CDC อนุมัติโครงการลงทุนใหม่กว่า 460 ล้านดอลลาร์ ในช่วง Q3/2022

สภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) อนุมัติโครงการการลงทุน 52 โครงการ มูลค่ากว่า 460 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาส 3 ปี 2022 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งโครงการการลงทุนที่ได้รับอนุมัติสร้างงานกว่า 40,274 ตำแหน่ง ให้กับคนในท้องถิ่น ตามรายงานล่าสุดจากกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง โดยกล่าวว่าโครงการลงทุน 33 โครงการ ตั้งอยู่นอกเขตเศรษฐกิจพิเศษ มูลค่าการลงทุนรวม 266 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่โครงการอื่นๆ อีก 19 โครงการ ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ มูลค่าการลงทุนรวม 194 ล้านดอลลาร์ ซึ่งกระทรวงฯ ระบุว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของกัมพูชาเริ่มกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 3 ตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โครงการก่อสร้าง การลงทุนในภาคอุตสาหกรรมและบริการ และการผลิตในประเทศที่เพิ่มขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501192692/investment-projects-worth-460m-approved-in-q3/

‘สปป.ลาว’ จำเป็นต้องปฏิรูปเพื่อการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

ตามรายงาน Lao Economic Monitor ฉบับประจำเดือนตุลาคม 2565 เปิดเผยว่าการปฏิรูปจะสามารถช่วยฟื้นฟูเสถียรภาพและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน รายงานดังกล่าวยังระบุว่าเงินกีบอ่อนค่าลง 68% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงเดือนตุลาคม เป็นสาเหตุที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน ในขณะที่หนี้สาธารณะและหนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน คาดว่าจะเกินกว่า 100% ต่อ GDP ในสิ้นปีนี้ ด้วยเหตุนี้ ธนาคารโลกจึงปรับลดคาดการณ์ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจสปป.ลาว ในปี 2565 เหลืออยู่ที่ 2.5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.8% ถึงแม้ว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นในช่วงกลางเดือนของปีนี้ ตารายได้ของคนลาวกลับเพิ่มตามมาไม่ทันเงินเฟ้อ ดังนั้น ธนาคารโลกได้เสนอให้ทำการปฏิรูป 5 ประการ ได้แก่ การยกเว้นภาษี เพิ่มรายได้ของรัฐบาลและปกป้องการใช้จ่ายทางสังคม, ปรับปรุงการบริหารการปกครองสาธารณะ, ปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะ, เสริมสร้างความมั่งคงของภาคการเงิน และการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten227_Reform_y22.php

มูลค่าการค้าระหว่างกัมพูชากับกลุ่มประเทศ RCEP เพิ่มขึ้น 11% ในช่วง 9 เดือน

กระทรวงพาณิชย์กัมพูชารายงานว่ามูลค่าการค้าของกัมพูชากับกลุ่มประเทศความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) มีมูลค่าแตะ 24,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2022 เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 11 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นการส่งออกของกัมพูชาไปยังกลุ่มประเทศสมาชิก RCEP มูลค่า 4.7 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 ในขณะที่การนำเข้าของกัมพูชาจากกลุ่มประเทศสมาชิก RCEP มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 19.3 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 ซึ่งประเทศคู่ค้ารายสำคัญ 5 อันดับแรกของกัมพูชาในกลุ่มประเทศสมาชิก RCEP ได้แก่ จีน เวียดนาม, ไทย, สิงคโปร์ และญี่ปุ่น ด้านปลัดกระทรวงพาณิชย์และโฆษกรัฐบาล Penn Sovicheat กล่าวว่า RCEP ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในกัมพูชาและในภูมิภาค

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501179149/cambodias-trade-with-rcep-countries-up-11-pct-in-9-months-ministry/

