หอการค้ายุโรป ชี้สภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจในเวียดนามชะลอตัว

สมาคมหอการค้ายุโรปในเวียดนาม (EuroCham)  เผยผลสำรวจดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจ (Business Climate Index: BCI) พบว่าผู้ประกอบการยุโรปในเวียดนามส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นการดำเนินในธุรกิจ ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 62.2 เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่โดยรวมเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ ผลการสำรวจโดย YouGov Decision Lab ระบุว่าถึงแม้เศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาสที่ 3 ของปี 65 จะเติบโตเป็นระดับสูงสุดที่ 13.67% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ดัชนี BCI ยังคงปรับตัวลดลงไตรมาสที่สองติดต่อกัน สาเหตุสำคัญมาจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกจากความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงในยูเครน แรงกดดันเงินเฟ้อ ภาวะการขาดแคลนแรงงานทั่วโลกและการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกซบเซา อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) และความมุ่งมั่นร่วมกันของสหภาพยุโรปในการพัฒนาที่ยั่งยืน ทำให้กิจการเวียดนามและยุโรปมีศักยภาพในการเติบโตอย่างสูง

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/european-firms-confidence-in-vietnams-business-environment-slightly-declines-but-still-strong/240394.vnp

ค่าเงินกีบอ่อนกระทบเศรษฐกิจ สปป.ลาว

ในช่วงมกราคมถึงสิงหาคม 2022 ค่าเงินกีบอ่อนค่าลงกว่าร้อยละ 37.4 เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และอ่อนตัวลงกว่าร้อยละ 32.9 เมื่อเทียบกับค่าเงินบาท ตามการรายงานของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) บนรายงาน Asian Development Outlook (ADO) 2022 โดยการอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องของค่าเงินกีบ ส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทานของสกุลเงินต่างประเทศ ทำให้เกิดแรงกดดันต่อผู้นำเข้าและผลักดันให้เกิดเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นภายในประเทศ อันเป็นผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจ สปป.ลาว ซึ่งราคาน้ำมันภายในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 13 เท่า ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 90.3 และราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นร้อยละ 62.3 นอกจากนั้นยังส่งผลให้หนี้สาธารณะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากการอ่อนตัวของค่าเงินกีบ โดยธนาคารแห่งชาติ สปป.ลาว ได้พยายามควบคุมค่าเงินกีบให้เกิดการอ่อนค่าลดลง จากการออกพันธบัตรออมทรัพย์มูลค่า 5 ล้านล้านกีบ หรือคิดเป็นร้อยละ 3 ของปริมาณเงินในระบบ เพื่อลดสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจที่มากเกินไป

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2022_Weak194.php

“เวียดนาม” ได้รับโอกาสทอง เปิดรับเม็ดเงินทุนจากต่างชาติระลอกใหม่

นาย Tran Quoc Phuong รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุน กล่าวว่าเวียดนามมี “โอกาสทอง” ที่จะดึงดูดคลื่นระลอกใหม่ของการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจ (EZs) และนิคมอุตสาหกรรม (IPs) โดยเมื่อพิจารณาจากข้อมูลจะพบว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ประจำปี จะไหลเข้าไปยังเขตเศรษฐกิจและนิคมอุตสาหกรรม มีสัดส่วนราว 35%-40% ของเงินทุนจากต่างประเทศทั้งหมด ทั้งนี้ กระทรวงฯ เปิดเผยว่าในปัจจุบันเวียดนามมีโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม 403 โครงการ และเขตเศรษฐกิจตามชายแดน 18 โครงการ และเขตเศรษฐกิจตามชายแดน 26 โครงการ ซึ่งทำให้เวียดนามกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงสามารถรองรับกับองค์กรต่างชาติขนาดใหญ่ เช่น Samsung, Canon, LG, Sumitomo และ Foxconn  เป็นต้น

อีกทั้ง ผู้เชี่ยวชาญได้ให้อธิบายไว้ว่าทำไมเวียดนามจึงมองว่าโอกาสในครั้งนี้ถือเป็นการดึงดูดการลงทุนครั้งใหม่ นอกเหนือจากสามารถรักษาเสถียรภาพทางการเมืองแล้ว ประกอบกับเศรษฐกิจอยู่ในช่วงกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากการระบาดของโควิด-19 โดยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคและการควบคุมเงินเฟ้อ

ที่มา : https://en.nhandan.vn/vietnam-has-golden-chance-to-welcome-new-fdi-wave-post118468.html

