกประจำปีของกัมพูชาที่ทำการส่งออกสินค้าไปยัง 27 ประเทศ ของกลุ่มสหภาพยุโรป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50753939/the-eus-tax-free-status-partially-withdrawn/

ยอดยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการในนิคมฯ 3 ไตรมาสมูลค่ากว่า 7 หมื่นล้าน

กระทรวงอุตสาหกรรมเผยตัวเลขการยื่นคำขอใบอนุญาตประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม 3 ไตรมาส ของปีงบประมาณ 63 มีผู้ประกอบการยื่นขอแจ้งเริ่มประกอบกิจการเพิ่ม 163 ราย ก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่ม 14,698 ราย มูลค่าการลงทุนรวม 7.43 หมื่นล้านบาท โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในช่วง 3 ไตรมาสของปีงบประมาณ 2563 (ต.ค.62-มิ.ย.63) มีนักลงทุนที่ยื่นคำขอใบอนุญาตแจ้งเริ่มประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศที่เปิดดำเนินการแล้ว 33 แห่ง โดยพบว่าจำนวนผู้ประกอบการแจ้งเริ่มประกอบกิจการ รวมทั้งสิ้น 163 ราย แบ่งออกเป็นการขออนุญาตประกอบกิจการในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จำนวน 104 ราย และนิคมอุตสาหกรรมนอกพื้นที่ EEC จำนวน 59 ราย มีผู้ยื่นคำขอใบอนุญาต เพิ่มขึ้น 41 ราย

ที่มา : https://www.thansettakij.com/content/Macro_econ/445286

สปป.ลาว ยกย่องอาเซียนเป็นองค์กรระดับภูมิภาคที่ประสบความสำเร็จ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสปป.ลาว กล่าวในข้อความที่ส่งถึงชาวลาวเมื่อเร็ว ๆ นี้เนื่องในโอกาสที่ 53 ครบรอบการก่อตั้งกลุ่มและครบรอบ 23 ปีของการเป็นสมาชิกของสปป.ลาว ว่าอาเซียนเป็นภูมิภาคที่สงบสุขและมีเสถียรภาพโดยมีความสำเร็จที่สำคัญในความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ช่วยให้กลุ่มบูรณาการเข้ากับเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและระดับโลกและมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและปรับปรุงมาตรฐานการดำรงชีวิตของประชาชน ในปี 2020 อาเซียนและหลายภูมิภาคทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายต่างๆที่เกิดจากภัยธรรมชาติและโควิด -19 ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมเสถียรภาพทางการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคและโลก เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้อาเซียนได้เสริมสร้างความร่วมมือตามเจตนารมณ์ “แน่นแฟ้นและตอบสนอง” นอกจากนี้อาเซียนและคู่เจรจาได้ตกลงที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการดูแลสุขภาพชุมชนโดยเฉพาะการป้องกัน COVID-19 ศึกษาและพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสและจัดตั้งกองทุนอาเซียนเพื่อรับมือกับ COVID-19 และสำรองอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับกรณีฉุกเฉินนอกเหนือจากการดำเนินการต่อ กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมการเชื่อมโยงและห่วงโซ่อุปทานและการลงทุนในขณะที่จัดการกับปัญหาการว่างงาน ลดความยากจนและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ นักการทูตระดับสูงของสปป.ลาวยังยืนยันด้วยว่าการเป็นสมาชิกอาเซียนได้ช่วยส่งเสริมบทบาทของสปป.ลาวในการประชุมระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/lao-fm-praises-asean-as-successful-regional-organisation/180018.vnp

