ส.อ.ท. ชี้จีนเปิด ปท.กระตุ้นเศรษฐกิจอาเซียน

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท.เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า การที่ประเทศจีนเปิดประเทศแม้อาจมีความกังวลในเรื่องของโควิด-19 อยู่บ้าง แต่ก็ต้องยอมแลกกันเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้า และมั่นใจในกระบวนการคัดกรองของแต่ละประเทศที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้นายเกรียงไกร ได้กล่าวเพิ่มเติม ว่าการเปิดประเทศของจีน ถือเป็นข้อดีมากกว่าข้อเสีย เมื่อภาคอุตสาหกรรมเดินหน้า ภาคบริการต่างๆ กลับมา ก็ทำให้ซัพพลายเชนต่างๆ ที่เคยมีปัญหาก็คลี่คลาย และจีนก็เป็นคู่ค้าที่สำคัญของอาเซียนรวมถึงไทยด้วย ก็จะช่วยทำให้เศรษฐกิจในอาเซียนแข็งแกร่งขึ้น พร้อมมองว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยปีนี้จะอยู่ที่ 25 ล้านคน

ที่มา : https://www.innnews.co.th/news/economy/news_480456/

สนค.ชี้ศก.จีนดีขึ้นหลังคลายมาตรการโควิด

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การประกาศเปิดประเทศของจีนตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 66 เป็นต้นไป หลังจากดำเนินนโยบาย Zero-COVID มานานกว่า 3 ปี เป็นสัญญาณที่ดีต่อการส่งออกไปยังตลาดจีน โดยประเมินว่า ในปี 2566 ตลาดจีนจะกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง โดยจีนเป็นตลาดหลักที่มีความสำคัญต่อการค้าระหว่างประเทศของไทย เป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 2 สัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 12 ของการส่งออกรวม รองจากสหรัฐอเมริกา

ที่มา : https://www.innnews.co.th/news/economy/news_479263/

“เวียดนาม-จีน” กลับมาเปิดพรมแดนขนส่งผู้โดยสาร

เจ้าหน้าที่ขนส่งท้องถิ่น เปิดเผยกับสำนักข่าวว่าบริการขนส่งผู้โดยสารทางถนนระหว่างประเทศจีนและเวียดนาม เริ่มกลับมาให้บริการอีกครั้ง หลังจากระงับการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2563 โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 1,077 คน และเป็นผู้โดยสารขาเข้า-ขาออก 1,065 คน และ 12 คน ที่เดินทางผ่านด่านโหย่วอี้กวาในเมืองผิงเสียง ประเทศจีน อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารที่เดินทางเข้าประเทศจีนจะต้องรายงานผลการตรวจโควิด-19 ทราบผลภายใน 48 ชั่วโมง ก่อนที่จะให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบ นอกจากนี้ พื้นที่ชายแดนกว่างซี เริ่มกลับมาเปิดเส้นทางการขนส่งทางบกระหว่างประเทศจีนและเวียดนาม เพื่อให้บริการเชื่อมโยงเครือข่ายแบบจุดต่อจุดแก่ผู้โดยสาร

ที่มา : http://en.people.cn/n3/2023/0110/c90000-10193856.html

จีนทวงแชมป์เที่ยวไทยอันดับ 1 สศช.ขยับเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติ-รายได้

