การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเริ่มขึ้นแล้วที่หลวงพระบาง สปป.ลาว

รัฐมนตรีต่างประเทศจาก 10 ชาติสมาชิกอาเซียนเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่หลวงพระบาง เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน โดยการประชุมครั้งนี้เป็นหนึ่งในการประชุมครั้งแรกที่จัดขึ้นภายใต้การเป็นประธานอาเซียนของ สปป.ลาว โดยการประชุมได้หารือและสนับสนุนลำดับความสำคัญ ของการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มการเชื่อมโยงและความแข็งแกร่งของอาเซียน องค์ประกอบการเชื่อมต่อที่เพิ่มขึ้นประกอบด้วยลำดับความสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ (1) การบูรณาการและการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ (2) การสร้างอนาคตการมีส่วนร่วมที่ยั่งยืน (3) การเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตดิจิทัล และ (4) การส่งเสริมวัฒนธรรมและศิลปะในอาเซียน องค์ประกอบความเข้มแข็งที่เพิ่มขึ้นประกอบด้วยลำดับความสำคัญ 5 ประการ ได้แก่ (1) การสร้างแผนยุทธศาสตร์เพื่อดำเนินการตามวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนปี 2045 (2) การเสริมสร้างความเป็นแกนกลางของอาเซียน (3) ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม (4) การเสริมสร้างบทบาทของสตรีและเด็ก และ (5) การปรับปรุงการสาธารณสุขในประเทศอาเซียน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_21_Asean_y24.php

มีการส่งออกสินค้ารายวันไปยังประเทศจีน ด้วยรถบรรทุกมากกว่า 800 คัน ผ่านทางกัมปะติ

U Myint Zaw Moe ผู้รับผิดชอบด่านการค้าชายแดนเมือง Lweje ของกรมการค้าภายใต้กระทรวงพาณิชย์เมียนมา ระบุว่า การค้าชายแดนเมียนมาร์-จีนผ่านกัมปะติ ในรัฐกะฉิ่น มีการขนส่งสินค้าส่งออกด้วยรถบรรทุกมากกว่า 800 คันต่อวัน ทั้งนี้ การส่งออกผ่านด่านการค้าชายแดน Lweje จากรัฐกะฉิ่นมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากความต้องการของจีนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของรัฐกะฉิ่น และสินค้าจากภูมิภาคอื่น ๆ เช่น แตงโม มะม่วง ข้าว พริก หัวหอม ปลาแห้ง และข้าวโพด เพิ่มขึ้น ในขณะที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยา ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับยานพาหนะ และอาหารจะถูกนำเข้า ผ่านด่านชายแดน Lweje

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/daily-export-of-goods-transported-to-china-with-over-800-trucks-via-kampaiti/#article-title

แนวโน้ม FDI ในเมียนมาร์ : ภาคพลังงานเป็นผู้นำด้วยมูลค่า 374 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

คณะกรรมการการลงทุนและการบริหารบริษัทรายงานว่าในช่วง 9 เดือนของปีงบประมาณ 2566-2567 ภาคพลังงานกลายเป็นผู้รับการลงทุนจากต่างประเทศสูงสุด โดยดึงดูดเงินได้มากกว่า 374 ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมา คือ ภาคอุตสาหกรรมการผลิตซึ่งมีรายได้ 112 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และภาคการขนส่งและการสื่อสารด้วยการลงทุน 77.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างเดือนเมษายน-ธันวาคม 2566 ทั้งนี้ ในทางตรงกันข้าม ภาคบริการมีการลงทุนน้อยที่สุดเพียง 0.809 ล้านดอลลาร์ ซึ่งโดยรวมแล้ว มีการลงทุนใน 7 ภาคส่วนมีมูลค่าทะลุ 602 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การลงทุนจากต่างประเทศลดลงอย่างมากเมื่อเดือนที่แล้ว โดยมีมูลค่าเพียง 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งภูมิทัศน์การลงทุนของเมียนมาร์ประกอบด้วย 7 ภาคส่วนหลัก ได้แก่ เกษตรกรรม ปศุสัตว์และการประมง การผลิต พลังงาน การขนส่งและการสื่อสาร อสังหาริมทรัพย์ และการบริการ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/fdi-trends-in-myanmar-energy-sector-leads-with-us374m/#article-title

บริษัทสัญชาติไต้หวัน สนใจเข้าลงทุนในอุตสาหกรรมเกษตร-อาหาร และยานยนต์ กัมพูชา

Far East Trade Service Inc พนมเปญ (FETPP) บริษัทสัญชาติไต้หวัน ซึ่งดำเนินงานภายใต้บริษัท TAITRA กำลังสำรวจโอกาสในการขยายการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร และยานยนต์ ด้วยความช่วยเหลือจากสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ด้าน Suon Sophal รองเลขาธิการคณะกรรมการการลงทุนกัมพูชา (CIB) ได้ร่วมสนทนากับ Chen I-Hua ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ FETPP โดย Sophal ชื่นชมความพยายามของรัฐบาลกัมพูชา (RGC) ในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการลงทุนที่มุ่งสร้างกรอบกฎหมายที่เปิดกว้างเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนต่างชาติตามความจำเป็น ตลอดจนการดำเนินการตามแผนงานสำหรับการพัฒนาภาคยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501430458/taiwan-firm-keen-to-invest-in-agri-food-automotive-sectors/

