การไหลออกของ FDI จากตลาดเกิดใหม่อาจส่งผลต่อกัมพูชา

การไหลออกของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น กัมพูชา อาจได้รับผลกระทบด้านลบต่อตลาดการเงิน การบริโภค ความเชื่อมั่น การลงทุน การค้าระหว่างประเทศและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อ่อนตัวลงจากผลกระทบของมาตรการด้านสุขภาพที่รุนแรงเพื่อตอบสนองต่อการระบาดของ COVID-19 โดยนักเศรษฐศาสตร์พิจารณาว่าการลดลงอย่างรุนแรงนี้อาจเป็นความเสี่ยงที่ร้ายแรงสำหรับกัมพูชาเนื่องจากการถอนเงินทุนจำนวนมากและฉับพลันสามารถก่อให้เกิดความกังวลด้านสภาพคล่องสำหรับทั้งธนาคารกลาง และบริษัทขนาดใหญ่รวมทั้งส่งผลกระทบต่อศักยภาพของประเทศสำหรับการเติบโต และลดศักยภาพการส่งออก ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากัมพูชาได้รับการดึงดูดสูงเป็นประวัติการณ์ของกระแสเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศจีนด้วยการลงทุนเน้นไปที่ภาคการผลิต โดยกัมพูชาดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากกว่า 3.588 พันล้านดอลลาร์ในช่วงปี 2562 เพิ่มขึ้น 11.7% จาก 3.212 พันล้านดอลลาร์ในปี 2561 คิดเป็นการลงทุนจากจีนคิดเป็น 43% เกาหลีใต้ 11% เวียดนาม 7% ญี่ปุ่น 7% และสิงคโปร์ 6% ตามรายงานความคืบหน้าของเศรษฐกิจมหภาคและการธนาคาร 2562 และแนวโน้มปี 2563

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50715485/record-fdi-outflow-from-emerging-markets-could-leave-cambodia-exposed/

นายกฯ มอบ มท.-พาณิชย์จัดการ แก้ปัญหาขนส่งสินค้าข้ามเขต ชี้เคอร์ฟิวเป็นเหตุน้ำพริกบูด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ รมว.กลาโหม มอบหมายในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้หน่วยงานกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทยและฝ่ายความมั่นคง ร่วมกันหาทางแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่จำเป็นต้องส่งสินค้าข้ามจังหวัดในช่วงที่มีการเคอร์ฟิว หลังพบการร้องเรียนจากผู้ประกอบธุรกิจหลายรายว่า แต่ละจังหวัดมีมาตรการการตรวจสอบไม่เหมือนกัน ทำให้การขนส่งสินค้าไม่สะดวก โดยผลการประชุมสำคัญเรื่องแรกเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส โควิด-19 มาตรการการกีดกันการเคลื่อนย้ายพรมแดนควรขึ้นอยู่กับการพิจารณาด้านสาธารณสุข ไม่ควรมีการจำกัดการค้าในภูมิภาคโดยไม่จำเป็น รวมถึงได้ข้อตกลงร่วมกันเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาด พร้อมเห็นชอบในหลักการการลดค่าธรรมเนียมการให้บริการโทรศัพท์ข้ามแดนระหว่างประเทศให้เป็นอัตราเดียวกันในอาเซียน โดยรอผลการพิจารณาจากองค์กรรายสาขาที่เกี่ยวข้อง และยังเห็นชอบให้มีการลงนามความตกลงยอมรับร่วมสาขายานยนต์อาเซียนภายใน ส.ค.63 นี้

ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/business/1827079

โครงการรถไฟฟ้าลาว-จีนยังคงมีการก่อสร้างในสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19

แรงงานสปป.ลาวกว่า 30 คน กำลังก่อสร้างโครงการรถไฟลาว-จีนที่เกือบจะแล้วเสร็จซึ่งจะเชื่อมโยงสปป.ลาวกับประเทศจีน แต่จากการระบาดCOVID-19 ทำให้นายจ้างผู้รับเหมาที่เป็นชาวจีนต้องกลับประเทศทำให้แรงงานก่อสร้างได้เงินเดือนล่าช้าพวกเขามีความกังวลเกี่ยวกับการได้เงินเดือนที่ล่าช้า ภาคการก่อสร้างเป็นส่วนที่รัฐบาลออกคำสั่งให้จำกัดจำนวนคนงานและกำหนดให้คนงานที่ไม่จำเป็นต้องอยู่บ้านเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคทำให้อุตสาหกรรมบางแห่งหยุดทำงานอย่างไรก็ตามภาคการก่อสร้างได้รับอนุญาตให้ดำเนินการต่อไปแม้ว่าจะมีคนงานน้อยลงโครงการดังกล่าวขณะนี้เสร็จสมบูรณ์ 90% ได้รับการคาดการณ์ว่าจะทำให้ภาคธุรกิจลดต้นทุนการส่งออกได้ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม

