‘นายกฯ เวียดนาม’ ชวนบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐ ลงทุนในเวียดนามมากขึ้น

นายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ร่วมรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทชั้นนำของสหรัฐอเมริกาในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 19 ก.ย. กิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ 78 โดยมีนายมาร์ค แนปเปอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำเวียดนาม และจอห์น นิวฟ์เฟอร์ ประธานและซีอีโอของสมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์สหรัฐฯ (SIA) เข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ นักธุรกิจสหรัฐฯ ยกย่องศักยภาพของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในเวียดนาม ซึ่งมีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพสูง รวมถึงมีการส่งเสริมศักยภาพของธุรกิจในประเทศและสถาบันฝึกอบรม อีกทั้ง นายกฯ เวียดนาม เชิญชวนให้บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ ลงทุนในเวียดนามมากขึ้น ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การถ่ายทอดเทคโนโลยี การออกแบบ การผลิต การฝึกอบรมกำลังคนและสถาบันวิจัย

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/pm-calls-on-us-semiconductor-firms-to-invest-more-in-vietnam/268253.vnp

‘เวียดนาม’ เปิด 3 scenarios การเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2567 ขยายตัวสูงสุด 6.5%

กระทรวงการวางแผนและการลงทุน (MPI) ได้วางฉากทัศน์ (Scenarios) ของการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ 3 กรณีในปี 2567 โดยมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะเติบโตสูงขึ้นที่ 6.5% ซึ่งการคาดการร์ดังกล่าวมาจากแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ปี 2564-2568 รวมถึงการบรรลุเป้าหมายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2566

ทั้งนี้ ในกรณีที่ 1 เศรษฐกิจเวียดนามจะเติบโตที่ 6% เป็นไปตามการฟื้นตัวของการค้าและการลงทุนโลกที่ยังคงเผชิญกับอุปสรรค ถึงแม้ว่าตลาดและบริการในประเทศจะมีทิศทางที่แข็งแกร่ง แต่การค้าต่างประเทศและภาคอุตสาหกรรมอาจไม่ฟื้นตัว

ขณะที่ในกรณีที่ 2 เศรษฐกิจเวียดนามจะเติบโตที่ 6.5% เป็นไปตามเศรษฐกิจโลกและภูมิภาคที่ฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดไว้ สถานการณ์ครั้งนี้จะคำนึงถึงอุปสงค์ การค้าและการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น

และในกรณีที่ 3 เศรษฐกิจเวียดนามจะเติบโตที่ 6-6.5% สะท้อนจากความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในระดับโลกและในประเทศ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1593945/ministry-projects-three-economic-growth-scenarios-for-2024-highest-at-6-5-per-cent.html

‘เวิลด์แบงก์’ ชี้การลงทุน FDI ในเวียดนามยังคงทรงตัว ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั่วโลก

ธนาคารโลก (WB) ได้ออกรายงาน Vietnam Macro Monitoring ประจำเดือน ส.ค. 2566 ระบุว่ากระแสการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และการเบิกจ่ายงบประมาณ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่จะมองหาโอกาสทางธุรกิจในตลาดเวียดนาม ทั้งนี้ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี เหตุจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมในประเทศและการส่งออก ในขณะที่ยอดค้าปลีก ปรับตัวดีขึ้น 7.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนการระบาดของโควิด อีกทั้ง การลงทุน FDI ยังคงอยู่ในระดับทรงตัว ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั่วโลก ด้วยเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้าไปยังเวียดนาม มีมูลค่ากว่า 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 32% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ค.

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnamese-fdi-performance-remains-steady-amid-global-uncertainties-wb-post1046850.vov

‘เวียดนาม’ ยื่นนโยบายเงินอุดหนุน 1,000 ดอลลาร์ ส่งเสริมคนซื้อรถ EV

กระทรวงคมนาคมเวียดนาม (MOT) ได้จัดทำรายงานเสนอนโยบายส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และพลังงานสีเขียว โดยเสนอให้มีการสนับสนุนเงินจำนวน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับคนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกันได้มีการเผยแพร่เอกสารไปยัง 7 กระทรวง และสมาคมผู้ผลิตยานยนต์เวียดนาม (VAMA) รวมถึงบริษัทผู้ผลิตและประกอบรถยนต์ในท้องถิ่น เพื่อขอความคิดเห็นจากนโยบายฉบับนี้ ทั้งนี้ หากได้รับการอนุมัติ นโยบายนี้จะเป็นมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและเปลี่ยนมาใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ที่มา : https://www.nationthailand.com/world/asean/40031139

ผู้เชี่ยวชาญ ชี้ ‘เวียดนาม’ ดาวรุ่งแห่งเอเชีย

ศาสตราจารย์ คาร์ล เทเยอร์ (Carl Thayer) นักวิชาการด้านการศึกษาในเวียดนาม ได้เขียนหนังสือที่เกี่ยวกับปัจจัยหรือสาเหตุใดที่จะผลักดันให้เวียดนามกลายมาเป็นเสือเศรษฐกิจตัวใหม่แห่งเอเชีย โดยเรื่องราวจะมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของเวียดนามในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมาว่าเศรษฐกิจเวียดนามเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ ด้วยอัตราการเติบโตทางการค้าเป็นตัวเลขสองหลัก และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่มีนัยยะสำคัญ ทั้งนี้ ธนาคารโลก (WB) แสดงความคิดเห็นว่าเวียดนามยังคงเป็นจุดสว่างทางด้านเศรษฐกิจ ในขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ชี้ว่าเวียดนามกลายมาเป็นดาวเด่นของเศรษฐกิจโลก

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-is-a-rising-star-in-asia-professor-2187344.html

CAC รายงานการส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ไปยังเวียดนามลดลง 16%

กัมพูชาส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบ (RCN) ปริมาณกว่า 607,000 ตัน ไปยังเวียดนาม ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ สร้างรายได้เข้าประเทศ 820 ล้านดอลลาร์ แต่กลับปรับตัวลดลงที่ร้อยละ 15.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามข้อมูลของ Uon Silot ประธานสมาคมเม็ดมะม่วงหิมพานต์แห่งกัมพูชา (CAC) ซึ่งปัจจุบันกัมพูชาผลิต RCN ได้ประมาณ 634,000 ตัน ณ ช่วงเดือน ม.ค.–ส.ค. โดยประมาณร้อยละ 95 ถูกส่งออกไปยังเวียดนาม สำหรับราคาเฉลี่ยของ RCN ในปัจจุบันอยู่ที่ 1,658 ดอลลาร์ต่อตัน แต่ในช่วงเดือนสิงหาคมปีนี้ ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 1,900 ดอลลาร์ต่อตัน เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งโรงงานแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในกัมพูชาจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานต่างๆ ของกัมพูชา เพื่อให้ผ่านมาตรฐานการส่งออก ด้านประธานสมาคม CAC ยังได้ร้องขอให้รัฐบาลช่วยจัดหาตลาดในการส่งออกและลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ให้แก่ผู้ประกอบการ หวังกระตุ้นอุตสาหกรรมการผลิตเม็ดมะม่วงพิมพานต์ของประเทศต่อไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501361913/cashew-exports-to-vietnam-decline-16-says-cac/