“สำนักข่าวเบลเยียม” ชี้เวียดนามมีโอกาสทางเศรษฐกิจสูง

สำนักข่าว The Brussels Times ของเบลเยียม ได้ตีพิมพ์บทความเรื่อง “ความร่วมมือกันกว่า 30 ปีที่รักษาความเจริญรุ่งเรืองและความเป็นอยู่ที่ดีของสหภาพยุโรปและประชาชนขาวเวียดนาม” โดยประเด็นไฮไลท์สำคัญ คือเวียดนามและกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปกำลังจะกลายเป็นภูมิภาคที่มีความสามารถในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อาทิเช่น การควบคุมเงินเฟ้อและคงอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูง ถึงแม้เผชิญกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ สถาบันการจัดอันดับ “Moody’s” ปรับขึ้นอันดับความน่าเชื่อถือของเวียดนามจาก Ba3 เป็น Ba2 ในขณะที่นิคเคอิ (Nikkel) จัดอันดับการฟื้นตัวจากโควิด-19 ของเวียดนามอยู่ในอันดับที่ 2 ของโลก เพิ่มขึ้น 12 อันดับ นอกจากนี้ ตามรายงานของธนาคารโลก ประจำเดือนตุลาคม 2565 เปิดเผยว่าเศรษฐกิจของเวียดนามคาดว่าจะขยายตัว 7.2% ในปีนี้ เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งและผลการดำเนินงานทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อการส่งออก

ที่มา :https://en.nhandan.vn/brussels-times-speaks-highly-of-vietnams-economic-prospects-post118467.html

กัมพูชา-อินโดนีเซีย สร้างความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน

กัมพูชาและอินโดนีเซีย จัดลำดับความสำคัญ 5 ด้าน เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการพัฒนาของภาคการท่องเที่ยวระหว่างกัน กล่าวโดย Thong Khon รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา หลังการพูดคุยกับ Sandiaga Salahudin Uno รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีภาคการท่องเที่ยว G20 โดยได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกัมพูชาและอินโดนีเซีย ซึ่งลงนามระหว่างการประชุม ASEAN Tourism Forum 2022 ณ จังหวัดสีหนุวิลล์ โดยทั้งสองประเทศวางแผนที่จะเพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างกันในการเริ่มต้น ซึ่งในช่วงเดือน มกราคม-มิถุนายน 2022 การส่งออกของอินโดนีเซียไปยังกัมพูชาอยู่ที่ 367.54 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.55 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่การนำเข้าของอินโดนีเซียจากกัมพูชาอยู่ที่ 23.15 ล้านดอลลาร์ ลดลงประมาณร้อยละ 1.97 โดยสินค้าส่งออกสำคัญของอินโดนีเซียมายังกัมพูชา ได้แก่ ถ่านหิน ยาสูบ เครื่องจักร ยา สินค้าอุปโภคบริโภค และกระดาษเป็นหลัก ส่วนการนำเข้าของอินโดนีเซียจากกัมพูชาได้แก่ เสื้อผ้า รองเท้า ยาง และข้าว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501158890/cambodia-indonesia-to-boost-economic-cooperation/

รัฐบาลคุยมาถูกทาง! ตัวเลขส่งออกกระฉูด ส.ค.โตต่อเนื่อง 7.5%

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตัวเลขส่งออกของไทยเดือนสิงหาคม 2565 มีมูลค่า 23,632.72 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 7.54% หรือคิดเป็นเงินไทย 861,169.17 ล้านบาท ขยายตัว 20.38% จากช่วงเดือนสิงหาคม ของปี 2564 ขณะที่ภาพรวมการส่งออกของไทย 8 เดือนแรก (มกราคม – สิงหาคม 2565) มีมูลค่า 196,446.83 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 11% หรือคิดเป็นเงินไทย 6,635,446.32 ล้านบาท นับว่าขยายตัว 21.93% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 สะท้อนสัญญาณบวกต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทย แม้หลายปัจจัยในโลกได้รับผลกระทบจากความท้าทาย แต่สินค้าหลายตัวของไทยยังมีศักยภาพแข่งขันในตลาดโลกได้

ที่มา : https://www.thaipost.net/economy-news/231028/

“หอการค้ายุโรป” มองเศรษฐกิจเวียดนามมีมุมมองเชิงบวก

คุณ เหงียน ไฮ มินห์ รองประธานหอการค้ายุโรป (EuroCham) ประจำเวียดนาม กล่าวว่าธุรกิจยุโรปมองทิศทางเศรษฐกิจของเวียดนามไปในทิศทางที่เป็นบวกและอยู่ในช่วงค่อยๆ ฟื้นตัว หลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ถึงแม้จะเผชิญกับอุปทานที่หยุดชะงักทั่วโลก แต่เวียดนามยังคงส่งออกสินค้าไปยังตลาดสหภาพยุโรป มีมูลค่าเกินกว่า 35.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 และมากกว่า 40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว ทั้งนี้ ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามทำรายได้จากการส่งออกไปยังตลาดสหภาพยุโรป เพิ่มขึ้น 23.6% คิดเป็นมูลค่า 31.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้เวียดนามเกินดุลการค้าราว 21.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ บ่งชี้ให้เห็นถึงผลกระทบในเชิงบวกจากผลของข้อตกลงการค้าเสรี EVFTA อย่างไรก็ตาม ธุรกิจยุโรปในเวียดนาม เปิดเผยถึงผลประโยชน์ที่ได้รับมากขึ้นจากข้อตกลงการค้าเสรีดังกล่าว เนื่องจากการส่งออกของเวียดนามไปยังตลาดสหภาพยุโรปส่วนใหญ่มาจากบริษัท FDI