ที่มา : https://www.rfa.org/english/news/laos/railway-workers-04212020175011.html

รัฐบาลออกมาตราการช่วยเหลือแรงงานและภาคธุรกิจจากผลกระทบ COVID-19

พนักงานที่เป็นสมาชิกของโครงการประกันสังคมของธุรกิจจะมีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือประมาณ 500,000 กีบเป็นระยะเวลาสองเดือนในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ถือเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ Covid-19 จัดทำโดยกองทุนประกันสังคมแห่งชาติ (NSSF) การจ่ายเงินจะทำเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ว่างงานในขณะนี้หลังจากที่โรงงานได้รับคำสั่งให้ปิดกิจการชั่วคราว ทำให้แรงงานอย่างน้อย 551,200 คนหรือประมาณ 70% ของแรงงานในภาคอุตสาหกรรมว่างงานและต้องความช่วยเหลือทางการเงินอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ภาคธุรกิจยังเรียกร้องรัฐบาลขอให้ธนาคารขยายระยะเวลาการชำระคืนสำหรับสินเชื่อและดอกเบี้ยรวมถึงกองทุนกู้เงินฉุกเฉินแบบด่วนสำหรับธุรกิจ สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID ในสปป.ลาวมีแนวโน้มดีขึ้นและคาดว่าจะกลับมาเป็นปกติในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt75.php

หน่วยงานของสหประชาชาติเริ่มดำเนินการเพื่อช่วยเหลือภาคเกษตรกรรมในกัมพูชา

กองทุนระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาการเกษตร (IFAD) ซึ่งเป็นองค์กรด้านการเงินระดับโลกและหน่วยงานพิเศษของสหประชาชาติ (UN) ได้ประกาศแผนการที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลกัมพูชาเพื่อยกระดับภาคเกษตรกรรม และบรรเทาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ ที่เกิดจากการระบาดใหญ่ของ COVID-19 โดยความร่วมมือดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่การตอบสนองความต้องการทางเศรษฐกิจของชุมชนในชนบทโดยการสร้างโอกาสให้กับแรงงานเกษตรกรและการขยายโอกาสสำหรับเกษตรกรรายย่อยด้วยการสนับสนุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ซึ่งโครงการบริการการเกษตรเพื่อนวัตกรรมความยืดหยุ่นและการขยายตัว (ASPIRE) จะถูกนำโดย MAFF และมุ่งเน้นในทันทีคือการรักษาการผลิตผักใบเขียวและไข่ไก่เป็นองค์ประกอบสำคัญของอาหารท้องถิ่น พร้อมกันกับโครงการเร่งรัดการรวมตลาดสำหรับผู้ถือครองรายย่อย (AIMS) ที่นำโดยกระทรวงพาณิชย์จะเป็นช่องทางในการจัดหาทรัพยากรเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านชลประทานในฟาร์มแก่เกษตรกรเพื่อสนับสนุนในการผลิตสินค้าเหล่านี้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50715086/un-agency-springs-into-action-to-aid-agriculture-sector/

ผ้าไหมในกัมพูชาอาจเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่น่าสนใจหลังการระบาด Covid-19

เจ้าหน้าที่อาวุโสของมหาวิทยาลัย Royal University of Phnom Penh (RUPP) ได้เรียกร้องให้ชุมชนท้องถิ่นภาคเอกชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในการพัฒนาโครงการผ้าไหมในประเทศกัมพูชา โดยประธานคณะกรรมาธิการ RUPP และผู้อยู่เบื้องหลังศูนย์วิจัยผ้าไหมกล่าวว่าสถาบันของเขามีความรู้และทรัพยากรเพียงพอที่จะมอบไหมที่มีคุณภาพและต้นหม่อนให้กับชุมชนในชนบท ซึ่งเสริมว่า COVID-19 จะสร้าง “New Normal” สำหรับประเทศกัมพูชา โดยการเรียนรู้อย่างหนึ่งคือประเทศกัมพูชาต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจในชนบทเพื่อให้เศรษฐกิจมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในอนาคต ภายในบริบทนี้ผ้าไหมอาจเป็นองค์ประกอบหนึ่ง จากข้อมูลของ Mey มีการใช้ไหมถึง 400 ตัน ในประเทศทุกปีส่วนใหญ่จะทำการนำเข้ามามากกว่าการผลิตไหมเอง ซึ่งการผลิตผ้าไหมจะช่วยให้เกษตรกรสามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืนตลอดระยะเวลาหลายปีที่พวกเขาสามารถขายใบหม่อนหรือรังไหมให้โรงงานในกำปงสปรือ โดยสามารถสร้างรายได้ระหว่าง 500-600 เหรียญสหรัฐ ในทุกรอบการเก็บเกี่ยวต่อเฮกตาร์และถ้าเกษตรกรสามมรถทำได้ถึง 6 รอบต่อปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50715091/silk-could-be-a-slick-way-forward-post-covid-19/

