รัฐมนตรีสหภาพอุตสาหกรรมหารือเรื่องการยกระดับพืชน้ำมันเพื่อการบริโภค การผลิตฝ้าย และผลผลิตของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า

วานนี้ ดร. ชาร์ลี ธาน รัฐมนตรีสหภาพอุตสาหกรรมกล่าวว่า สภาบริหารแห่งรัฐได้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจจัดการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาโรงงานน้ำมันขึ้น ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 โดยมีหน้าที่จัดหาเงินกู้เพื่อยกระดับและขยายโรงงานน้ำมันเพื่อเพิ่มการผลิตน้ำมันบริโภคและลดการพึ่งพาการนำเข้า ทั้งนี้ การรีไซเคิลน้ำมันบริโภคบางชนิด ยกเว้นน้ำมันสกัดเย็นบริสุทธิ์และน้ำมันสกัดเย็น ผู้ประกอบการอาจสามารถเพิ่มการผลิตน้ำมันได้ และยังเน้นย้ำว่ากระบวนการผลิตจะต้องเป็นไปตาม GMP และได้รับการอนุมัติจาก อย. นอกจากนี้ ตามสถิติ สวนฝ้ายที่ตอบโจทย์การบริโภคในท้องถิ่น มีกระทรวงดำเนินการโรงงานฝ้าย 16 แห่ง และภาคเอกชนมี 191 แห่ง สำหรับโรงงานฝ้ายและตัดเย็บเสื้อผ้าโดยกระทรวงมี 14 แห่ง ซึ่ง 2 แห่งในนั้นให้เช่าโดยนักธุรกิจ ในขณะที่ภาคเอกชนดำเนินการโรงงาน 9 แห่ง รวมถึง รัฐมนตรีสหภาพฯ ยังได้สั่งการซ่อมแซมโรงปั่นฝ้ายเพื่อเพิ่มการผลิต การจำหน่ายสินค้าสำเร็จรูปเพื่อเพิ่มรายได้ การสร้างความตระหนักรู้แก่ผู้ประกอบการ MSME เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของโรงงาน การจัดการการเพิ่มการผลิต การซ่อมแซมเครื่องจักรอัตโนมัติ การจัดการให้เต็มกำลังการผลิต เครื่องจักร โกดังวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูป และการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับกระบวนการผลิตฝ้าย และสนับสนุนให้เปิดหลักสูตรฝึกอบรมการซ่อมเครื่องจักรในโรงงานอีกด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/industry-union-minister-talks-to-elevate-edible-oil-crops-cotton-production-productivity-of-garment-factories/

Royal Railway เร่งนำเข้าหัวรถจักรดีเซลจากญี่ปุ่น เสริมการให้บริการในกัมพูชา

Royal Railway Cambodia (RRC) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มบริษัท Royal Group กำลังเร่งนำเข้าหัวรถจักรดีเซล (DMU) จากญี่ปุ่น เสริมการให้บริการรถไฟในกัมพูชา โดย RRC ได้ทำการสั่งซื้อหัวรถจักรจำนวนทั้งสิ้น 11 คัน และเริ่มมีการขนส่งมายังกัมพูชาแล้ว ซึ่งการนำเข้าหัวรถดังกล่าวถือเป็นการปรับปรุงภาคการขนส่งทางรถไฟของกัมพูชาในแง่ของความปลอดภัย ความเร็ว และประสิทธิภาพ ภายใต้ต้นทุนด้านการขนส่งที่ต่ำลง โดยทั่วไปแล้วหัวรถจักรดีเซลมักจะใช้สำหรับการเดินทางระยะสั้นถึงปานกลาง เพราะเป็นช่วงที่ประหยัดเชื้อเพลิงที่สุด อีกทั้งยังมีค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับหัวรถลากแบบดั้งเดิม สำหรับ RRC จัดการและดำเนินการเครือข่ายรถไฟในประเทศกัมพูชาภายใต้การลงทุนแบบสัมปทาน นับตั้งแต่ปี 2010 ด้วยการปรับปรุงและพัฒนาเส้นทางรถไฟสายเดิมที่สร้างโดยราชอาณาจักรในยุคอาณานิคมฝรั่งเศส โดยทางรถไฟสายเหนือมีความยาว 386 กิโลเมตรจากพนมเปญถึงปอยเปต (ชายแดนกัมพูชา-ไทย) และทางรถไฟสายใต้มีความยาวทั้งสิ้น 264 กิโลเมตร

