ท่านอากาศยานนานาชาติเตโชตากัมพูชา กำหนดเริ่มดำเนินการในช่วงปี 2025

ท่าอากาศยานนานาชาติเตโช (TIA) ซึ่งขณะนี้การก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณร้อยละ 50 มีกำหนดที่จะเริ่มเปิดให้ใช้บริการในช่วงต้นปี 2025 กล่าวโดย Charles Vann ผู้อำนวยการของ Cambodia Airport Investment Co., Ltd. (CAIC) ซึ่งได้กล่าวถึงความคืบหน้าของการก่อสร้าง ในระหว่างพิธีลงนามข้อตกลงร่วมทุน MRO (การบำรุงรักษา ซ่อมแซม และยกเครื่อง) ณ สนามบินนานาชาติ Techo กับ บริษัท SIA Engineering ในสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยโครงการสนามบินนานาชาติเตโชได้รับอนุญาตจากรัฐบาลให้ CAIC ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างรัฐบาลกัมพูชาผ่านสำนักเลขาธิการการบินพลเรือนแห่งรัฐ และ Overseas Cambodia Investment Corporation (OCIC) เพื่อสร้างและพัฒนาสนามบินนานาชาติพนมเปญแห่งใหม่ ในจังหวัดกันดาลและตาแก้ว ห่างจากเมืองหลวงพนมเปญไปทางใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร โดยได้รับการออกแบบสำหรับรองรับผู้โดยสาร 50 ล้านคนต่อปี โดยมีรันเวย์ 3 ทาง และสถานีรับสัญญาณดาวเทียมบนพื้นที่ทั้งหมด 2,600 เฮกตาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501299512/techo-international-airport-scheduled-to-commence-operations-by-early-2025/

‘อาเซียน’ ส่งสิ่งของช่วยเหลือเมียนมา บรรเทาทุกข์เหยื่อจากพายุไซโคลนโมคา

สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) นำส่งมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์เมื่อเกิดภัยพิบัติฉุกเฉินของอาเซียน (DELSA) ได้อนุมัติวงเงินช่วยเหลือแก่เมียนมา 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากพายุไซโคลน ‘โมคา’ ทั้งนี้ จากการประเมินผลกระทบเบื้องต้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว พบว่ามีความเสียหายอย่างรุนแรงต่อโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกของสาธารณะ รวมถึงมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 145 คน บาดเจ็บไปกว่า 131 คน และผู้คน 912,000 คน ต้องอพยพไปยังสถานที่ปลอดภัย ทั้งนี้ นายเกา กิม ฮวน เลขาธิการอาเซียน แสดงความเสียใจต่อชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอดจนพร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอาเซียน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501297944/asean-delivers-relief-supplies-to-myanmar-to-help-victims-of-cyclone-mocha/

ธนาคารโลก แนะกัมพูชากระจายความเสี่ยงด้านผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยว

ธนาคารโลกคาดการณ์เศรษฐกิจกัมพูชากำลังฟื้นตัว แนะกัมพูชาควรกระจายความเสี่ยงไปยังอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อเสริมความมั่นคงทางระบบเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์ว่าการเติบโตจะเร่งตัวขึ้นเป็นร้อยละ 5.5 ในปี 2023 นำโดยการส่งออกและภาคการผลิตภายในประเทศ แต่ถึงอย่างไรการชะลอตัวที่เพิ่มขึ้นของอุปสงค์ภายนอก อาจทำให้ภาคการผลิตที่เน้นการส่งออกของกัมพูชาชะลอตัวลง ในขณะที่ภาคการเงินทั่วโลกตึงตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในระยะกลางธนาคารโลกคาดว่าการเติบโตของกัมพูชาจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6 ซึ่งได้แรงหนุนจากการส่งออกสินค้าและบริการที่แข็งแกร่ง และการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ภายใต้ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน สำหรับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น ท่าเรือและถนน เพื่อเอื้อต่อการเชื่อมต่อการขนส่งในภูมิภาค รวมถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความสามารถมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการเพิ่มเสถียรภาพทางการเงินภายในประเทศ และการส่งเสริมการส่งออกที่หลากหลายในการเสริมความยืดหยุ่นและความสามารถในการแข่งขันของระบบเศรษฐกิจกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501293706/world-bank-says-cambodia-needs-to-diversify-its-tourism-products-and-improve-its-trade-competitiveness/

ประชาชนเข้าใช้บริการรถไฟข้ามแดนระหว่าง สปป.ลาว-จีน เพิ่มขึ้น

เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการท่องเที่ยวของ สปป.ลาว กล่าวว่า มีผู้คนมากกว่า 4,300 คน เดินทางข้ามพรหมแดนโดยใช้รถไฟสาย สปป.ลาว-จีน บนเส้นทางระหว่างเวียงจันทน์และคุนหมิง ในช่วงระหว่างวันที่ 13-23 เม.ย.

