การก่อสร้างทางหลวงไปยังเวียงจันทน์จะแล้วเสร็จในเดือนหน้า

การก่อสร้างถนนคอนกรีตพร้อมเสาไฟฟ้าให้แสงสว่างใน 4 เส้นทางไปยังเวียงจันทน์ดำเนินการมาแล้วมากกว่า 85% และคาดว่าจะแล้วเสร็จ 100% ภายในเดือนกรกฎาคม คุณโล่พันตาหัวหน้าฝ่ายออกแบบการก่อสร้างอธิบายว่า เราได้วางระบบไฟฟ้าพร้อมกับระบบประปาไปพร้อมกับการทำถนนคอนกรีตที่จะเป็นเส้นทางหลักไปยังนครหลวงเวียงจันทร์ ซึ่งจะทำให้การเดินทางสะดวกและปลอดภัยมากขึ้นในทางเศรษฐกิจการลงทุนดังกล่าวทำให้ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานของประเทศพัฒนาขึ้นและจะเป็นปัจจัยที่สำคัญในการดึงดูดการลงทุนและสร้างบรรยากาศที่ดีในการลงทุนจากต่างประเทศ โครงดังกล่าวมีมูลค่าการก่อสร้าง 45.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 405 พันล้านดอลลาร์

ที่มา : https://laoedaily.com.la/2020/05/20/78399/

‘กรมเจรจาฯ’ เผยไทยครองแชมป์ส่งออกคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เบอร์ 1 อาเซียน เชื่อ FTA และ ITA ช่วยสร้างแต้มต่อและดึงดูดการลงทุนได้จริง

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ทั่วโลกมีกิจกรรมผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มความต้องการคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เพิ่มขึ้นด้วย จึงเป็นโอกาสของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไทยที่มีศักยภาพอยู่แล้ว จะพัฒนาเทคโนโลยีให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงและขยายการส่งออกในตลาดโลกได้ โดยในปี 2562 ไทยเป็นผู้ส่งออกคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อันดับที่ 6 ของโลก ทั้งนี้ จากสถิติการค้าระหว่างประเทศในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ พบว่าไทยส่งออกคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ มูลค่าสูงถึง 3,943 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีตลาดส่งออกที่สำคัญ เช่น สหรัฐฯ สัดส่วนร้อยละ 37 ฮ่องกง, อาเซียน, สหภาพยุโรปและจีน เป็นต้น หากจำแนกรายสินค้า พบว่า ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีสัดส่วนการส่งออกมากที่สุดในกลุ่ม สำหรับการเปิดเสรีทางการค้าถือเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้การส่งออกสินค้าคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ของไทยเติบโต นอกจากนี้ “ผู้ประกอบการควรศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าให้ทันต่อความต้องการของตลาด โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีขนาดเล็กและเบา ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งควรวางแนวทางปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิตหรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิตสินค้า เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว และเพิ่มความสามารถการแข่งขันในตลาดโลก”

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/beco/3125668

สายการบินแบมบูเวียดนามเข้าตลาดหลักทรัพย์ ไตรมาส 4

สายการบินแบมบูแอร์เวย์ส (Bamboo Airways) คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (HOSE) ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ โดยบริษัทตั้งเป้าเพิ่มจำนวนเส้นทางสายการบินในประเทศมากเป็นสองเท่า รวมทั้งเปิดเส้นทางการบินใหม่ไปยังสหรัฐอเมริกา ภายในสิ้นปี 2564 หรือต้นปี 2565 ซึ่งการเคลื่อนไหวของบริษัทดังกล่าว มาจากแผนแรกเริ่มอยู่แล้วที่จะนำไปจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชน แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้บริษัทต้องเลื่อนการจดทะเบียนออกไป ทั้งนี้ ในปัจจุบัน สายการบินแบมบูแอร์เวย์สกำลังวางแผนที่จะซื้อเครื่องยนต์ คิดเป็นมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐมาจากบ.เจเนอรัลอิเล็กทริก (GE) สำหรับเครื่องบินโบอิ้ง 787-9 ดรีมไลเนอร์ และจะขยายธุรกิจต่อไปเมื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสได้ นอกจากนี้ สายการบินมีแนวโน้มให้เช่าเครื่องบินเพิ่มขึ้นในปีนี้ เนื่องจากต้องการขยายการดำเนินงาน โดยจริงๆแล้ว ปัจจุบันสายการบินขยายการดำเนินงานในประเทศ 45-50 เที่ยวบิน/วัน และคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 100 เที่ยวบิน/วัน ในช่วงต้นเดือนมิ.ย. คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 80 ของเที่ยวบินทั้งหมดก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดไวรัส

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/bamboo-airways-to-go-public-on-stock-market-in-q4-413869.vov

