กัมพูชาดันระบบชำระเงินข้ามพรมแดนร่วมกับจีน หวังกระตุ้นการท่องเที่ยว

ภาคการท่องเที่ยวกัมพูชามีแนวโน้มขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการจัดทำข้อตกลงสำคัญอย่างข้อตกลงการชำระเงินข้ามพรมแดนระหว่างจีนและกัมพูชา ซึ่งมีศักยภาพในการผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่กำลังเฟื่องฟู หลังได้รับผลกระทบมาจากโควิด-19 ด้วยการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เกิดการใช้จ่ายที่มากขึ้นด้วยการเสริมความสะดวกในการชำระเงิน ผ่านระบบภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว นอกจากข้อตกลงข้างต้นทั้งสองประเทศยังวางแผนที่จะผลักดันนโยบายส่งเสริมเที่ยวบินและการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวระหว่างกันเพื่อที่จะส่งเสริมการเดินทางระหว่างกันมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้นักท่องเที่ยวชาวจีนในกัมพูชาสามารถชำระเงินโดยเข้าถึงระบบ Alipay ผ่านระบบ Bakong ของกัมพูชา และนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาในประเทศจีน ให้สามารถชำระเงินโดยใช้ระบบ Bakong เพื่อซื้อสินค้ากับผู้ขายที่ใช้ Alipay ในประเทศจีนได้สะดวกขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501404692/cross-border-payment-deals-with-china-to-catapult-tourist-numbers/

กัมพูชา-เวียดนาม ลงนามข้อตกลงส่งเสริมการค้าระหว่างกัน

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา Pan Sorasak รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนาย Nguyen Hong Dien รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ของเวียดนาม ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจ โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากทั้งสองกระทรวงเข้าร่วมในพิธีลงนาม ซึ่งการลงนามในข้อตกลงส่งเสริมการค้าในระดับทวิภาคีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือที่ยอดเยี่ยมระหว่างประเทศ และคาดว่าข้อตกลงนี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกัน รวมถึงจะเป็นการส่งเสริมการลงทุน และเพิ่มการค้าทวิภาคีในระยะถัดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับสินค้าและอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งทั้งสองประเทศพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกทางการค้าทวิภาคีระหว่างกันในทุกมิติ สำหรับการค้าระหว่างกัมพูชาและเวียดนามในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่า 2,430 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501301992/cambodia-vietnam-sign-trade-enhancement-pact/

National Consulting Group ลงนามข้อตกลงโครงการพลังงานแสงอาทิตย์

National Consulting Group Co. , Ltd. ได้ลงนามในข้อตกลงการพัฒนาโครงการกับรัฐบาลกับในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของการเติบโตสีเขียวและการพัฒนาพลังงานทางเลือกและพลังงานสะอาด หลังจากการศึกษาความเป็นไปได้ที่ประสบความสำเร็จซึ่งดำเนินการในแขวงเซกองและจำปาสัก โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับพื้นที่ทั้งหมด 813 เฮกตาร์และจะมีขั้นตอนการพัฒนาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดและความต้องการในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กำลังการผลิต 500MW จะเปิดดำเนินการตั้งแต่ปลายปี 2564 ถึงปี 2566 โดยมีกำลังไฟฟ้าปีละ 739 GWh บนพื้นที่ 720 เฮกตาร์ในอำเภอละมัมแขวงเซกองด้วยเงินลงทุนรวม 332.3 ล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_National69.php