โดยในจำนวนดังกล่าวคิดเป็นชาวจีนจำนวน 2,086 คน เดินทางไปยัง สปป.ลาว ซึ่งรถไฟสายดังกล่าวให้บริการเส้นทางข้ามพรหมแดนระยะทางรวมกว่า 1,035 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยผู้โดยสารที่เดินทางจาก สปป.ลาว ไปยังจีนต้องได้รับวีซ่าจีนก่อนออกเดินทาง สำหรับผู้ที่เดินทางด้วยหนังสือเดินทางราชการไม่จำเป็นต้องได้รับวีซ่า แต่ต้องได้รับการอนุมัติจากกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงที่ตนสังกัด ซึ่งเส้นทางดังกล่าวคาดว่าจะช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางผ่านแดน และคาดว่าจะช่วยส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวและการขนส่งสินค้าต่อไปในอนาคต ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ สปป.ลาว ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 831,000 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากไทย เวียดนาม จีน และเกาหลีใต้

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten87_More_y23.php

“การไฟฟ้าเวียดนาม” มองข้ามผลกระทบ ของการขึ้นค่าไฟฟ้า

หนังสือพิมพ์เวียดนาม นิวส์ รายงานว่าเวียดนามปรับขึ้นค่าไฟฟ้าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2562 ทำให้เกิดความกังวลถึงผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังมองว่าการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าในครั้งนี้น่าจะส่งผลกระทบเล็กน้อยต่อดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในระยะสั้น โดยการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ทำการปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้าขายปลีกเฉลี่ย 3% และภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบมากที่สุด ด้วยเหตุนี้ค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ ตามข้อมูลของ Mirae Asset คาดการณ์ว่าการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า คิดเป็นประมาณ 0.105% ของดัชนี CPI ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่การเพิ่มขึ้น 5% จะทำให้ดัชนี CPI สูงขึ้น 0.175% อย่างไรก็ดี ในระยะสั้น การปรับขึ้นค่าไฟฟ้าเพียงเล็กน้อยไม่น่าจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาคอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ เนื่องจากผู้ผลิตไฟฟ้าจะลงนามสัญญาระยะยาวกับการไฟฟ้า ซึ่งบางสัญญาใช้ระยะเวลานานถึง 25 ปี

ที่มา : https://english.news.cn/asiapacific/20230508/a510476ed2264890955a70542d8b3027/c.html

ท่าเรือบกท่านาแล้งของ สปป.ลาว สร้างรายได้กว่า 200 ล้านดอลลาร์ ในปีก่อน

ท่าเรือบกท่านาแล้ง (TDP) มีแผนที่จะเปิดตัวช่องทางพิเศษเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการเคลื่อนย้ายและขนส่งผลิตผลทางการเกษตรระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบเอเชียและจีน ปัจจุบันท่าเรือบกแห่งนี้ ถือเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ครบวงจรแห่งแรกของ สปป.ลาว ซึ่งในปีที่ผ่านมาสร้างรายได้ให้กับประเทศมากถึง 200 ล้านดอลลาร์ จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมตู้สินค้า และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจากการให้บริการขนส่งทางรถไฟสาย สปป.ลาว-จีน ที่เพิ่งเปิดให้บริการระหว่างประเทศ โดยท่าเรือวางแผนที่จะร่วมมือกับทางการจีนเพื่อสร้างศูนย์สุขอนามัยและสุขอนามัยพืชและสัตว์ (SPS) ณ ท่าเรือเวียงจันทน์ เพื่อรับรองสินค้าในการส่งออกไปยังจีนและคู่ค้า ด้วยการติดฉลาก SPS customs seal เพื่อเป็นการยืนยันถึงคุณภาพของสินค้า ซึ่งคาดว่าศูนย์ดังกล่าวจะเริ่มก่อสร้างขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม และคาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 5 เดือน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten86_Thanaleng_y23.php