เวียดนามเผยส่งออกเหล็กฉุดรุนแรง รับพิษโควิด-19

สมาคมเหล็กเวียดนาม (VSA) คาดว่าอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศจะยังได้รับผลกระทบหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สิ้นสุดลงไป เนื่องจากยอดส่งออกเหล็กไปยังตลาดต่างประเทศลดลงอย่างรุนแรง ซึ่งการลดลงข้างต้น ส่วนใหญ่มาจากการผลิตอุตสาหกรรมที่หลากหลายขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์เหล็ก ได้แก่ กิจกรรมการก่อสร้าง รถยนต์ รถจักรยานยนต์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ยังไม่ฟื้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการผลิตเหล็กสำเร็จรูปที่มีทุกประเภท ในช่วง 4 เดือนของปีนี้ มีปริมาณการผลิต 7.5 ล้านตัน ในขณะที่ การบริโภคเหล็ก 6.75 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 8.4 และ 13.3 เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามลำดับ ส่งผลให้ยอดส่งออกเหล็กดิ่งลงร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดเป็นปริมาณ 1.28 ล้านตัน  ทั้งนี้ ทางสมาคมฯ คาดการณ์ส่งออกกลับมาเป็นบวกในไตรมาสสอง เมื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของตลาดในประเทศได้ นอกจากนี้ ยังมีการนำมาตรการ/นโยบายของภาครัฐ เพื่อส่งเสริมตลาดให้กลับมาฟื้นตัวเร็วที่สุด

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/steel-exports-suffer-severe-drops-due-to-covid19-413868.vov

World Bank พร้อมสนับสนุนการปฏิรูปเศรษฐกิจในเมียนมา

ธนาคารโลกจะให้การสนับสนุนเมียนมาภายใต้กรอบความร่วมมือกับประเทศตั้งแต่ปี 2563 ถึง 2566 โดยมุ่งเน้นไปที่สามด้าน เช่น การสร้างทุนมนุษย์และส่งเสริมชุมชน กระตุ้นการเติบโตของภาคเอกชนที่นำโดยรับผิดชอบและโอกาสทางเศรษฐกิจโดยรวม และเพิ่มความยืดหยุ่นในการรับมือกับภัยธรรมชาติในขณะเดียวกันก็มั่นใจว่าทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะถูกจัดการอย่างยั่งยืน การคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในขณะนี้คาดว่าจะลดลงอย่างรวดเร็วจาก 6.3 เปอร์เซ็นต์ใน 2561-2562 เหลือ 2% ในปี 2562-2563 เนื่องจาก COVID – 19 ในขณะที่เศรษฐกิจคาดว่าจะฟื้นในปีหน้าหากการระบาดสามารถควบคุมได้และการค้าโลกกลับมาอีกครั้ง ในขณะเดียวกันธนาคารโลกได้ให้เงินกู้ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับโครงการฉุกเฉินอย่าง COVID-19 และได้รับเงินช่วยเหลือ 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากแหล่งเงินทุนฉุกเฉินสำหรับการแพร่ระบาด

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/world-bank-pledges-support-economic-reform-myanmar.html

EIB ได้รับเงินสนับสนุน 12.7 ล้านยูโรสำหรับโรงผลิตน้ำประปาในบาเค็งประเทศกัมพูชา

ธนาคารเพื่อการลงทุนของยุโรปได้รับเงินสนับสนุนจากสหภาพยุโรป 12.7 ล้านยูโร สำหรับการก่อสร้างโรงผลิตน้ำประปาในบาเค็งและเครือข่ายการจ่ายน้ำ 500 กม. ในเมืองหลวงของกัมพูชา ณ กรุงพนมเปญ โดยโครงสร้างพื้นฐานนี้จะนำน้ำดื่มที่ปลอดภัยและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คนกว่า 700,000 คน จากชุมชนที่ยากจนที่สุดในเมือง เป็นการลงทุนระยะยาวในความยืดหยุ่นของประเทศต่อการแพร่ระบาดของโรคเช่น Covid-19 เพราะให้การเข้าถึงน้ำดื่มสะอาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการบรรเทาวิกฤติอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเสริมการลงทุนก่อนหน้านี้ที่มีมูลค่าราว 185 ล้านยูโรจากธนาคารเพื่อการลงทุนยุโรป (EIB) และ Agence Française de Développement (AFD) ซึ่งการผสมผสานของ EIB, AFD และการจัดหาเงินทุนของสหภาพยุโรปจะให้น้ำดื่มที่ผ่านการบำบัดแล้วไปยังพนมเปญที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยความต้องการน้ำประปาคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากความต้องการในปัจจุบันภายในปี 2573

ที่มา : https://english.cambodiadaily.com/business/eib-secures-eur-12-7m-grant-for-bakheng-water-treatment-plant-in-cambodia-164271/