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501474759/royal-railway-buys-dmus-from-japan/

กัมพูชา-จีน ร่วมจัดนิทรรศการด้านการท่องเที่ยว ณ นครวัด

กระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชาร่วมกับทางการมณฑลเหอหนานของจีน เตรียมความพร้อมจัดนิทรรศการด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมกัมพูชา-จีน ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นทางตอนเหนือของอุทยานโบราณคดีอังกอร์กัมพูชา สำหรับเป้าหมายของการจัดงานเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างจังหวัดเสียมราฐและมณฑลเหอหนาน โดยมีการแสดงร่วมกันระหว่างเส้าหลินและโบกาตอร์ ซึ่งเป็นศิลปะด้านการต่อสู้ของทั้ง 2 ประเทศ ด้านกระทรวงฯ มั่นใจว่างานดังกล่าวจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามายังกัมพูชามากขึ้น ควบคู่ไปกับแคมเปญ Visit Siem Reap 2024 และคาดหวังการผลักดันภาคการท่องเที่ยวด้วยโครงการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีและการท่องเที่ยวโครงการใหม่ที่มีชื่อว่า “The 2024 Cambodia-China People-to-People Exchange Year” ด้าน Sok Soken รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา ให้ข้อมูลเสริมว่าในช่วง 2023 กัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากถึง 5.4 ล้านคน ในจำนวนดังกล่าวคิดเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนประมาณ 540,000 คน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501475565/cambodia-china-cultural-tourism-exhibition-to-take-place-at-famed-angkor-complex-next-week/

BOI ไฟเขียว ‘เชอรี’ ค่ายรถระดับโลกจากจีน ตั้งฐานผลิต EV พวงมาลัยขวาในไทย

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ผลจากความพยายามในการดึงการลงทุนจาก บริษัท Chery Automobile ให้เข้ามาตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ได้ประสบความสำเร็จตามแผนที่หารือกัน โดย Chery (เชอรี) ซึ่งเป็นผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ของจีนและเป็นผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลก ที่มียอดการส่งออกรถยนต์เป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง 21 ปี โดยในปี 2566 Chery มียอดส่งออกกว่า 1.8 ล้านคัน ได้ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชนิดพวงมาลัยขวา เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง โดยโครงการนี้ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอในกิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา สำหรับแผนการลงทุนของบริษัท Chery Automobile ในประเทศไทย จะดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อบริษัท “โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย)” ซึ่ง OMODA และ JAECOO เป็นแบรนด์ของ Chery สำหรับทำตลาดในต่างประเทศ โดยจะตั้งโรงงานที่จังหวัดระยอง ในเฟสแรก ภายในปี 2568 จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบ BEV และ HEV ปีละประมาณ 50,000 คัน และในเฟสที่ 2 ภายในปี 2571 จะขยายกำลังการผลิตถึงปีละ 80,000 คัน สำหรับการส่งเสริมโครงการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ทั้งยานยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และไฮบริด (HEV) บีโอไอได้อนุมัติให้การส่งเสริมรวมทั้งสิ้น 26 โครงการ จาก 19 บริษัท รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 80,000 ล้านบาท

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1123160

‘เวียดนาม’ ซัพพลายเออร์ข้าวรายใหญ่ที่สุดในตลาดสิงคโปร์

สำนักงานการค้าเวียดนาม ประจำประเทศสิงคโปร์ รายงานว่าในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ อันดับของผู้ส่งออกข้าวอย่างเวียดนามแซงหน้าคู่แข่ง อินเดียและไทย เป็นครั้งแรกในตลาดสิงคโปร์ โดยมูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปยังสิงคโปร์ อยู่ที่ 36.15 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 80.46% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 32.03% รองลงมาไทยและอินเดีย มีมูลค่าการส่งออก 33.63 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 33.16 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม สำนักงานการค้าแนะนำให้ผู้ส่งออกข้าวเวียดนามเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและพัฒนาคุณภาพข้าวอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1654252/viet-nam-to-have-many-opportunities-from-digitalisation-green-transformation-imf.html