บริษัทสัญชาติจีน เซ็นสัญญาพัฒนาท่าเรือ กัมปอต ในกัมพูชา

บริษัท China Harbour Engineering (CHEC) ได้รับสัญญาก่อสร้างท่าเรืออเนกประสงค์กัมปอต ในจังหวัดกัมปอต หลังจากจัดเตรียมพื้นที่และโครงสร้างพื้นฐานในการก่อสร้างเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ซึ่ง CHEC ได้ลงนามในสัญญาร่วมกับ Kampot Logistics and Port Company Limited (KLP) ไปเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยมี Sun Chanthol รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง ร่วมกับตัวแทนของบริษัท ตามรายงานของกระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง คาดว่าการก่อสร้างท่าเรือดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น 3 เฟส ด้วยเม็ดเงินลงทุนรวมประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งในเฟสแรกคาดว่าจะมีการลงทุนประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวจะช่วยให้ท่าเรือกำปอตสามารถรองรับปริมาณตู้คอนเนอร์ได้ที่ 300,000 TEU ภายในปี 2025 และจะเพิ่มเป็น 600,000 TEU ภายในปี 2030 โดยในโครงการจะประกอบด้วยพื้นที่จัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์ เขตเศรษฐกิจพิเศษ เขตการค้าเสรี ศูนย์โลจิสติกส์ คลังสินค้าศุลกากร โรงงานผลิตและกระจายสินค้า เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501285979/chinese-firm-bags-kampot-port-construction-contract/

“เวียดนาม” ตั้งเป้าจำนวนธุรกิจ 1.5 ล้านแห่งในปี 2568

รัฐบาลต้องการให้ภาคเอกชนเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการพัฒนาประเทศ โดยตั้งเป้าว่ามีจำนวนธุรกิจ 1.5 ล้านแห่งในปี 2568 และกว่าครึ่งหนึ่งของกิจการในประเทศเป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ กระทรวงการวางแผนและการลงทุนของเวียดนามได้นำนโยบายในการส่งเสริมการดำเนินกิจการของธุรกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการวางโครงสร้างพื้นฐาน เขตเศรษฐกิจและเขตอุตสาหกรรม เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของภาคธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ มูลค่าของภาคเอกชน คาดว่ามีสัดส่วน 55% ของ GDP ในปี 2568 และปรับตัวสูงขึ้น 60-65% ในปี 2573 อย่างไรก็ดี ธุรกิจส่วนใหญ่ 95%  หรือประมาณ 1 ล้านแห่งเป็นธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs)

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-plans-to-have-15-million-businesses-in-2025-post1011250.vov

ไพรแวก ถูกจัดให้เป็นจังหวัดที่สามารถผลิตข้าวได้เป็นอันดับต้นๆ ของกัมพูชา

ไพรแวก ถูกจัดให้เป็นจังหวัดที่สามารถผลิตข้าวได้เป็นอันดับต้นๆ ของกัมพูชา โดยเฉพาะเพื่อการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ กล่าวโดย Chea Somethy ผู้ว่าการจังหวัดไพรแวง จากข้อมูลในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาจังหวัดไพรแวกสามารถผลิตข้าวเปลือกได้มากกว่า 7 ล้านตัน หรือเฉลี่ยมากกว่า 1 ล้านตันต่อปี ซึ่งหลังหักจากการบริโภคภายในจังหวัดแล้ว พบว่ามีข้าวเปลือกส่วนเกินกว่า 5 ล้านตัน และได้ทำการกระจายไปยังตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ สร้างรายได้ประมาณกว่า 1,250 ล้านดอลลาร์ ซึ่งปัจจุบัน Ouk Samnang ผู้อำนวยการกรมวิชาการเกษตร ป่าไม้ และประมงจังหวัดไพรแวง กล่าวเสริมว่า การขยายตัวของผลผลิตข้าวในจังหวัดมาจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการชลประทาน จนทำให้เกษตรกรสามารถปลูกข้าวได้หลายครั้งต่อปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501261721/prey-veng-the-biggest-rice-producer-in-cambodia/

สปป.ลาว ลงนาม MoU เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าทางผ่านแดน

บริษัทของทั้ง สปป.ลาว และไทย ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจไตรภาคี (MoU) ซึ่งได้ลงนาม ณ เวียงจันทน์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านทางรถไฟระหว่าง สปป.ลาว-ไทย และ สปป.ลาว-จีน โดยข้อตกลงนี้ลงนามโดยผู้อำนวยการรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งชาติลาว (LNR) ร่วมกับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Global Multimodal Logistics, รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Pan-asia Silk Road และประธานบริษัท Kaocharoen Train Transport ซึ่ง LNR จะประสานงาน อำนวยความสะดวก ซึ่งตั้งเป้าหมายในการขนส่งทุเรียนและผลไม้อื่นๆ อย่างน้อย 20,000 ตันต่อเดือน จากไทยไปยังตลาดจีน โดยหลังจากทางรถไฟสาย สปป.ลาว-จีน เปิดให้บริการในเดือนธันวาคม 2021 ความต้องการทั้งการขนส่งสินค้าและการขนส่งผู้โดยสารปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สะท้อนจากจำนวนผู้โดยสารที่พุ่งสูงขึ้น ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ แตะ 417,400 คน เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 256.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การขนส่งสินค้ารวมอยู่ที่ 647,700 ตันในช่วงเวลาเดียวกัน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 320

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten57_Deal_y23.php