เวียดนามตั้งเป้ายอดส่งออกผักผลไม้ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563

จากข้อมูลของสมาคมพืชผักและผลไม้เวียดนาม (VINAFRUIT) เปิดเผยว่ามูลค่าการส่งออกผักและผลไม้ของเวียดนามในปีนี้ อยู่ที่ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลมาจากข้อตกลงการค้าเสรีรูปแบบใหม่ (New Generation FTA) ซึ่งข้อตกลงการค้าเสรี EVFTA คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 63 เรื่องภาษีศุลกากรของผักผลไม้เวียดนามอยู่ในระดับร้อยละ 0 ส่งผลให้ยกระดับมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ข้อตกลง CPTPP จะเปิดตลาดใหม่ๆแก่ผลิตภัณฑ์เวียดนาม ทั้งนี้ จากข้อมูลของเลขาธิการสมาคม มองว่าพื้นที่เพาะปลูกผักผลไม้ขนาดใหญ่ควรจะต้องติดฉลากเขียว (VietGAP) และมาตรฐานเอกชน (Global GAP) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เข็มงวด อย่างไรก็ตาม ตลาดส่งออกสำคัญของเวียดนามที่มีอัตราการขยายตัวสูง ได้แก่ อาเซียน (26.6%), สหรัฐอเมริกา (10.7%) และสหภาพยุโรป (32.2%) เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-targets-5-billion-usd-from-fruit-vegetable-exports-in-2020/167667.vnp

เมียนมากู้ ADB สร้างโรงไฟฟ้าย่อยในอิรวดี

เพื่อกระจายกระแสไฟฟ้าให้มากขึ้นในภูมิภาคอิรวดี โดยการสร้างสถานีย่อย 17 แห่งด้วยความช่วยเหลือของเงินกู้ของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ทั้งนี้ยังขอให้รัฐบาลระดับภูมิภาคหาที่ตั้งเพิ่มสำหรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าย่อย 6 แห่ง แม้ว่าจะมีการใช้พลังงาน 50% ทั่วประเทศ แต่เขตอิระวดีมีการใช้พลังงานมากกว่า 20%

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/sub-power-stations-will-be-built-in-ayeyawady-under-the-adb-loan

เมียนมา-ญี่ปุ่นลงนามสัญญาเงินกู้ 1.1 พันล้านดอลลาร์สำหรับสี่โครงการ

รัฐบาลเมียนมาและญี่ปุ่นได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจและสัญญาเงินกู้เพื่อรับเงินกู้ ODA ประมาณ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับการดำเนินโครงการพัฒนารวมถึงโครงการพัฒนาเมืองย่างกุ้ง โดยทั้งสี่โครงการมีชื่อโครงการพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียย่างกุ้ง โครงการพัฒนาเมืองย่างกุ้งแหล่งจ่ายไฟในเมือง โครงการปรับปรุงและโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระดับภูมิภาค ระยะที่ 3 โครงการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนา (Official Development Assistance หรือ ODA) ของรัฐบาลญี่ปุ่น มีมูลค่า 120.915 ล้านเยน (ประมาณ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) อัตราดอกเบี้ย 0.01 เปอร์เซ็นต์และระยะเวลา 40 ปีในการชำระคืน เงินกู้ดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียและสร้างโรงบำบัดน้ำเพื่อการพัฒนาด้านสาธารณสุขในย่างกุ้ง ยกระดับระบบระบายน้ำ และแก้ไขปัญหาการจราจรในย่างกุ้ง ยกระดับสถานีไฟฟ้าย่อยและสายไฟฟ้าในย่างกุ้งและมัณ ฑะเลย์ สะพาน ไฟฟ้า และระบบประประปา ในภูมิภาคอื่น ๆ

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/myanmar-japan-sign-11bn-loan-agreement-for-four-projects