นายกฯ ฮุนเซน กล่าวถึงการเปิดประเทศก่อนกำหนด ทำให้ประเทศกลับมาเติบโตอีกครั้ง

นายกรัฐมนตรีฮุนเซน กล่าวในระหว่างพิธีสำเร็จการศึกษาของ Royal University of Law and Economics ว่าการที่รัฐบาลกัมพูชาตัดสินใจเปิดประเทศไปเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2021 ที่ผ่านมา เนื่องจากสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไว้ได้ ส่งผลทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศกลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยในปีนี้ทางการคาดว่าเศรษฐกิจกัมพูชาจะขยายตัวร้อยละ 5.4 และจะขยายตัวถึงร้อยละ 6.6 ในปี 2023 จากอุปสงค์ภายนอกและกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่กลับมาสู่ภาวะปกติ ด้าน Lim Heng รองประธานหอการค้ากัมพูชา กล่าวเสริมว่า การฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมภายในประเทศ เป็นผลมาจากการควบคุมโรคระบาดที่ประสบความสำเร็จภายใต้การรณรงค์ฉีดวัคซีนของรัฐบาล รวมถึงทางการยังได้ออกกฎหมายเพื่อการลงทุนฉบับใหม่ อีกทั้งกัมพูชายังได้ทำการลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีกับจีนและเกาหลีใต้ และหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาในระยะถัดไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501178071/pm-says-early-reopening-put-country-back-on-growth-trajectory/

“ฟิทช์” คงเรตติ้งเวียดนามที่ BB สะท้อนเชิงบวก

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) หน่วยงานจัดอันดับความน่าเชื่อถือ คาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัว 7.4% ในปี 2565 เป็นผลสืบเนื่องจากภาคอุตสาหกรรม การก่อสร้างและการบริการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตลอดจนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามายังประเทศเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เวียดนามยังมีความเสี่ยงด้านลบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ดังนั้นทางหน่วยงานฟิทช์ เรทติ้งส์ จึงปรับลดคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจที่ 6.2% ในปี 2566 ด้วยเหตุนี้ ฟิทช์ เรทติ้งส์ คงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของเวียดนามไว้ที่ ‘BB’ ด้วยแนวโน้มเป็นบวก

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/fitch-ratings-affirms-vietnam-at-bb-with-positive-outlook-2075843.html

รัฐบาลคาดเศรษฐกิจสปป.ลาว ปี 65 โต 4.4%

รองอธิบดีกรมส่งเสริมการลงทุน กระทรวงวางแผนและการลงทุน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เปิดเผยว่ารัฐบาลได้คาดการณ์ตัวเลขการเติบโตเศรษฐกิจ ขยายตัว 4.4% ในปี 2565 ถึงแม้ว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิมอยู่ที่ 4.5% โดยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ขยายตัว 4.5% และชะลอตัวเหลือ 4.2% ในไตรมาสที่สอง และ 3.8% ในไตรมาสที่สาม ทั้งนี้ การเติบโตทางเศรษฐกิจได้รับแรงหนุนมาจากภาคเกษตรกรรมและการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวได้แล้วเป็นบางส่วน หลังจากยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางที่บังคับใช้ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโรค นอกจากนี้ ในส่วนของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการส่งออกผลิตภัณฑ์จากเหมืองแร่และพลังงานมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สปป.ลาว ยังคงได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก รวมถึงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน การแพร่ระบาดของโควิดและภัยพิบัติทางธรรมชาติ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten208_Economy.php

“เวียดนาม” เติบโตเร็วสุดในอาเซียน คาด GDP ปีนี้เพิ่มขึ้น 8%

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 ว่า Pham Minh Chinh นายกรัฐมนตรีเวียดนาม มั่นใจว่าการเติบโตของเวียดนามจะเกินความคาดหมายในปีนี้ และยังคงรักษาตำแหน่งเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไว้ในปี 2566  โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะเพิ่มขึ้น 8% ในปี 2565 ซึ่งเร็วกว่าค่าเฉลี่ย 7.3% ที่ประเมินไว้ในแบบสำรวจของ Bloomberg และขยายตัว 6.5% ในปีต่อไป ทั้งนี้ ในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อการประชุมสภาแห่งชาติช่วงฤดูใบไม้ร่วง นายกรัฐมนตรีเวียดนามอธิบายว่าการคาดการณ์ปี 2566 นั้นสมเหตุสมผล เนื่องจากต้องเผชิญกับความท้าทายและความยากลำบากมากมายที่เศรษฐกิจเผชิญท่ามกลางแนวโน้มทั่วโลกที่แย่ลง ผลการดำเนินงานของ GDP ในปีปัจจุบันจะเพิ่มความท้าทายสำหรับการเติบโตในปีหน้าด้วยฐานที่สูงขึ้น

ที่มา : https://www.moneyandbanking.co.th/article/news/vietnam-gdp-20102022

หอการค้ายุโรป ชี้สภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจในเวียดนามชะลอตัว

