‘กรมวิชาการเกษตร’ เคลียร์เส้นทางส่งออกผลไม้ไทย มะพร้าวอ่อนเนื้อหอมสุดเตรียมรุกตลาดเวียดนาม

นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 3 -7 กุมภาพันธ์ 2563 นี้ ได้นำคณะเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรและสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เดินทางไปสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยได้เข้าพบนายธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย เพื่อหารือและเตรียมการสำหรับการส่งออกผลไม้ไทยไปจีนในฤดูกาลผลิตและส่งออกผลไม้ในปี 2563 ผ่านประเทศเวียดนาม ซึ่งทางเวียดนามมีความต้องการนำเข้ามะพร้าวอ่อนจากไทย จากข้อมูลการส่งออกผลไม้ไทยทั้งสดและอบแห้งไปยังเวียดนามในปี 2562 พบว่ามีมูลค่ากว่า 26,000 ล้านบาท ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ในการหารือดังกล่าวเพื่อแก้ไขปัญหาที่พบระหว่างการขนส่งสินค้าผลไม้สดไปจีนโดยผ่านประเทศที่สาม และเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการที่ส่งออกผลไม้สดไปจีน เนื่องจากในการส่งออกผลไม้สดจากไทยไปจีนนิยมขนส่งไปทางบก ขณะนี้ กรมวิชาการเกษตรและมกอช.อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อขอให้จีนอนุญาตการขนส่งผลไม้สดผ่านเส้นทางที่มีศักยภาพนอกเพิ่มเติมจากเส้นทางเดิมที่ไทยและจีนมีพิธีสารร่วมกันในปัจจุบัน ได้แก่ เส้นทาง R3A และ R9 เป็นต้น โดยในระหว่างนี้ กรมวิชาการเกษตรจะตรวจสอบและควบคุมให้สินค้าผลไม้สดจากไทยที่ส่งออกไปจีนเป็นไปตามเงื่อนไขในพิธีสารดังกล่าวและสอดคล้องกับเงื่อนไขการนำเข้าของจีนอย่างเคร่งครัด

ที่มา : https://www.matichon.co.th/economy/news_1943719

จังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า ดึงดูดเงินลงทุน 174 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลของคณะกรรมการประชาชนประจำจังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า (Bà Rịa-Vũng Tàu) เปิดเผยว่าในวันจันทร์ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการได้รับใบอนุญาต 5 โครงการใหม่และโครงการที่ปรับเพิ่มเงินทุนด้วยมูลค่ารวมกันอยู่ที่ 174 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงการประชุมจากตัวแทนสมาคมองค์กรเศรษฐกิจและนักลงทุนกว่า 300 คน ทั้งนี้ ในปีที่แล้ว จังหวัดดังกล่าวได้ดึงดูดโครงการลงทุนใหม่ 108 โครงการ และโครงจากต่างประเทศ 49 โครงการ ด้วยมูลค่า 623 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมไปถึงโครงการที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินในประเทศด้วยมูลค่า 566 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในปัจจุบัน มีโครงการในประเทศ 960 โครงการ และอีก 390 โครงการที่มาการลงทุนต่างประเทศ ด้วยมูลค่ารวมอยู่ที่ 40.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับประเภทธุรกิจที่นักลงทุนสนใจมากที่สุด ได้แก่ เมืองท่า การท่องเที่ยวและปิโตรเลียม เป็นต้น และคาดว่าภายในจังหวัดจะเน้นการดึงดูดโครงการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและทันสมัย รวมไปถึงแรงงานที่มีทีกษะขั้นสูงรวมไปถึงการพัฒนาสภาพแวดล้อมการลงทุน โครงการสร้างพื้นฐานให้ดีมากยิ่งขึ้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/591796/ba-ria-vung-tau-lures-174m-investment.html

อุตสาหกรรมรองเท้าเวียดนามมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายปีนี้