สปป.ลาว – เมียนมา ประชุมร่วมทบทวนแนวทางความร่วมมือด้านชายแดน

สปป.ลาว และเมียนมา ร่วมประชุมเพื่อทบทวนแนวทางการตรวจสอบ การซ่อมแซม และการสร้างเครื่องหมายชายแดนระหว่าง สปป.ลาว และเมียนมา โดยจัดขึ้นที่แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนร่วมกัน ทั้งสองฝ่ายประเมินความคืบหน้าของงานและรับทราบความสำเร็จของการตรวจสอบแนวเขตแดนระยะทาง 236 กม. ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ได้ตรวจสอบและบำรุงรักษาบริเวณชายแดน นอกจากนี้ คณะทำงานของทั้งสองประเทศได้ใช้อุปกรณ์ GPSรวบรวมข้อมูล 172 จุดตามแนวชายแดนแม่น้ำโขง ให้บริการวิจัยและปรับปรุงระบบแผนที่ชายแดนของทั้งสองประเทศจากระบบเก่าตามข้อตกลงเมื่อปี 2537 ทำให้ระบบใหม่และทันสมัยยิ่งขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/laos-myanmar-review-border-cooperation/284818.vnp

สปป.ลาว ได้รับเงินสำหรับปรับปรุงถนนหมายเลข R12 กว่า 1.8 พันล้านบาท จากไทย

รัฐบาลไทยอนุมัติเงิน 1.8 พันล้านบาท หรือประมาณ 48.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่รัฐบาล สปป.ลาว เพื่อบำรุงรักษาและปรับปรุงทางหลวงหมายเลข R12 ซึ่งช่วยลดระยะเวลาเดินทางจากจังหวัดนครพนมของประเทศไทย ผ่าน สปป.ลาว และข้ามฝั่งไปยังชายแดนเวียดนามในจังหวัดกว๋างบิ่ญ โฆษกรัฐบาลไทย กล่าวว่า เงินสนับสนุนดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในการปรับปรุงอาคารขนส่งสินค้า สถานที่จัดเก็บสินค้า ไฟส่องสว่างบริเวณทางแยก สาธารณูปโภค ระบบระบายน้ำในชุมชน และสถานที่ท่องเที่ยวตลอดเส้นทางทางหลวงหมายเลข R12 และจะยกระดับการขนส่งทางถนน ระบบโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงไทยกับลาว เวียดนามและจีน ลดระยะเวลาการขนส่งจาก 10 ชั่วโมงเหลือเพียง 4 ชั่วโมง และลดขั้นตอนศุลกากรจาก 5 จุดเหลือเพียง 2 จุดตรวจ ทั้งนี้ ทางหลวงหมายเลข R12 ถือเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดเมื่อเทียบกับ R8 หรือ R9 ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก โดยปริมาณสินค้าที่ขนส่งจากนครพนมไปยังลาวผ่าน R12 หลังจากการบำรุงรักษาเสร็จสิ้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 50%

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/thailand-gives-financial-support-to-laos-for-road-maintenance/284788.vnp

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา เร่งการส่งออก

ในขณะที่รัฐบาลส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศด้วยการเพิ่มการส่งออก กระทรวงพาณิชย์และสมาพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสหภาพเมียนมาจึงร่วมมือกันเพื่อปรับปรุงภาคการส่งออก โดยเมื่อวันที่ 20 เมษายน มีการส่งออกข้าวโพดจำนวน 12,700 ตันผ่านทาง The Myanmar Terminal – TMT (เดิมชื่อ Bo Aung Kyaw Jetty) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ ในวันที่ 21 เมษายน ข้าวโพดจำนวน 6,600 ตันจะถูกส่งออกจากท่าเรือ Ahlon International Port Terminal 3 ในวันที่ 22 เมษายน ข้าวโพด 2,700 ตันจากท่าเรือ Min Htet Min และอีก 7,150 ตันจากท่าเรือเมียนมา ตามลำดับ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/commerce-ministry-boosts-export/#article-title