อุตสาหกรรมสิ่งทออาเซียนในยุค 4.0

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีการประชุมสภาอุตสาหกรรมสิ่งทอแห่งอาเซียน (AFTEX) ครั้งที่ 43 จัดโดยสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มสปป.ลาวและถือว่าเป็นวันครบรอบ 40 ปีของสมาคมอีกด้วยโดยที่ประชุมได้มีการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูปในอาเซียนรวมถึงมีการพิจารณาตลาดเครื่องนุ่งห่มโลกและหารือถึงวิธีการร่วมมือกันในการส่งออกเสื้อผ้าไปยังทั่วโลก ปัจจุบันในยุคอุตสาหกรรม 4.0 ทำให้การค้าคล่องตัวมากขึ้น โดยผ่านการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์และการรวมตลาดภายในภูมิภาคและทั่วโลกเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการค้าในกลุ่มมากขึ้น นอกจากนี้ภายในที่ประชุมยังมีการเปิดตัวโครงการความร่วมมือการค้าเทคโนโลยีใหม่และโอกาสสำหรับตลาดใหม่ในจีนและสาธารณรัฐเกาหลีที่จะเป็นตลาดที่สำคัญของสมาคมต่อไปในอนาคต

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/asean-textile-industry-reps-eye-seamless-export-trade-112459

กระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์กำหนดราคาหมูใหม่

กระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์สปป.ลาวกำหนดราคาใหม่สำหรับเนื้อหมูเพื่อแก้ไขปัญหาราคาหมูที่สูงอยู่ ณ ตอนนี้ โดยรัฐบาลพยายามที่จะจำกัดระดับราคาให้อยุ่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเพราะหากตั้งต่ำเกินไปผู้ผลิตจะขาดทุนหรือหากตั้งสูงเกินไปก็อาจทำให้การบริโภคลดลงไปด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเรียกร้องให้มีการนำเข้าหมูจากเวียดนามหรือไทยเพื่อลดปัญหาดังกล่าว แต่ข้อเรียกร้องดังกล่าวก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีเพราะ ราคาหมูในสปป.ลาว ณ ตอนนี้เมื่อเทียบกับไทยแล้วราคาหมูไทยมีราคาสูงกว่าถึงร้อยละ 33 ดังนั้นวิธีดังกล่าวจึงไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก อย่างไรก็ตามการตึงราคาไว้เป็นแค่การแก้ไขปัญหาระยะสั้น เพราะสาเหตุของการที่ราคาเพิ่มสูงขึ้นมาจากการขาดแคลนหมูเพราะเกิดโรคไข้หมูรวมถึงการผันผันของค่าเงินและราคาของน้ำมันที่สูงขึ้นเป็นต้นทุนการขนส่งหมูทำให้ราคาหมูสูงตามไปด้วย ปัจจุบันสถานการณ์ดังกล่าวอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิดของรัฐาบาลเพราะหากไม่มีแนวทางแก้ไข้ปัญหาที่ดี ในระยะยาวอาจส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศได้

ที่มา :http://annx.asianews.network/content/vientiane-commerce-dept-proposes-new-pork-price-amid-limited-supply-112539