อาเซียนจ่อลงนามข้อตกลงยานยนต์-วัสดุก่อสร้างในปีนี้

รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนไฟเขียวลงนามข้อตกลงยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ และวัสดุก่อสร้างในปีนี้ คาดส่งผลดีต่อการส่งออกไทยแน่ เหตุสินค้าที่ผ่านการตรวจสอบแล้วไม่ต้องตรวจซ้ำอีก เผยยังบรรลุข้อตกลงด้านยาแผนโบราณ-ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้มีมาตรฐานเดียวกัน พร้อมย้ำเปิดใช้งานระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า 20 ก.ย.นี้ และจับมือภาคเอกชนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 52 ผ่านระบบทางไกล ระหว่างวันที่ 24-25 ส.ค. 2563 ที่ผ่านมาว่าอาเซียนสามารถบรรลุผลการเจรจาข้อตกลงยอมรับร่วมสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ และข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาวัสดุก่อสร้าง โดยพร้อมที่จะลงนามภายในปีนี้ ซึ่งหากข้อตกลงทั้งสองฉบับมีผลใช้บังคับจะช่วยลดต้นทุนการทำธุรกิจของอุตสาหกรรมดังกล่าว เนื่องจากเมื่อสินค้าผ่านการตรวจสอบมาตรฐานของหน่วยงานในประเทศอาเซียนที่ส่งออกแล้ว ไม่ต้องตรวจซ้ำในประเทศอาเซียนที่นำเข้าอีก ทั้งนี้ ในปี 2562 ไทยส่งออกสินค้ายานยนต์ไปยังอาเซียน มูลค่า 5,071.19 ล้านเหรียญสหรัฐ และส่งออกสินค้าวัสดุก่อสร้างไปยังอาเซียน มูลค่า 473.17 ล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://mgronline.com/business/detail/9630000087542

ครม.เห็นชอบไทยเข้าร่วมข้อตกลงสินค้าเกษตรอาเซียน

ครม. กำหนดกรอบการเจรจาความตกลงด้านมาตรฐานและการตรวจสอบรับรองระบบการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารของอาเซียน ลดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs) อำนวยความสะดวกทางการค้า รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกรอบการเจรจาความตกลงที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานและการตรวจสอบรับรองระบบการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารของอาเซียน ภายใต้รัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ ตามที่กระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์เสนอ ซึ่งเป็นการกำหนดท่าทีของประเทศไทยที่จะไปตกลงในเรื่องดังกล่าว เพื่อลดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs) อำนวยความสะดวกทางการค้าสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน โดยสาระสำคัญคือ 1.กำหนดหรือพิจารณามาตรฐานของอาเซียนด้านระบบการผลิตพืช ปศุสัตว์ และประมง ในระดับฟาร์ม และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องสำหรับใช้ในการตรวจสอบและรับรองระบบการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารของประเทศสมาชิกอาเซียน 2.กำหนดขอบข่ายและเงื่อนไขในการยอมรับผลการตรวจสอบรับรองระบบการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน 3.พัฒนากลไกการประสานงานของอาเซียนและการปฏิบัติตามความตกลงของประเทศสมาชิก โดยกำหนดกลไกในการดำเนินการให้การยอมรับร่วมผลการตรวจสอบและรับรองระบบการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารของประเทศสมาชิกอาเซียนที่เป็นไปตามเงื่อนไขในการตกลงในการนำเข้าและส่งออกในภูมิภาค 4.ประเด็นอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติความตกลงนี้ เช่น การระงับข้อพิพาท ความโปร่งใส การเพิ่มบทบาทของอาเซียนและของประเทศสมาชิกอาเซียนในเวทีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตรที่เป็นอาหาร การมีผลใช้บังคับ และการแก้ไขความตกลง รวมทั้งประเด็นอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อไทย