สมาคมหอการค้ายุโรปในเวียดนาม (EuroCham)  เผยผลสำรวจดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจ (Business Climate Index: BCI) พบว่าผู้ประกอบการยุโรปในเวียดนามส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นการดำเนินในธุรกิจ ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 62.2 เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่โดยรวมเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ ผลการสำรวจโดย YouGov Decision Lab ระบุว่าถึงแม้เศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาสที่ 3 ของปี 65 จะเติบโตเป็นระดับสูงสุดที่ 13.67% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ดัชนี BCI ยังคงปรับตัวลดลงไตรมาสที่สองติดต่อกัน สาเหตุสำคัญมาจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกจากความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงในยูเครน แรงกดดันเงินเฟ้อ ภาวะการขาดแคลนแรงงานทั่วโลกและการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกซบเซา อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) และความมุ่งมั่นร่วมกันของสหภาพยุโรปในการพัฒนาที่ยั่งยืน ทำให้กิจการเวียดนามและยุโรปมีศักยภาพในการเติบโตอย่างสูง

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/european-firms-confidence-in-vietnams-business-environment-slightly-declines-but-still-strong/240394.vnp

ค่าเงินกีบอ่อนกระทบเศรษฐกิจ สปป.ลาว

ในช่วงมกราคมถึงสิงหาคม 2022 ค่าเงินกีบอ่อนค่าลงกว่าร้อยละ 37.4 เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และอ่อนตัวลงกว่าร้อยละ 32.9 เมื่อเทียบกับค่าเงินบาท ตามการรายงานของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) บนรายงาน Asian Development Outlook (ADO) 2022 โดยการอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องของค่าเงินกีบ ส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทานของสกุลเงินต่างประเทศ ทำให้เกิดแรงกดดันต่อผู้นำเข้าและผลักดันให้เกิดเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นภายในประเทศ อันเป็นผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจ สปป.ลาว ซึ่งราคาน้ำมันภายในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 13 เท่า ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 90.3 และราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นร้อยละ 62.3 นอกจากนั้นยังส่งผลให้หนี้สาธารณะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากการอ่อนตัวของค่าเงินกีบ โดยธนาคารแห่งชาติ สปป.ลาว ได้พยายามควบคุมค่าเงินกีบให้เกิดการอ่อนค่าลดลง จากการออกพันธบัตรออมทรัพย์มูลค่า 5 ล้านล้านกีบ หรือคิดเป็นร้อยละ 3 ของปริมาณเงินในระบบ เพื่อลดสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจที่มากเกินไป

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2022_Weak194.php

“เวียดนาม” ได้รับโอกาสทอง เปิดรับเม็ดเงินทุนจากต่างชาติระลอกใหม่

นาย Tran Quoc Phuong รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุน กล่าวว่าเวียดนามมี “โอกาสทอง” ที่จะดึงดูดคลื่นระลอกใหม่ของการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจ (EZs) และนิคมอุตสาหกรรม (IPs) โดยเมื่อพิจารณาจากข้อมูลจะพบว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ประจำปี จะไหลเข้าไปยังเขตเศรษฐกิจและนิคมอุตสาหกรรม มีสัดส่วนราว 35%-40% ของเงินทุนจากต่างประเทศทั้งหมด ทั้งนี้ กระทรวงฯ เปิดเผยว่าในปัจจุบันเวียดนามมีโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม 403 โครงการ และเขตเศรษฐกิจตามชายแดน 18 โครงการ และเขตเศรษฐกิจตามชายแดน 26 โครงการ ซึ่งทำให้เวียดนามกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงสามารถรองรับกับองค์กรต่างชาติขนาดใหญ่ เช่น Samsung, Canon, LG, Sumitomo และ Foxconn  เป็นต้น

อีกทั้ง ผู้เชี่ยวชาญได้ให้อธิบายไว้ว่าทำไมเวียดนามจึงมองว่าโอกาสในครั้งนี้ถือเป็นการดึงดูดการลงทุนครั้งใหม่ นอกเหนือจากสามารถรักษาเสถียรภาพทางการเมืองแล้ว ประกอบกับเศรษฐกิจอยู่ในช่วงกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากการระบาดของโควิด-19 โดยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคและการควบคุมเงินเฟ้อ

ที่มา : https://en.nhandan.vn/vietnam-has-golden-chance-to-welcome-new-fdi-wave-post118468.html