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยในโอกาสนักท่องเที่ยวจีนเริ่มเดินทางเข้าไทยหลังจากรัฐบาลจีนประกาศเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.66 ว่า ททท.คาดว่าตลอดปี 66 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน กลับมาเป็นชาติที่เข้าไทยมากเป็นอันดับ 1 ครองสัดส่วน 20% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในปีนี้ ที่คาดไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน ทั้งนี้ โดย สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย วันที่ 1-7 ม.ค. 66 มีจำนวนสะสม 419,516 คน โดยอันดับ 1 คือ รัสเซีย 46,128 คน รองลงมา คือ มาเลเซีย 45,517 คน, เกาหลีใต้ 32,977 คน, อินเดีย 22,393 คน และลาว 19,674 คน ส่วนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเป็นอันดับที่ 12 ที่จำนวน 12,308 คน ขณะที่ตลอดปี 65 นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย 11,818,727 คน โดยอันดับ 1 คือ มาเลเซีย 1,951,834 คน ตามด้วยอินเดีย 965,994 คน, ลาว 844,958 คน, กัมพูชา 591,657 คน และสิงคโปร์ 589,770 คน ส่วนจีน อันดับ 14 ด้วยจำนวน 286,511 คน ด้านสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ปรับคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยใหม่หลังจากที่จีนเปิดประเทศเร็วกว่าที่คาดไว้ว่าจะเป็นครึ่งปีหลังของปี 66 จากเดิมที่ คาดจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 23 ล้านคน สร้างรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท โดยขอรอดูสถานการณ์ในอีก 2-3 สัปดาห์ก่อนปรับตัวเลขใหม่ คาดจะมีความชัดเจนเดือน ก.พ.นี้ ขณะที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า จากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่าเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะถดถอย ได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยหรือไม่อย่างไร แต่ยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนภายหลังการเปิดประเทศ

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/feature/2598640

ททท.ลุยจัดโรดโชว์จีนรอบ 3 ปี นำผู้ประกอบไทยฟื้นตลาดจีนเที่ยวไทยมูลค่า 5 แสนล้าน

นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เตรียมจัดโรดโชว์ส่งเสริมการขายที่จีนในช่วงสัปดาห์ที่ 3 เดือน ก.พ.66 ในพื้นที่หลัก 3 เมือง ได้แก่ เมืองเซี่ยงไฮ้ กว่างโจว และเฉิงตู นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้งฝั่งไทยและจีนมาพบปะเจรจาธุรกิจกัน รวม 120 ราย ประกอบด้วยฝั่งไทย 60 ราย และฝั่งจีนอีก 60 ราย เพื่อนำไปจัดทำแพ็กเกจท่องเที่ยวไทย เสนอขายแก่นักท่องเที่ยวจีนทั้งกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) และเตรียมการขายสำหรับกรุ๊ปทัวร์ เมื่อรัฐบาลจีนอนุญาต ทั้งนี้ ถือเป็นการกลับไปจัดโรดโชว์ที่จีนครั้งแรกในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่เกิดวิกฤติโควิด-19 หลังจีนเปิดประเทศ มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.66 เป็นต้นไป ขณะนี้นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (FIT) สามารถออกท่องเที่ยวระหว่างประเทศได้แล้ว ซึ่งภาพรวมโครงสร้างตลาดนักท่องเที่ยวจีนก่อนโควิด-19 ระบาด กลุ่ม FIT ครองสัดส่วน 60% ส่วนกรุ๊ปทัวร์ 40% แต่ถ้าดูเฉพาะเมืองใหญ่ เช่น เซี่ยงไฮ้เป็นกลุ่ม FIT สูงถึง 80-90% ปักกิ่งมีกลุ่ม FIT 60-70% ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ปี 62 ก่อนวิกฤติโควิด-19 เป็นปีที่นักท่องเที่ยวจีนมาไทยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 11 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 531,000 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่ง 27% ของทั้งจำนวนและรายได้ตลาดต่างประเทศที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบ 40 ล้านคน ที่สร้างรายได้ 2 ล้านล้านบาท.