ดอน เตรียมร่วมประชุม รมว.ต่างประเทศอาเซียน-สหรัฐ รับมือโควิด

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีกำหนดเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-สหรัฐ สมัยพิเศษ ว่าด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันพฤหัสบดีที่ 23 เม.ย. 2563  เวลา 08.00 – 10.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย โดยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของลาว ในฐานะประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐ จะเป็นประธานการประชุมร่วมกับนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ทั้งสองฝ่ายจะเน้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศอย่างโปร่งใสและทันท่วงที การเสริมสร้างขีดความสามารถในการตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขโดยใช้กลไกด้านสาธารณสุขที่อาเซียนมีบทบาทนำ อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมนั้น รมว.ต่างประเทศลาว และสหรัฐ ในฐานะประธานร่วมของการประชุมจะออกแถลงการณ์ร่วม เพื่อสะท้อนเจตนารมณ์ที่อาเซียนและสหรัฐ จะร่วมมือกันรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านสาธารณสุขและเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในอนาคตด้วย

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/877160?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=foreign

เวียดนามอนุมัติส่งออกข้าวมากกว่า 56,000 ตัน

สำนักงานกรมศุลกากรเวียดนาม ระบุในเว็บไซต์ว่าเวียดนามส่งออกข้าวราว 57,000 ตัน ช่วงบ่ายวันอังคาร ซึ่งจำนวนข้างต้นเป็นส่วนหนึ่งของ 400,000 ตัน ภายใต้โควตาส่งออกในเดือนนี้ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานั้น นายกรัฐมนตรีเหงียน ซวน ฟุก ได้อนุมัติแผนของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ในการส่งออกข้าวอีกครั้งหลังจากระงับชั่วคราว เพื่อให้แน่ใจว่าเวียดนามมีอาหารเพียงพอที่จะรับมือการระบาดของไวรัส ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปีนี้ เวียดนามส่งออกข้าวราว 1.52 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 700.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 และ 16 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตามลำดับ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/715610/more-than-56000-tonnes-of-rice-cleared-for-customs-approval.html

ราคาน้ำมันดิ่งลงหนัก ส่งผลต่อรายรับงบประมาณไม่มากนัก

จากข้อมูลของสำนักงบประมาณ ภายใต้กระทรวงการคลัง ระบุว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกดิ่งหนัก ไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อรายรับงบประมาณของเวียดนามมากนัก ทางผู้อำนวยการของสำนักงบประมาณได้แสดงความคิดเห็นหลังจากได้ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในเดือนพ.ค. จากน้ำมันดิบดับบลิวทีไอ (WTI) หรือรู้จักในอีกชื่อ ‘Texas light sweet’ โดยการลดลงหนักของรายรับงบประมาณรัฐ เนื่องมาจากการคาดการณ์ราคาน้ำมันอยู่ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ผลกระทบดังกล่าวไม่ส่งผลมากนัก และได้ตั้งข้อสังเกตว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการปรับโครงสร้างรายรับงบประมาณจากน้ำมันดิบ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3 ของทั้งหมด ทั้งนี้ ตามข้อมูลของกระทรวงการคลัง ระบุว่าในไตรมาสแรกของปีนี้ รายรับงบประมาณจากน้ำมันดิบประมาณ 622 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.4 ของประมาณการและเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะเดียวกัน กำลังการผลิตของเวียดนามอยู่ที่ 2.8 ล้านตัน และเป็นสัดส่วนร้อยละ 26.8 ของแผน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/oil-price-plummet-impact-on-budget-revenue-not-too-big-official/172101.vnp

การลงทุนของเกาหลีใต้ในเมียนมาหยุดชะงักจากการระบาดของ COVID-19

ข้อมูลจากเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้กล่าวว่าการให้สินเชื่อและโครงการที่ดำเนินการโดยความร่วมมือระหว่างประเทศเกาหลีและแผนการลงทุนของบริษัทเกาหลีถูกระงับหรือเลื่อนออกไปจากวิกฤตทั่วโลก เศรษฐกิจเมียนมาอาจมีผลกระทบอย่างมากและต้องใช้เวลาอีกนานกว่าวิกฤติจะหยุดลง หากเป็นเช่นนั้นรัฐบาลเกาหลีจะทำการช่วยเหลือประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้แผนการลงทุนจะได้รับผลกระทบแต่การค้าทวิภาคีจะยังคงดำเนินต่อไป เกาหลีใต้เป็นหนึ่งใน 10 อันดับต้น ๆ ที่ลงทุนในเมียนมา และคิดเป็นตัวเลขการลงทุนสะสมจากประเทศเอเชียตะวันออกถึง 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ เดือนมีนาคม 2563 ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2562-2563 การค้าทวิภาคีมีมูลค่าสูงกว่า 337 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยมีมูลค่าการส่งออก 178 ล้านดอลลาร์และนำเข้า 158 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/south-korean-investments-myanmar-halted-pandemic.html