กัมพูชาเร่งกระจายความเสี่ยงสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เครื่องนุ่งห่ม

อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องนุ่งห่มยังคงมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจของกัมพูชา แต่อุตสาหกรรมการผลิตที่ไม่ใช่เครื่องนุ่งห่มก็ได้เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดย Hem Vanndy รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ได้กล่าวไว้ ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีมานี้ กัมพูชาเริ่มมีความหลากหลายทางอุตสาหกรรม โดยยกระดับผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าสำเร็จรูปไปสู่เสื้อผ้าแบรนด์เนมที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า สำหรับอุตสาหกรรมนอกเหนือกัมพูชาได้ดึงดูดนักลงทุนอย่างอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และโรงงานประกอบรถยนต์ ซึ่งคาดว่าจะเป็นภาคส่วนสำคัญในระบบเศรษฐกิจกัมพูชาในอนาคต ถือเป็นสัญญาณที่ดีสะท้อนให้เห็นว่าปัจจุบันเศรษฐกิจไม่ได้พึ่งพาภาคการผลิตเครื่องนุ่งห่มเพียงอย่างเดียว สำหรับการส่งออกเสื้อผ้า รองเท้า และผลิตภัณฑ์การเดินของกัมพูชา (GFT) มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 11.12 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2023 ลดลงร้อยละ 12 จากมูลค่า 12.68 พันล้านดอลลาร์ ในปีก่อน ตามรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE)

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501430497/cambodia-diversifying-into-non-garment-industry/

‘เวียดนาม’ ชี้ยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ ม.ค. พุ่ง ส่งสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจประเทศ

สำนักงานการจดทะเบียนธุรกิจ กระทรวงวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่าการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเดือนมกราคม 2567 มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจจำนวน 13,536 ราย เพิ่มขึ้น 24.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดการจดทะเบียนธุรกิจใหม่และธุรกิจที่กลับมาดำเนินกิจการจำนวน 27,335 ราย เพิ่มขึ้น 5.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเฉลี่ย 1.3 เท่า ตั้งแต่ปี 2561-2566

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าตัวเลขการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ปรับตัวดีขึ้นของภาคธุรกิจต่อการดำเนินนโยบายภาครัฐฯ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่มีการปิดกิจการชั่วคราวในเดือน ม.ค.67 มีจำนวนสูงถึง 43,925 ราย เพิ่มขึ้น 25.5% ส่งผลให้ธุรกิจถอนตัวออกจากตลาดมีถึง 53,888 ราย เพิ่มขึ้น 22.8%

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/increasing-number-of-new-firms-gives-rosy-signs-to-national-economy-post1074440.vov

 

‘เวียดนาม’ เผยตัวเลขเงินเฟ้อ ม.ค. เพิ่มขึ้น 3.37%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) รายงานว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือน ม.ค. 2567 เพิ่มขึ้น 3.37% เมื่อเทียบเป็นรายปี และปรับตัวขึ้น 0.31% เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค. 2566 ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อในเดือน ม.ค.67 ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากมาจากราคายาและค่าบริการด้านสุขภาพที่ 1.02% ตามมาด้วยที่อยู่อาศัยและวัสดุก่อสร้าง 0.56% ค่าบริการขนส่ง 0.41% กลุ่มสินค้าและบริการอื่นๆ 0.4% อาหารและบริการจัดเลี้ยง 0.21% ในขณะที่กลุ่มสินค้าที่มีราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ไปรษณีย์และโทรคมนาคม (0.05%) และการศึกษา (0.12%)

นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือน ม.ค.67 เพิ่มขึ้น 2.72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/consumer-price-index-rises-337-in-january/276934.vnp

จีน-ไทย ลงนามฟรีวีซ่า มีผลบังคับใช้ 1 มีนาคม 2567

นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน กล่าวในที่พิธีลงนามข้อตกลงยกเว้นวีซ่าระหว่างจีนและไทยว่า จีนและไทยจะเข้าสู่ “ยุคปลอดวีซ่า” อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้ลงนามข้อตกลงยกเว้นวีซ่าร่วมกัน และกล่าวเสริมว่า การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนในระดับทวิภาคีจะยกระดับขึ้นไปอีกอย่างแน่นอนภาพ นักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาเยือนประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้จีนยังยินดีต้อนรับประชาชนไทย ในการสัมผัสถึงความมีชีวิตชีวาของจีน และการต้อนรับอย่างอบอุ่นในฐานะเจ้าบ้านของจีน โดยจีนและไทยเป็นครอบครัวเดียวกัน สิ่งสำคัญคือเราทั้งสองประเทศจะต้องสร้างมิตรภาพที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และสร้างความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ จีนจะสนับสนุนประเทศไทยในการทำหน้าที่เป็นประธานหมุนเวียนของความร่วมมืออนุภูมิภาคล้านช้าง-ลุ่มแม่น้ำโขง และในการพัฒนาชุมชนล้านช้าง-แม่น้ำโขงด้วยอนาคตแห่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน

ที่มา : https://english.news.cn/20240128/d574bf62f149493c993a19078d2ca5ad/c.html