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/economics/2597655

‘จีน’ เตรียมกลับมาเปิดด่านชายแดนเวียดนาม จ.หลาวกาย

คุณ Ha Duc Thuan รองผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจจังหวัดหลาวกาย กล่าวว่าประเทศจีนจะกลับมาเปิดพรมแดนและเปิดเส้นทางชายแดนกับเวียดนามในจังหวัดหลายกาย (Lao Cai) ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมเป็นต้นไป และทำการแจ้งไปยังหน่วยงานและภาคธุรกิจให้เตรียมความพร้อมกับการกลับมาของจีนแผ่นดินใหญ่ ทั้งการปฏิบัติเกี่ยวกับการส่งออกและการนำเข้า และกิจกรรมการเข้าออกที่ต้องเป็นไปตามกฎระเบียบ อย่างไรก็ดี ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของประเทศจีน ได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการนำเข้าและส่งออกตามชายแดนอย่างรุนแรง โดยมูลค่าการนำเข้าและส่งออกสินค้าและบริการผ่านประตูชายแดนจังหวัดหล่าวกาย อยู่ที่ประมาณ 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 9 เดือนของปี 2565 หดตัว 39.4% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/china-to-resume-operation-of-border-gates-with-vietnam-in-lao-cai/246567.vnp

คาด GDP กัมพูชา ปี 2023 เติบโตต่อเนื่อง

นายกรัฐมนตรี ฮุน เซน กล่าวถึงการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาคาดว่าจะสูงถึงร้อยละ 6.6 ในปี 2023 ในขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศต่อหัวซึ่งคาดว่าจะสูงถึงเกือบ 2,000 ดอลลาร์ต่อปี รวมถึงคาดว่ากัมพูชาจะยังคงใช้นโยบายภาครัฐแบบเกินดุล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางกลับเข้ามายังกัมพูชา หลังจากจีนมีกำหนดที่จะเปิดประเทศอีกครั้งในเดือน ม.ค. ซึ่งการไหลเข้าของนักท่องเที่ยวจีนที่คาดการณ์ไว้จะทำให้เศรษฐกิจกัมพูชากลับมาขยายตัวอีกครั้ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501213048/gdp-increase-expected-for-2023/

การค้าทวิภาคีระหว่าง กัมพูชา-จีน โตกว่า 19%

ปริมาณการค้าระหว่างกัมพูชาและจีนมีมูลค่ารวมสูงถึง 1.45 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2022 เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว กล่าวโดยนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ซึ่งยังเสริมว่าในอนาคตสินค้ากัมพูชาจะสามารถเข้าไปสู่ตลาดจีนได้มากขึ้น จากข้อตกลงการค้าเสรีกัมพูชา-จีน โดยจีนสนับสนุนการส่งออกของกัมพูชาด้วยการยกเว้นภาษีให้กับกัมพูชาถึงร้อยละ 97.53 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด ซึ่งการส่งออกของกัมพูชาไปยังจีนส่วนใหญ่ยังคงเป็นสินค้าประเภทเครื่องนุ่งห่ม สินค้าเกษตร เป็นสำคัญ ในขณะที่การนำเข้าของกัมพูชาจากจีน ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่เกี่ยวกับวัตถุดิบการผลิต เช่น ฝ้าย สิ่งทอ โลหะ วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พลาสติก อะลูมิเนียม เฟอร์นิเจอร์ กระดาษและกระดาษแข็ง เป็นหลัก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501211511/cambodia-china-bilateral-trade-volume-surged-19-says-pm/

รถไฟความเร็วสูงจีน-สปป.ลาว ก้าวสู่ปีที่ 2 .. เตรียมรับอานิสงส์จีนผ่อนคลายมาตรการโควิดเป็นศูนย์

โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

รถไฟฟ้าความเร็วสูงจีน-สปป.ลาวก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 การขนส่งสินค้าระหว่างจีนตอนใต้กับอาเซียนน่ามีพัฒนาการคึกคักขึ้นอีก ประกอบกับสัญญาณบวกของทางการจีนในการทยอยผ่อนคลายมาตรการโควิดเป็นศูนย์ที่คาดว่าน่าจะได้เห็นการเปิดประเทศของจีนในปี 2566 จะยิ่งส่งผลบวกต่อการค้าและการท่องเที่ยวตลอดเส้นทาง