Covid-19 ส่งผลให้ภาคการผลิตน้ำมันของกัมพูชาชะงัก

การระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัส Covid-19 คาดว่าจะชะลอการพัฒนาของแหล่งน้ำมันอัปสรา ซึ่งตั้งอยู่ที่แปลง A ของฝั่งกัมพูชาของลุ่มน้ำเขมรในอ่าวไทย โดยได้รับการพัฒนาโดย KrisEnergy Ltd. บริษัทจากทางสิงคโปร์ ซึ่งกระทรวงเหมืองแร่และพลังงานกล่าวว่าโรคระบาดทั่วโลกกำลังดำเนินไปอย่างช้าๆ แต่ปัจจุบัน บริษัท ยังคงพัฒนาโครงการอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทยังคงทำงานหนักเพื่อให้งานสำเร็จ แต่มันยากสำหรับบริษัทเนื่องจากสถานการณ์ Covid-19 แม้แต่การส่งช่างไปยังการก่อสร้างแพลตฟอร์มขั้นต่ำก็พิสูจน์ให้เห็นได้ยากและการดำเนินงานในไซต์ก็หยุดชะงักลง

ที่มา : https://english.cambodiadaily.com/business/virus-puts-cambodia-oil-production-into-question-164258/

เศรษฐกิจสปป.ลาวต้องมีการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

Mr.Daovone Phachanthavong รองประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติของสปป.ลาวได้ให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติสปป.ลาวว่า “ ควรมีการปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับ SMEs ซึ่งเงินจะเป็นแหล่งเงินทุนที่จำเป็นมากสำหรับธุรกิจในการรับมือกับผลกระทบของการระบาดของ COVID-19 ซึ่งถือเป็นวิธีการอัดฉีดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจที่ดีที่สุด ณ ขณะนี้ ” ปัจจุบันหอการค้ามีสมาชิกมากกว่า 4,000 คนทั่วประเทศซึ่งส่วนใหญ่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการระบาดของ COVID-19 ได้แก่ สายการบิน ภาคการท่องเที่ยว โรงแรม ผู้ประกอบการขนส่งร้านอาหาร ร้านนวด สนามกอล์ฟและโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า การช่วยเหลือดังกล่าวมีสถาบันการเงินระหว่างประเทศเสนอเงินช่วยเหลือ 80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แก่สปป.ลาว รวมถึงรัฐบาลจีนเสนอเงินให้กู้ยืมแก่ SMEs 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  นอกจากนี้ Mr.Daovone ยังกล่าวเสริมอีกว่ารัฐบาลควรให้การสนับสนุนและเร่งพัฒนาภาคการเกษตรเพื่อให้สามารถส่งออกได้มากขึ้นเพราะจีนมีความต้องการผลผลิตทางการเกษตรจำนวนมาก ดังนั้นการส่งออกผลผลิตเกษตรของสปป.ลาวจะช่วยทำให้เศรษฐกิจของสปป.ลาวกับมาดีขึ้น

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Lao94.php

บริษัทวิเคราะห์ในท้องถิ่นของกัมพูชาใช้ BIG DATA ในการช่วยธุรกิจ

บริษัท วิเคราะห์ในท้องถิ่นกำลังเริ่มใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) พร้อมกับเทคโนโลยีการทดสอบทางการแพทย์ใหม่ เพื่อช่วยให้ธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้ รวมถึงยังช่วยให้พนักงานของบริษัททำงานได้อย่างปลอดภัยในช่วงการระบาดของ COVID-19 โดย Mekong Big Data กล่าวว่าในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาทีมของเขาได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับสถานพยาบาลท้องถิ่น Institut Pasteur du Cambodge เพื่อตอบสนองต่อสถานะการณ์ COVID-19 ในประเทศ ซึ่งในการตอบสนองบริษัทได้พัฒนา SurePass ซึ่งเป็นบริการตรวจสอบความถูกต้องแบบ ePassports โดยใช้การทดสอบแอนติบอดีและการติดตามปริมาณไวรัสเพื่อตรวจสอบว่าใครติดเชื้อไวรัสหรือไม่ ซึ่งการใช้ระบบ SurePass สามารถกล่าวได้อย่างมั่นใจว่าสถานะไวรัสภายในบริษัท เพื่อตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและถูกต้องเกี่ยวกับการเปิดทำการใหม่ของธุรกิจ โดยระบบ SurePass ใช้การตรวจทางห้องปฏิบัติการทางซีรัมวิทยา (การตรวจเลือดด้วยปลายนิ้ว) เพื่อตรวจตัวอย่างเลือดเพื่อทำการทดสอบและวิเคราะห์ การทดสอบเหล่านี้จะถูกนำไปใช้งานโดยใช้ทีมตัวแทนภาคสนามที่ผ่านการฝึกอบรมและผ่านการรับรองแล้ว ซึ่งจะทำการเก็บผลการทดสอบถึงที่บ้านหรือที่ทำงานของพนักงาน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50723991/local-analytics-firm-uses-big-data-to-keep-employees-safe-at-work/