จากข้อมูลของรองประธานกรรมการและเลขาธิการสมาคมหนังและรองเท้าเวียดนาม (Lefaso) เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมหนังและรองเท้าในประเทศยังคงอยู่ในระดับเกณฑ์ที่ดีที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายภายในปีนี้ ซึ่งดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในปี 2563 คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 11 และอัตราผลผลิตในท้องถิ่น (Localisation Rate) ร้อยละ 60 สำหรับยอดการส่งออกรองเท้าและกระเป๋าคาดว่าอยู่ในระดับ 24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยความขัดแย้งของสหรัฐฯกับประเทศคู่ค้านั้นมีแนวโน้มผ่อนคลายลง ขณะที่ เศรษฐกิจโลกน่าจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น คำสั่งซื้อรองเท้าและกระเป๋าได้เปลี่ยนคำสั่งซื้อจากจีนมายังเวียดนาม เพื่อใช้ประโยชน์การให้สิทธิพิเศษทางภาษีสุลกากรจากข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ดังนั้น ทางสมาคมคาดว่าความต้องการของผลิตภัณฑ์รองเท้าในตลาดส่งออกหลักจะเพิ่มสูงขึ้นในปีนี้ ประกอบกับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ FDI ส่งผลให้เกิดการขยายตัวด้านผลผลิตและส่งเสริมให้อุตสาหกรรมรองเท้าขยายตัวได้ดีมากขึ้น แต่ว่าอุตสาหกรรมรองเท้ายังคงเผชิญกับอุปสรรคสำคัญ คือ ทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ ซึ่งทางธุรกิจจะต้องพัฒนาหรืออบรมพนักงานที่ไม่ได้มาจากอาชีวศึกษา

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/591790/footwear-industry-likely-to-hit-goals-this-year.html

ราคาขายแตงโมเมียนมาในประเทศลดลงอย่างมาก

การปลูกแตงโมของเมียนมาส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับตลาดจีนเป็นหลักกำลังประสบกับการชะลอตัวครั้งใหญ่ ราคาแตงโมลดลง 50% ในตลาดชายแดนมูเซ และยอดขายลดลงมากถึง 99%  ปกติชายแดนมูเซในช่วงเวลานี้จะมีพ่อค้าจากจีนถึง 600-700 คนมาซื้อในทุกๆวัน แต่ในวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมามีพ่อค้าเพียง 55 รายที่มาซื้อผลผลิตและไม่ใช่ทั้งหมดที่สนใจซื้อแตงโม ปกติแล้วแตงโมประมาณ 12,000 ตันจะถูกส่งไปขายที่จีนในทุกวัน แต่ตอนนี้ยอดขายทั้งหมดยังไม่ถึง 120 ตัน ความต้องการแตงโมจากต่างประเทศมักจะสูงกว่าในดังนั้นเกษตรกรจึงประสบปัญหาจึงไม่มีรายได้เพียงพอที่จะใช้จ่ายในการขนส่ง กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกแตงโม ผู้ผลิต และผู้ส่งออกกำลังเรียกร้องให้ผู้ซื้อภายในประเทศช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการซื้อพืชผลให้มากขึ้น

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/prices-sales-watermelons-plunge-dramatically-myanmar.html