ในช่วงปีที่ผ่านมาเส้นทางนี้มีความสะดวกที่เอื้อประโยชน์ต่อการค้าระหว่างประเทศ ด้วยความร่วมมือของภาครัฐระหว่างประเทศทำให้มีความสะดวกด้านการขนส่งสินค้าข้ามแดนในการตรวจปล่อยสินค้า พื้นที่รองรับการเปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศ พร้อมทั้งแผนการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงเพิ่มอีกแห่งเพื่อรองรับการขนส่งด้วยรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงในฝั่งของไทยในอนาคต ขณะที่ในฝั่งของภาคภาคเอกชนได้เข้ามาเป็นตัวกลางให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ทำให้การค้าด้วยรถไฟสะดวกมากขึ้น

การท่องเที่ยวด้วยรถไฟฟ้าความเร็วสูงปี 2566 ได้อานิสงส์จากการผ่อนคลายมาตรการโควิดเป็นศูนย์ของทางการจีนที่อาจจะได้เห็นการเปิดประเทศในช่วงไตรมาส 2 ปี 2566 หากนักท่องเที่ยวจีนสามารถทยอยออกมาได้จะสร้างรายได้เพิ่มเติมให้แก่การท่องเที่ยว สปป.ลาวคิดเป็นไม่น้อยกว่า 0.1%-0.4% ของ GDP ทั้งนี้ ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2565 มีนักท่องเที่ยวมาเยือนหลวงพระบางโดยรถไฟฟ้าความเร็วสูง 335,794 คน (คิดเป็น 85% ของนักท่องเที่ยวที่มาหลวงพระบาง ซึ่งอีก 15% เดินทางมาเที่ยวด้วยเครื่องบิน) โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวไทยและชาวสปป.ลาว อย่างไรก็ดี นับจากรถไฟความเร็วสูงเปิดใช้งานก็ได้รับความนิยมจากการเป็นเส้นทางใหม่ที่รวดเร็วกว่ารถยนต์และประหยัดกว่าการเดินทางโดยเครื่องบิน ซึ่งการเปิดประเทศของจีนอาจทำให้การท่องเที่ยว สปป.ลาว กลับมาใกล้เคียงก่อนเกิดโควิด-19 ซึ่งในเวลานั้นจีนเป็นนักท่องเที่ยวลำดับที่ 2 มีนักท่องเที่ยวประมาณ 1 ล้านคน และหลวงพระบางก็เป็นหนึ่งในปลายทางที่สำคัญ

ความรวดเร็วและต้นทุนการขนส่งที่ลดลงกว่า 30% หนุนให้การค้าผ่านรถไฟฟ้าความเร็วสูงทยอยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณการขนส่งสินค้าตลอดเส้นทางในช่วงที่ผ่านมามีปริมาณ 2 ล้านตัน ขนส่งผู้โดยสารรวม 1.26 ล้านคน เป็นสินค้า สปป.ลาว ส่งไปจีน ได้แก่ ยางพารา ข้าวบาร์เลย์ มันสำปะหลัง กาแฟ แร่ ปุ๋ย และสินค้าจากจีน ได้แก่ เครื่องจักร ยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ และของใช้ประจำวัน นอกจากนี้ นักธุรกิจไทยกับจีนก็หันมาใช้เส้นทางนี้มากขึ้นจากในอดีตไม่ได้รับความนิยมนักเพราะการขนส่งทางถนนมีความล่าช้าจากความคดเคี้ยวสูงชันของภูมิประเทศ โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 มูลค่าการค้ารวมระหว่างกัน 1.18 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 5.3% ของการค้ารวมผ่านแดนไปจีน ส่วนใหญ่เป็นสินค้าจีนเข้ามาทำตลาดในไทย 1.1 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โซลาเซลล์ และผลไม้ และการส่งสินค้าผลไม้และวงจรไฟฟ้าจากไทยไปจีน 1.5 พันล้านบาท