จีนบริจาคเวชภัณฑ์แพทย์ต่อต้านการแพร่ระบาด COVID-19 แก่สปป.ลาว

รัฐบาลจีนได้บริจาคชุดเวชภัณฑ์ต่อต้านการแพร่ระบาด COVID-19 โดยขนส่งจากเมืองคุนหมิงซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลยูนนานทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนเมื่อเช้าวันศุกร์มุ่งหน้าไปยังสปป.ลาว ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวประกอบด้วย รถพยาบาล เครื่องเครื่องช่วยหายใจและเครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรด Hu Baoguo รองนายกเทศมนตรีเมืองคุนหมิงกล่าวว่า “นครเวียงจันทน์และภาคส่วนต่างๆของสังคมได้บริจาคเวชภัณฑ์มูลค่า 261,000 หยวน (37,500 เหรียญสหรัฐ) ให้แก่คุนหมิงนับตั้งแต่มีรายงานการแพร่ระบาดครั้งแรกในจังหวัดเราจะจดจำและรักมิตรภาพของความทุกข์ยากที่มีร่วมกันนี้ตลอดไปและหวังว่าเวชภัณฑ์จะสามารถช่วยงานป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของสปป.ลาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ” การช่วยเหลือของจีนมีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สปป.ลาวเผชิญกับการแพรระบาดของ COVID-19 ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่พบการระบาดครั้งแรกของสปป.ลาวรัฐบาลจีนได้ส่งทีมแพทย์เพื่อช่วยในการป้องกันและควบคุมโรคระบาดในสปป.ลาวและบริจาควัสดุป้องกันการระบาดมูลค่า 4.17 ล้านหยวน

ที่มา: https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2020/08/09/china039s-kunming-donates-anti-pandemic-supplies-to-laos

เวียดนามคาดธุรกิจจำนวนมากหยุดกิจการชั่วคราวและเลิกกิจการ

กระทรวงวางแผนและการลงทุน (MPI) เปิดเผยว่าจำนวนธุรกิจราว 63,500 แห่ง หยุดกิจการลงในปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสถานประกอบธุรกิจที่หยุดกิจการและเลิกกิจการส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก มีเงินทุนต่ำกว่า 10 พันล้านด่ง (430,600 ดอลลาร์สหรัฐ) และระยะเวลาในการเปิดกิจการมา 5 ปี ทั้งนี้ ภาคอสังหาฯ, สถานบันเทิง, บริการที่พักและการจัดงานเลี้ยง ล้วนมีอัตราการหยุดกิจการชั่วคราวมากที่สุด กิจการที่หยุดดำเนินงานแล้วมีจำนวน 8,940 ราย ขณะที่ 21,800 รายกำลังรอให้เข้าสู่ช่วงการล้มเลิกกิจการ โดยส่วนใหญ่อยู่ในภาคการค้าส่งค้าปลีก อุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป เป็นต้น นอกจากนี้ ในเดือนม.ค.-ก.ค. ผู้ประกอบการรายใหม่มีจำนวน 75,000 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/economy/vietnam-sees-surge-in-number-of-enterprises-suspended-dissolved-4143967.html

ยอดส่งออกข้าวของเวียดนามไปยังแอฟริกาพุ่งสูงขึ้น

คุณ Hoang Duc Nhuan ผู้ให้คำปรึกษาด้านการค้าของเวียดนามในแอลจีเรีย กล่าวว่าการส่งออกข้าวของเวียดนามไปยังตลาดแอฟริกาเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 และคาดว่ายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีกหลายเดือนข้างหน้า จนถึงปีถัดไป ส่วนปี 2562 พบว่าเวียดนามส่งออกข้าวไปยัง 35 ประเทศจากทั้งหมด 55 ประเทศในทวีปแอฟริกา ด้วยมูลค่าประมาณ 630 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประเทศไอวอรีโคสต์, กานา, เซเนกัล, โมซัมบิก, แคเมอรูน, กาบอง, แทนซาเนียและอียิปต์ ล้วนเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ ทั้งนี้ การโจมตีของฝูงตั๊กแตนและการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปัจจุบัน ประกอบกับการเติบโตของประชากรที่สูงขึ้นและการแข่งขันทางด้านราคาข้าวในตลาดต่างประเทศ ทำให้รัฐบาลและชาวแอฟริกาต้องจัดเก็บอาหารและของกิน รวมถึงข้าวเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ สำนักงานตลาดเอเชีย-แอฟริกา ภายใต้กระทรวง MOIT ได้ประสานเข้าร่วมกับภารกิจทางการค้าของเวียดนาม โดยจัดสัมมนาและโฆษณาเรื่องยกระดับตลาดแอฟริกา-ตะวันออกกลาง เพื่อดึงดูดนักธุรกิจเวียดนามให้เข้าร่วมงานนี้