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/european-enterprises-optimistic-about-vietnams-economy-eurocham/239016.vnp

คาดความร่วมมือทางเศรษฐกิจ “จีน-อาเซียน” ดันการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค รวมถึงกัมพูชา

ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและประเทศกลุ่มสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ซึ่งคาดว่าจะเป็นส่วนเสริมสำคัญต่อการพัฒนาในภูมิภาค โดยปัจจุบันจีนและอาเซียนมีมูลค่าการค้าระหว่างกันสูงถึง 544.9 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การลงทุนระหว่างประเทศในกลุ่มมีมูลค่ารวมสะสมอยู่ที่ 340,000 ล้านดอลลาร์ ด้านปลัดกระทรวงพาณิชย์กัมพูชาและโฆษก Penn Sovicheat กล่าวว่า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจจีน-อาเซียนนั้นใกล้ชิดกันมาก ด้วยการมีข้อตกลงการค้าเสรีจีน-อาเซียน (CAFTA) ที่เป็นส่วนเสริมสำคัญในการผลักดันการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจุบัน CAFTA ถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีประชากรรวมกันกว่า 2 พันล้านคน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501157600/china-asean-economic-cooperation-contributes-to-development-prosperity-in-region-cambodian-official-experts/

กัมพูชาส่งออกพุ่ง 26% ในช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค.

ในช่วงเดือน มกราคม-สิงหาคม ปีนี้ กัมพูชาส่งออกสินค้ามูลค่ารวมแตะ 15,641 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 26.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่การนำเข้าปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.3 หรือคิดเป็นมูลค่า 21,764 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากคิดเป็นมูลค่าการค้ารวมคิดเป็นมูลค่า 37,405 ล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.5 ในช่วงเวลาดังกล่าว รายงานโดยกรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชา โดยประเทศสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ของกัมพูชาที่มีมูลค่า 6,421 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 37 เมื่อเทียบเป็นรายปี หรือคิดเป็นร้อยละ 41 ของการส่งออกทั้งหมดของกัมพูชา ซึ่งสินค้าส่งออกสำคัญของกัมพูชา ได้แก่ เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า และสินค้าเพื่อการเดินทาง เป็นสำคัญ โดยปัจจุบันรัฐบาลกัมพูชาได้เปิดพรมแดนกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมให้กลับมาเดินได้อีกครั้ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501149392/cambodias-export-value-surges-26-in-january-august/

จ.ประจวบคีรีขันธ์ เตรียมความพร้อมเปิดจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขรเต็มรูปแบบ กระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดนหลังสถานการณ์โควิด -19 คลี่คลาย

นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันจังหวัดได้ผ่อนปรนการเปิดจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมือง เฉพาะเพื่อการขนถ่ายสินค้าข้ามแดน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการนำเข้าส่งออกสินค้าไทย-เมียนมา ส่วนในระยะต่อไปได้เตรียมพร้อมเปิดด่านสิงขรเต็มรูปแบบให้ยานพาหนะ บุคคล และสิ่งของสามารถผ่านเข้าออกได้อีกครั้ง โดยได้สำรวจความพร้อมของอาคารด่านพรหมแดนสิงขร ซึ่งปัจจุบันสร้างเสร็จแล้วเพื่อใช้ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบบุุคคล การออกบัตรผ่านแดนและบัตรผ่านแดนชั่วคราว รวมถึงการตรวจพืช ตรวจสัตว์ และสิ่งของข้ามแดน

โดยขณะนี้ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือแนวทางปฏิบัติของการเดินทางข้ามแดน เช่น มาตรการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ระยะเวลาการอยู่พำนักของชาวเมียนมาที่เข้ามาในไทย จากนั้นจะมีการประสานกับทางการเมียนมาเพื่อทำความตกลงร่วมกันต่อไป คาดว่าหากเปิดด่านสิงขรเต็มรูปแบบแล้วจะสร้างมูลค่าเศรษฐกิจการค้าชายแดนได้เป็นอย่างมาก หลังจากเมื่อปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด -19 เคยมีมูลค่าการนำเข้าส่งออกสินค้าผ่านด่านสิงขรรวมกว่าพันล้านบาท

ที่มา : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220913090615824