บริษัทยางจากเวียดนามที่บริหารงานโดยรัฐวางแผนขยายกิจการในกัมพูชา

Vietnam Rubber Group (VRG) กำลังวางแผนที่จะขยายพื้นที่เพาะปลูก โดยปัจจุบันในกัมพูชา VRG ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐฯเวียดนามได้ลงทุนในฟาร์มยางขนาดใหญ่ใน 7 จังหวัด โดยเปิดเผยแผนการขยายตัวในระหว่างการประชุมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรในกรุงพนมเปญ ซึ่งระบุว่า บริษัท เก็บน้ำยาง 50,000 ตันจากพื้นที่ในกัมพูชา 47,000 เฮกตาร์เมื่อปีที่แล้ว โดย VRG ดำเนินธุรกิจผ่าน บริษัท ย่อย 19 แห่งในกัมพูชามีรายงานการลงทุนมูลค่าประมาณกว่า 800 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในปี 2019 สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 23 ซึ่งทำรายได้อยู่ที่ประมาณ 1.28 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริษัท ซึ่งมีพื้นที่เกือบ 10,000 เฮคตาร์ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลในการทำสวนยางพาราในจังหวัดพระวิหารได้ลงทุน 40 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อสร้างงาน 3,000 ตำแหน่งให้แก่คนงาน จากข้อมูลของธนาคารแห่งชาติกัมพูชาระบุว่ากัมพูชาสร้างรายได้มากกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้วจากการส่งออกยางในปีที่แล้วลดลงร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50682038/state-run-vietnam-rubber-firm-plans-expansion-in-kingdom

Campu Bank ได้รับการรับรองว่าเป็นตัวแทนด้านการชำระเงินที่ปลอดภัยในตลาด CSX

ธนาคารกัมพูชา จำกัด (มหาชน) ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการว่าทำหน้าที่เป็นตัวแทนด้านการชำระเงินในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (CSX) ซึ่งเป็นผู้ควบคุมการทำธุรกรรมโดยที่ผู้ขายโอนหลักทรัพย์หรือตราสารทางการเงินให้กับผู้ซื้อและผู้ซื้อโอนเงินให้ผู้ขาย โดยตัวแทนจะได้รับการรับรองและการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของกัมพูชา ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา โดยธนาคารจะมีส่วนร่วมในการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการภูมิภาคอินโดจีนธนาคารกัมพูชา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่ามั่นใจว่าธนาคารจะสามารถมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้ความรู้แก่ลูกค้าเกี่ยวกับผลประโยชน์ระยะยาวของการลงทุนในตลาดทุน ซึ่งในฐานะตัวแทนการชำระเงินธนาคารกัมพูชาจะใช้ประโยชน์ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์กัมปู จำกัด (มหาชน) เพื่อส่งเสริมการซื้อขายหลักทรัพย์ให้กับนักลงทุนและเพื่อเข้าถึงฐานลูกค้าขนาดใหญ่ผ่านสาขาเครือข่ายที่กว้างขวาง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50682363/campu-bank-accredited-as-cash-settlement-agents-security-market

จุรินทร์ถกทำแผนช่วย SMEs ผู้ประกอบการท้องถิ่นส่งออกตลาด CLMV

“จุรินทร์” ถก SMEs วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ ผู้ผลิตสินค้าท้องถิ่น จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก หาทางช่วยส่งออกตลาด CLMV เตรียมใช้ 9 มาตรการเบิกทาง ก่อนลุยต่อช่วยผู้ประกอบการภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ ผู้ผลิตสินค้าท้องถิ่น และผู้ผลิตสินค้าโอทอป จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก รวม 82 ราย กับผู้บริหารของกระทรวงพาณิชย์ ว่ามีเป้าเพื่อผลักดันให้นักธุรกิจท้องถิ่นมีโอกาสที่จะช่วยเพิ่มตัวเลขการส่งออกให้กับประเทศได้มากขึ้น และให้โอกาสกับนักธุรกิจและผู้ประกอบการใหม่ๆ ที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจหรือส่งออกให้มีลู่ทางส่งออกต่อไปในอนาคต โดยจะเริ่มต้นจากตลาด มาหารือเพื่อหาลู่ทางเร่งรัดการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ก่อนจากแต่ละปีไทยมีมูลค่าการค้ากับตลาดใน CLMVประมาณ 27,500 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : https://mgronline.com/business/detail/9630000007139

ทีเส็บ จับมือ 2 พันธมิตรจัดแคมเปญ Fly, Meet, Shop กระตุ้นนักเดินทางธุรกิจกลุ่ม CLMV

ทางผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการจัดประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล ได้ร่วมกับผู้บริหารจากสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส และบริษัท เซ็นทรัล ดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์ จำกัด เพื่อรุกตลาดไมซ์ในกลุ่มประเทศ CLMV โดยจัดงานเปิดตัวแคมเปญ “Fly, Meet, Shop” เป็นครั้งแรกในกรุงพนมเปญ ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นตลาดการจัดประชุมสัมมนาและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลของบริษัทและองค์กรธุรกิจ (Meetings and Incentives-MI) จากประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม ให้เลือกไทยเป็นสถานที่จัดงาน ต่อเนื่องจากผลสำเร็จของความร่วมมือระหว่างทีเส็บและบางกอกแอร์เวย์ส ในแคมเปญดังกล่าวและ “Fly and Meet Double Bonus Redefined” เจาะตลาด CLMV ในปี 2561 และ 2562 ตามลำดับ และคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่ม CLMV จะยังเติบโตในอัตราสูงถึง 6-7% ซึ่งทีเส็บได้นำเสนอจุดขายใหม่ของประเทศไทย 115 แห่งที่ได้ร่วมพัฒนากับ 5 เมืองไมซ์ทั่วไทยและเมืองใกล้เคียงผ่านโครงการ Thailand 7 MICE Magnificent Themes ที่มีศักยภาพรองรับนักเดินทางไมซ์ในปี 2563

ที่มา : https://www.prachachat.net/tourism/news-412966

นักลงทุนต่างชาติพร้อมที่จะลงทุนโครงการที่อยู่อาศัย

ในปัจจุบันหนี้ไม่พ้นจากปรากฎการณ์การขยายตัวอย่างรวดเร็วของความเป็นเมืองทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เช่น เวียดนามที่มีจำนวนประชากรเติบโตอย่างรวดเร็วจากในปี 1990 อยู่ที่ 66 ล้านคนมาจนถึงปี 2562 ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 96.5 ล้านคน ซึ่งนับว่าเวียดนามอยู่ในอันดับที่ 3 ของประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขณะที่ อัตราการเกิดต่ำส่งผลให้มีการย้ายไปสู่เมืองมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ เวียดนามต้องเผชิญกับความไม่สมดุลระหว่างอุปทานที่อยู่อาศัยกับความต้องการที่แท้จริง โดยจากข้อมูลของ JLL พบว่าอุปทานรวมของอพาร์ทเมนท์ในเมืองสำคัญ ณ ไตรมาสที่ 4/62 อยู่ที่ 201,707 ยูนิต ซึ่งอัตราดังกล่าวยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งทางคุณสตี่เฟน (Country Head) มองว่าควรมุ่งเน่นไปที่ตลาดที่อยู่อาศัย เนื่องจากเป็นความต้องการที่แท้จริง ทั้งนี้ เขตเมืองทุกวันนี้กำลังเผชิญกับปัญหาที่ดินลดน้อยลงจากราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น เป็นผลมาจากจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น การให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่มากเกินไปและการขาดแคลนของสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน เป็นต้น นอกจากนี้ ในอีก 10 ปีข้างหน้า เวียดนามจะอยู่ในช่วงกลุ่มประชากรยุคทอง จากการจ้างงานอุตสาหกรรมและบริการเพิ่มสูงขึ้น และ 1 ใน 4 ของประชากรรวมจะอยู่ในวัย 10-24 ปี ด้วยเหตุนี้จะเป็ยแรงผลักดันให้ราคาที่อยู่อาศัยไม่สูงมากนัก สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยและโครงการพาณิชย์นั้น นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่มักจะค้นหาที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย (การชดเชยค่าเสียหาย,สถานที่รื้อถอน เป็นต้น) อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ดังกล่าวมักจะหาได้ยาก เนื่องจากตลาดอสังหาฯเวียดนามยังคงไม่สมบูรณ์และค่อนข้างชนบท

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/foreign-investors-ready-to-invest-big-in-vietnam-housing-409122.vov