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าพัฒนาการขนส่งระหว่างจีนกับอาเซียนมีหลายทางเลือกในการทำตลาดมากขึ้น ซึ่งทุกเส้นทางขนส่งเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจในภูมิภาค โดยเฉพาะจีน-สปป.ลาว-ไทย ที่มีการเชื่อมโยงทางถนนถนนในปัจจุบัน 4 เส้นทาง ได้แก่ 1) รถไฟความเร็วสูงจีน-สปป.ลาว  2) สะพานมิตรภาพไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 4 เชื่อมตรงสู่ตลาดมณฑลหยุนหนานผ่านด่านเชียงของ จ.เชียงราย-แขวงบ่อแก้ว  3) เส้นทางขนส่งผ่านสะพานมิตรภาพไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 2 จ.มุกดาหาร-แขวงสะหวันนะเขต  และ 4) การขนส่งผ่านสะพานมิตรภาพไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 3 ผ่าน จ.นครพนม-แขวงคำม่วน  และกำลังเตรียมเปิดเส้นทางขนส่งช่องทางที่ 5) ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงหรือสะพานมิตรภาพไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 5 เชื่อม จ.บึงกาฬ-แขวงบอลิคำไซ คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จพร้อมใช้งานในปี 2567

นอกจากนี้ ในการประชุม APEC 2022 ที่ผ่านมา การมาร่วมประชุมของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เน้นย้ำความร่วมมือในการสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงในฝั่งไทยที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง เพื่อให้เส้นทางนี้สามารถเปิดดำเนินงานได้ตามแผนภายในปี 2571 ซึ่งจะยิ่งทำให้การขนส่งตลอดเส้นทางสมบูรณ์ไร้รอยต่อ เป็นอีกช่องทางที่จีนตอนใต้และ สปป.ลาว สามารถใช้เป็นช่องทางเชื่อมต่อกับเส้นทางขนส่งทางทะเลที่อ่าวไทยได้อีกทางหนึ่ง ถ้าหากเส้นทางในฝั่งไทยสร้างเสร็จ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าทางรถไฟความเร็วสูงจีน-สปป.ลาว-ไทย จะลดต้นทุนค่าขนส่งลงอีกโดยเฉพาะการช่วยประหยัดเวลาขนส่งตลอดเส้นทางได้มากกว่า 70%

ที่มา : https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-econ/economy/Pages/Railway-CH-Lao-2022-12-29.aspx

7 เดือนของปีงบฯ 65-66 การค้าเมียนมา-จีน ทะลุ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

จากสถิติของกระทรวงพาณิชย์เมียนมา เผย มูลค่าการค้าระหว่างเมียนมากับจีนผ่านการค้าทางทะเล ทะลุ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 7 เดือนแรก (เม.ย.-ต.ค.) ของปีงบประมาณ 2565-2566 โดยเป็นการส่งออกมูลค่า 1.995 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการนำเข้ามูลค่า 3.082 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมูลค่าการค้าระหว่างเมียนมากับจีน ในช่วงงบประมาณย่อยปี 2564-2565 อยู่ที่ 4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปีงบประมาณ 2563-2564 อยู่ที่ 9.82 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และปีงบประมาณ 2562-2563 อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ ทั้งนี้ สินค้าส่งออกสำคัญไปยังจีน ได้แก่ ข้าว ถั่วและพัลส์ ข้าวโพด ผักและผลไม้ สินค้าประมง ยาง พริก และสินค้าอาหารอื่น ๆ ส่วนการนำเข้าจากจีน ได้แก่ วัตถุดิบพลาสติก สินค้าอุปโภคบริโภค และเครื่องใช้ไฟฟ้า

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/sino-myanmar-bilateral-trade-totals-over-us5-bln-in-seven-months/