โครงการนำร่องเพื่อส่งเสริมธุรกิจอีคอมเมิร์ซสำหรับ SMEs ในกัมพูชา

กระทรวงพาณิชย์ได้เปิดตัว “Go4eCam” ซึ่งเป็นโครงการนำร่องที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่ออีคอมเมิร์ซสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของประเทศซึ่งเป็นภาคที่กำลังมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งโครงการมีมูลค่าประมาณ 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐระยะเวลาของโครงการประมาณสามเดือนและมีกำหนดที่จะเริ่มดำเนินการในกลางเดือนกุมภาพันธ์ โดยได้รับการสนับสนุนจากหุ้นส่วนการพัฒนาระหว่างประเทศและรัฐบาล ที่เรียกว่า Enhanced Integrated Framework (EIF) ซึ่งเป็นกองทุนที่ให้การสนับสนุนทางการเงินและทางเทคนิคเพื่อสร้างขีดความสามารถทางการค้าใน 48 ประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด ซึ่งรวมถึงประเทศกัมพูชา โดยได้มอบเงินช่วยเหลือประมาณ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับโครงการ ซึ่งส่วนอื่นมาจากโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติและรัฐบาลกัมพูชา โดยกัมพูชามีธุรกิจ SMEs กว่า 500,000 รายซึ่งแปรรูปวัตถุดิบทางการเกษตร 150,000 ราย สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารตามที่สมาคมสมาพันธ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งกัมพูชาคาดการณ์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50686950/pilot-project-to-boost-e-commerce-for-kingdoms-smes

ยอดขายตั๋วใน Angkor complex ลดลงจากความกังวลของเชื้อไวรัส Corona

อุทยานโบราณคดีอังกอร์มีรายรับเกือบ 10.5 ล้านเหรียญสหรัฐจากการขายตั๋วในเดือนมกราคมปีนี้ลดลงเกือบ 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยในรายงานล่าสุดของ Angkor Enterprises ซึ่งบริหารจัดการวัดแห่งนี้ ได้กล่าวว่าจำนวนตั๋วที่ขายในสวนสาธารณะนั้นลดลงเกือบ 18% จากเดือนมกราคม 2562 โดยคิดเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวน 222,560 คน ซื้อบัตรผ่านไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศในจังหวัดเสียมเรียบ ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้เปิดเผยเหตุผลหลักของการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยว แต่เชื่อว่าได้รับผลกระทบจากความกังวลของเชื้อไวรัส Corona โดยตอนนี้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 362 รายและติดเชื้อมากกว่า 17,300 คนทั่วโลก (ตัวเลข ณ 03/02/63) ซึ่งเที่ยวบินไปและกลับจากประเทศจีนลดลงเหลือประมาณ 40 ถึง 50% จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวระบุว่าในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 6.6 ล้านคนเพิ่มขึ้น 6.6% และนักท่องเที่ยวชาวจีนถือว่ามีจำนวนมากที่สุดโดยมีจำนวนมากกว่า 2.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นเกือบ 17% จากปีที่แล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50686837/ticket-sales-at-angkor-complex-are-down-as-coronavirus-frightens-off-large-numbers-of-overseas-tourists

ศูนย์วิจัยสัตว์น้ำมีเป้าหมายเพาะพันธุ์ปลาเพิ่ม 4 ล้านตัว

ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางน้ำมีชีวิต (LARReC) ภายใต้กระทรวงเกษตรและป่าไม้ตั้งเป้าการเพาะพันธุ์ปลา 4 ล้านตัวในปีนี้เพื่อสนับสนุนความมั่นคงด้านอาหารของประเทศและยังจะร่วมมือกับเครือข่ายฟาร์มเอกชนอีก 15 แห่งทั่วประเทศเพื่อเพิ่มผลผลิตปลาตามที่ระบุไว้ในแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงในปัจจุบันซึ่ง LARReC จะมีให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในท้องถิ่นเพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตให้สอดคล้องกับเป้าหมายของ LARReC อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยสภาพอากาศที่จะส่งผลกระทบต่อผลผลิตเป็นปัญหาที่ศูนย์ไม่สามารถควบคุมได้ถือเป็นความท้าทายของศูนย์ในการแก้ปัญหาดังกล่าว ปัจจุบันโครงการดังกล่าวถือว่าประสบความสำเร็จจากการเพิ่มผลผลิตปลาได้มากถึง 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วทำให้ไม่ต้องมีการนำเข้าปลาจากต่างประเทศมากเหมือนแต่ก่อน ทำให้มีปลาบริโภคในราคาที่ถูกลงรวมถึงสร้างความมั่นคงให้แก่เกษตรกรอีกด้วย