ที่มา : https://en.nhandan.org.vn/business/item/8960102-vietnam-sees-hike-in-rice-exports-to-africa.html

ที่ปรึกษารัฐบาลเมียนมาพร้อมหนุนภาคการก่อสร้าง

นางอองซานซูจีที่ปรึกษาแห่งรัฐกล่าวว่ารัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนการก่อสร้างโดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างงานให้มากขึ้น ซึ่งการก่อสร้างมีบทบาทสำคัญในการจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับคนยากจนและในทางกลับกันก็ช่วยจัดการการแพร่ระบาดของโควิด -19 มีการเตรียมการเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และเนปยีดอด้วยการสร้างอพาร์ทเมนท์ประมาณ 10,000 ห้อง รัฐบาลมีแผนเชิญภาคเอกชนเข้าร่วมในการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้เช่ารวมถึงการสร้างตลาด โรงเรียน คลินิก สนามเด็กเล่น และสวนสาธารณะสำหรับผู้อยู่อาศัยภายใต้ระบบการลงทุนภาคเอกชน ภายใต้ระบบดังกล่าวรัฐบาลจะจ่ายซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 250 พันล้านจัตโดยใช้เงินส่วนเกินจากงบประมาณ จากข้อมูลในปี 2557 จำนวนคนที่อาศัยอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจนในเมียนมาส่วนใหญ่ยังไม่มีที่อยู่อาศัย เป็นผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะมีการเปิดตัวอพาร์ทเมนท์ราคาประหยัดประมาณ 30,000 ห้อง

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/state-counsellor-promises-continue-supporting-construction-sector.html

หลักชัยเมืองยาง’พร้อมรับทุนตั้งโรงงานถุงมือ 2 หมื่นล้าน

“หลักชัยเมืองยาง”พร้อมรับนักลงทุนตั้งโรงงานถุงมือ 2 หมื่นล้านบาท “ไทยฮั้ว” คาดแล้วเสร็จอีก 5เดือน ทำราคายางปรับตัวสูงขึ้นยาวถึงสิ้นปี แต่ไม่ถึงกก.ละ 70บาท บริษัท ไทยเบคก้า เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จ.ระยอง เปิดเผยว่า นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จึงมีนักลงทุนหลายประเทศรวมทั้งไทยสนใจเข้ามาตั้งโรงงานอุตสาหกรรมถุงมือยาง ในเร็วๆนี้ บริษัทไทยฮั้วยางพารา จำกัด (มหาชน) จะร่วมทุนด้วย คาดว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการ 3-5 เดือน และติดตั้งเครื่องจักรได้แล้วเสร็จ ส่วนนักลงทุนต่างประเทศที่อยู่ระหว่างเจรจา เช่น สหภาพยุโรป(อียู) สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย จีน ไต้หวัน และญี่ปุ่น เป็นต้น วงเงินลงทุนรวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่ต้องการตั้งโรงงานขนาดกลางวงเงินลงทุนเฉลี่ยโรงงาน 5,000 ล้านบาท ส่วนปัจจัยที่ต่างประเทศสนใจตั้งโรงงานในไทย เพราะมีวัตถุดิบพร้อม ระบบการขนส่งดี แม้จะมีปัญหาค่าแรงสูง แต่การผลิตถุงมือยางส่วนใหญ่ใช้เครื่องจักร อย่างไรก็ตาม อยากให้ภาครัฐบาลสนับสนุนด้านการลงทุนมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อยากมาก ทั้งนี้ ราคายางในประเทศปรับตัวสูงขึ้น ต่อเนื่องตั้งแต่เดือน เม.ย. เป็นต้นมา เฉลี่ยประมาณ 40-45 บาท ต่อกิโลกรัม(กก.) แนวโน้มคาดว่าจะปรับสูงขึ้นแตะ 50 บาทต่อกก. จนถึงสิ้นปีนี้ แต่จะไม่สูงถึง70-80 บาทต่อกก. เหมือนในอดีต เพราะอุตสาหกรรมหลักที่เป็นตัวขับเคลื่อน คือยางล้อ ยังซบเซา สำหรับการจัดตั้งโรงงานถุงมือยางของการยางแห่งประเทศไทย (กยท. )ในจ.นครศรีธรรมราช โดยการร่วมทุนกับเอกชน สหกรณ์ และวิสาหกิจชุมชน นั้น มีความเป็นไปได้ยาก องค์กรเหล่านี้ไม่มีเงินทุน อีกทั้งการตั้งโรงงานต้องอาศัยความคล่องตัว คิดแล้วดำเนินการทันที เนื่องจากมีการแข่งขันสูง ซึ่งหลังจากปี 2564 มีความเสี่ยงสูงมากที่ถุงมือยางจะล้นตลาด

ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/892844?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=economic

กัมพูชาและจีนมองเขตการค้าเสรีจะเป็นตัวส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้า

ข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างกัมพูชาและจีนคาดจะส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น กล่าวโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของกัมพูชา ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เสร็จสิ้นขั้นตอนการเจรจา FTA ทวิภาคีไปแล้วในวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยข้อตกลงดังกล่าวมีความหมายอย่างมากต่อเศรษฐกิจของกัมพูชาเนื่องจากเข้าถึงตลาดของประเทศคู่ค้าได้มากขึ้นทำให้กัมพูชาสามารถกระจายผลิตภัณฑ์และขยายตลาดของกัมพูชาได้ และลดการพึ่งพาคู่ค้าเพียงไม่กี่ราย เช่นยุโรป สหรัฐฯและแคนาดา ซึ่งปกติแล้วจะทำการค้ากับกัมพูชาแบบสัมปทานเช่น Everything But Arms (EBA ), Generalized System of Preferences (GSP)” เป็นต้น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกล่าวว่าการลงนาม FTA ระดับทวิภาคีนี้จะช่วยกระตุ้นความรวดเร็วของโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของกัมพูชา รวมถึงโครงการภายใต้ Belt and Road Initiative (BRI) อีกด้วย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50752996/cambodia-china-fta-to-boost-bilateral-trade-investment-ties/

ภาคการก่อสร้างในกัมพูชาสร้างงานกว่าแสนตำแหน่ง

ภาคการก่อสร้างของกัมพูชาสร้างงานมากกว่า 170,000 ตำแหน่ง โดยเฉลี่ยต่อวันทั่วประเทศในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 134,000 คน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วตามตัวเลขของกระทรวงการจัดการที่ดินการวางผังเมืองและการก่อสร้าง (MLMUPC) ซึ่งรายงานแสดงให้เห็นว่าในเมืองหลวงพนมเปญเพียงแห่งเดียวมีการสร้างงานมากถึง 24,130 ถึง 24,500 ตำแหน่งต่อวันเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.16 เมื่อเทียบเป็นรายปี จากการศึกษาพบว่าต้นทุนแรงงานในภาคการก่อสร้างสูงขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว โดยรายงานระบุว่าแรงงานด้อยฝีมือมีรายได้ระหว่าง 10 ถึง 15 ดอลลาร์ต่อวัน ในขณะที่คนงานที่มีทักษะและหัวหน้าทีมมีรายได้ระหว่าง 15 ถึง 25 ดอลลาร์ต่อวัน วิศวกรมีรายได้ประมาณ 2,500 ดอลลาร์ต่อเดือนทั่วประเทศ ซึ่งมีโครงการดำเนินการอยู 2,522 โครงการ ที่ได้รับการอนุมัติในช่วงครึ่งปีแรกด้วยมูลค่ากว่า 3.842 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 1,047 โครงการในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 3.392 พันล้านดอลลาร์หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.26

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50752957/construction-sector-creates-hundred-thousands-of-jobs/