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/886351

ข้อตกลงสร้างเขื่อนในกัมพูชามูลค่าโครงการ 800,000 เหรียญสหรัฐในการบำบัดน้ำ

บริษัทผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ Sinohydro Kamchay ของจีนวางแผนที่จะเริ่มก่อสร้างฝายน้ำล้นมูลค่า 800,000 เหรียญสหรัฐในจังหวัดกำปอต ซึ่งการประกาศดังกล่าวได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและหัตถกรรมกับบริษัทไฟฟ้าพลังน้ำ Sinohydro Kamchay โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและหัตถกรรมกล่าวว่าการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของมิตรภาพที่แข็งแกร่งระหว่างกัมพูชาและจีน ซึ่งโครงการจะสามารถกักเก็บน้ำได้ 1,770 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปีจากเขื่อนใน Preak Kampong Bai และจะไหลผ่านเขื่อนพลังน้ำใน Kamchay และจะถูกนำไปผ่านกระบวนการบำบัดที่โรงงานบำบัดน้ำที่กัมปอตโดยให้น้ำที่ผ่านการบำบัด 22 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยเขื่อนแห่งใหม่จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาแหล่งน้ำสะอาดในกัมพูชาโดยเฉพาะในจังหวัดกำปอด

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50700257/800k-dam-deal-inked-to-provide-clean-water

รัฐสภายุโรปอนุมัติมติให้สัตยาบันข้อตกลง EVFTA และ EVIPA

จากที่ประชุมสภายุโรป (EP) เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ให้สัตยาบันรับรองข้อตกลงเปิดการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) และข้อตกลงการคุ้มครองการลงทุนเวียดนาม-สหภาพยุโรป (EVIPA) สำหรับข้อตกลง EVIPA มีมติในการประชุมด้วยเสียงข้างมาก 407 ต่อ 188 เสียง และงดออกเสียง 53 เสียง ขณะที่ ข้อตกลง EVFTA มีมติการประชุมด้วยเสียง 401, 192 และ 40 ตามลำดับ ทั้งนี้ ข้อตกลง EVFTA คาดว่าจะผลักดันการส่งออกของเวียดนามและการกระจายสินค้าไปขายในหลายๆตลาด ซึ่งผลจากข้อตกลงมีผลบังคับใช้ เวียดนามจะลดภาษีทันทีร้อยละ 65 ของสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป และจะทยอยลดภาษีสินค้าที่เหลือภายในระยะเวลา 10 ปี ในขณะเดียวกัน สหภาพยุโปรจะลดภาษีทันทีร้อยละ 70 ของสินค้าส่งออกจากเวียดนาม และจะทยอยลดภาษีสินค้าที่เหลือภายในระยะเวลา 7 ปี นอกจากนี้ จากการวิจัยของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม (MPI) ระบุว่าข้กตกลงทั้งสองฝ่ายจะช่วยให้อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.6 และแนวโน้มการส่งออกของเวียดนามไปสภาพยุโรปจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 42.7 ในปี 2568 ในขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการยุโรปคาดว่ามูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับ 29.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และแนวโน้มการส่งออกของสหภาพยุโรปไปเวียดนามจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 29 ในปี 2578

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/ep-ratifies-evfta-evipa-409974.vov

สปป.ลาวทำข้อตกลงกับจีนในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินโดยตรง

เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนและสปป.ลาวได้ลงนามทำข้อตกลงเรื่องการแลกเปลี่ยนเงินตราโดยตรงของกีบลาว(LAK)กับหยวนจีน(CNY)แทนที่จะต้องทำการแปลงผ่านสกุลเงินอื่น ๆ จุดประสงค์หลักของข้อตกลงคือเพื่อส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่นและอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุนตามนอกจากการการทำข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมการค้าระหว่างทั้งสองประเทศจะลดลง ซึ่งจะเกิดประโยชน์จากความร่วมมือนี้และส่งเสริมนโยบายการแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่หลากหลายจะช่วยลดความต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งลาวต้องนำเข้ามาใช้ในการนำเข้าสินค้าเพราะในปัจจุบันเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำต้นทุนของผู้ผลิตในประเทศสูงขึ้นรวมถึงการบริโภคสินค้าในประเทศก็สูงขึ้นข้อตกลงดังกล่าวจะเข้ามาข่วยแก้ปัญหาได้โดยตรงและส่งผลดีต่อไปกับประเทศในอนาคด้านการค้าและการลงทุน

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos_China_8.php