ที่มา: http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Aquatic.php

ข้อตกลงใหม่ปูทางสำหรับการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับ Marubeni Corporation ของญี่ปุ่นและกลุ่ม AMZ ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศลาวโดยบันทึกความเข้าใจ (MOU) เกี่ยวกับโครงการได้ลงนามเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมีวัตถุประสงค์ในการลงนามเพื่อศึกษาการใช้เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆ เข้ามาในการพัฒนาเศรษฐกิจโดยเฉพาะการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสปป.ลาว นอกจากนี้ยังถือเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุค 4.0 ที่ต้องการใช้การวิจัยเพื่อยกระดับเทคโนโลยี โดยเฉพาะในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างตรงจุด การลงนามดังกล่าวไม่เพียงแค่สนับสนุนการพัฒนาทที่สำคัญแต่กระทรวงเชื่อว่าการลงนามในบันทึกความเข้าใจเป็นขั้นแรกในการก้าวไปสู่การลงนามในบันทึกข้อตกลงในอนาคตอันใกล้

ที่มา: http://annx.asianews.network/content/new-agreement-paves-way-solar-power-development-

เวียดนามเผยเดือนม.ค. ขาดดุลการค้า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าเวียดนามขาดดุลการค้า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนมกราคมของปีนี้ โดยแบ่งมูลค่าการส่งออก 19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 15.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 19.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 14.4 ทั้งนี้ สินค้าส่งออกที่ยังมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ (+5.6%) ไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์ทำมาจากไม้ (+1.4%) สำหรับสินค้าส่งออกรายการอื่นๆ ที่มีมูลค่าลดลง ได้แก่ เครื่องนุ่งห่ม (-21%) โทรศัพท์และส่วนประกอบ (-22.4%) และรองเท้า (-9.7%) ซึ่งสหรัฐอเมริกายังคงเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่า 4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาจีน สหภาพยุโรป ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน จีนยังคงเป็นตลาดนำเข้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่า 6.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาเกาหลีใต้และอาเซียน ตามลำดับ นอกจากนี้ ทางผู้เชี่ยวชาญมองว่ากิจกรรมการค้าระหว่างประเทศได้รับอิทธิพลมาจากช่วงวันหยุดยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันปีใหม่ตามปฏิทินทางจันทรคติที่แสดงให้เห็นว่ามียอดการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น จนส่งผลให้เกิดการขาดดุลการค้า

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-reports-trade-deficit-of-100-million-usd-in-january/168057.vnp

กระทรวงอุตฯ เผยวิกฤตไวรัสโคโรนาอาจกระทบภาคการส่งออกไปยังจีน

จากข้อมูลของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เปิดเผยว่าทางหน่วยงานจับตาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอย่างต่อเนื่อง และให้ผู้ประกอบการเตรียมรับมือกับผลกระทบจากการส่งออกในทิศทางที่เป็นลบ โดยเฉพาะสินค้าส่งออกเกษตรไปยังจีน ซึ่งในปัจจุบัน คาดว่าไวรัสโคโรนายังไม่น่ากระทบต่อการค้าระหว่างเวียดนามกับจีน อย่างไรก็ตาม มีสัญญาบ่งบอกว่ายอดขายสินค้าเกษตรบางรายการไปยังจีนเริ่มชะลอตัวแล้ว เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าวและความเข้มงวดในการป้องกันของไวรัส ทำให้การส่งออกมีความยากลำบากมากขึ้น ทั้งนี้ ทางกรมส่งเสริมการค้าได้แนะนำให้ผู้ประกอบการเวียดนามเตรียมค้นหาตลาดอื่นๆ เพื่อให้มาทดแทนกับตลาดจีน สำหรับตัวเลขสถิติการค้าระหว่างประเทศ พบว่าในปี 2562 ยอดส่งออกสินค้าของเวียดนามอยู่ที่ 41.41 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ที่มาจากสินค้าเกษตรกรรม โดยจีนยังคงเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม

ที่มา : https://www.vir.com.vn/coronavirus-might-affect-exports-to-china-ministry-73553.html