ภาคเอกชน ขอ ธปท.ดูอัตราดอกเบี้ย ชี้ไทยสูงกว่าประเทศอื่นในอาเซียน

นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยที่อยู่ระดับ 2.5% ซึ่งสูงในรอบ 10 ปี ว่า อยากเสนอแนะต่อคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แบงก์ชาติ ให้พิจารณาอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวถือว่าอยู่ในอัตราที่สูง และยังไม่มีกลไกกำกับดูแลว่า ควรจะอยู่ที่อัตราเท่าไหร่ หากเปรียบเทียบตัวเลขระหว่างเงินกู้ไทยเทียบกับประเทศอาเซียน ปรากฎว่า อัตราดอกเบี้ยของประเทศไทยสูงกว่ามาก ดังนั้น อาจต้องพิจารณาระดับที่เหมาะสม

ที่มา : https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/388225

“เวียดนาม” ตั้งเป้าจำนวนธุรกิจ 1.5 ล้านแห่งในปี 2568

รัฐบาลต้องการให้ภาคเอกชนเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการพัฒนาประเทศ โดยตั้งเป้าว่ามีจำนวนธุรกิจ 1.5 ล้านแห่งในปี 2568 และกว่าครึ่งหนึ่งของกิจการในประเทศเป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ กระทรวงการวางแผนและการลงทุนของเวียดนามได้นำนโยบายในการส่งเสริมการดำเนินกิจการของธุรกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการวางโครงสร้างพื้นฐาน เขตเศรษฐกิจและเขตอุตสาหกรรม เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของภาคธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ มูลค่าของภาคเอกชน คาดว่ามีสัดส่วน 55% ของ GDP ในปี 2568 และปรับตัวสูงขึ้น 60-65% ในปี 2573 อย่างไรก็ดี ธุรกิจส่วนใหญ่ 95%  หรือประมาณ 1 ล้านแห่งเป็นธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs)

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-plans-to-have-15-million-businesses-in-2025-post1011250.vov

“เวียดนาม” เผยปัจจัยขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไตรมาสแรก

การลงทุน การบริโภคในประเทศและการค้าต่างประเทศเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามในเดือน ก.พ. และไตรมาสแรกของปีนี้ จากข้อมูลของกระทรวงการวางแผนและการลงทุน (MPI) เปิดเผยว่าภาวะเศรษฐกิจในเดือน ม.ค. 2566 ยังคงอยู่ในทิศทางที่เป็นบวกและเศรษฐกิจมหภาคยังอยู่ในระดับทรงตัว โดยเฉพาะดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 4.89% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ตลาดการเงิน สินเชื่อขยายตัว 0.65% เมื่อเทียบกับปี 2565 ทั้งนี้ รายรับงบประมาณในเดือน ม.ค. สูงถึง 11.3% ของประมาณการรับรายรับต่อปี การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสูงถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ภาครัฐฯ เร่งปรับปรุงสภาพแวดล้อมการลงทุนและส่งเสริมให้ภาคเอกชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสินเชื่อธุรกิจ ตลอดจนสนับสนุนกำลังซื้อภายในประเทศผ่านการดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อเป็นแรงกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศและการค้าระหว่างประเทศ

ที่มา : https://ven.vn/q1-economic-growth-drivers-46867.html

เอกชนคาดส่งออกอาหารโต 9.3% มูลค่า 1.2 ล้านล้านบาท

นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร เปิดเผยว่า สถาบันฯ ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รายงานการส่งออกอาหารในช่วงไตรมาสแรกปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 28.8 คิดเป็นมูลค่ากว่า 286,000 ล้านบาท เนื่องจากประเทศคู่ค้านำเข้าสินค้าอาหารเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะกลับมาคึกคักในช่วงที่หลายประเทศเตรียมการเปิดประเทศและค่าเงินบาทที่อ่อนค่าส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมอาหารที่ผลิตเพื่อการส่งออก โดยสินค้าส่งออกส่วนใหญ่ขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า มีเพียงการส่งออกผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและอาหารพร้อมรับประทานเท่านั้นที่การส่งออกลดลงทั้งปริมาณและมูลค่า เนื่องจากทางการจีนเข้มงวดในมาตรการนำเข้าสินค้าเพื่อควบคุมโควิด-19 ทำให้ผลไม้ส่งออกของไทยโดยเฉพาะทุเรียนหดตัวลง และแนวโน้มการส่งออกสินค้าอาหารในช่วง 3 ไตรมาสที่เหลือ คาดว่า จะขยายตัวได้ร้อยละ 4.4 คิดเป็นมูลค่ากว่า 913,900 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากความต้องการสินค้าในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวและบริการที่มีแนวโน้มฟื้นตัว และทั้งปีมั่นใจว่าการส่งออกอาหารจะขยายตัวได้ร้อยละ 9.3 คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาท

ที่มา : https://www.innnews.co.th/news/economy/news_341602/

เวียดนามขยายการสนับสนุนภาคการลงทุนในสปป.ลาว

เวียดนามตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือภาคการลงทุนในสปป.ลาวต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการฝึกอบรมด้านเทคนิคสำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายวางแผนและการลงทุน ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว เวียดนามจะจัดให้มีการฝึกอบรมเกี่ยวกับการลงทุนของภาคเอกชนและเขตเศรษฐกิจพิเศษ วิธีจัดการและจัดสรรเงินทุนสำหรับโครงการลงทุนภาครัฐและโครงการช่วยเหลือต่างประเทศ สนับสนุนความทันสมัยของภาคการวางแผนและการลงทุนของสปป.ลาวโดยการปรับปรุงและพัฒนาโปรแกรมการจัดการที่ล้ำสมัย ที่จัดทำโดยกระทรวงการวางแผนและการลงทุนของเวียดนาม ทั้งหมดนี้จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองประเทศและส่งเสริมการจัดการการลงทุนสำหรับธุรกิจในแต่ละประเทศ ตลอดจนมีบทบาทสำคัญในการร่วมกันส่งเสริมวิสาหกิจที่ได้ทำข้อตกลงในการดำเนินการตามแผน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Vietnam_57_22.php

บริษัท Greengoods สนับสนุนแนวปฏิบัติทางการเกษตรสมัยใหม่ในสปป.ลาว

นักศึกษาคณะเกษตร สังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว (NUOL) และเกษตรกรจะได้รับบทเรียนและฝึกปฏิบัติด้านการเกษตรสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเกษตร โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทโซลูชั่นด้านการเกษตรจาก บริษัท กรีนกู๊ดส์ จำกัด ประเทศเกาหลีใต้ การเข้ามาช่วยเหลือของเกาหลีใต้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตทางการเกษตร และที่สำคัญที่สุดคือเปลี่ยนการผลิตทางการเกษตรแบบเดิมให้กลายเป็นวิธีปฏิบัติทางการเกษตรสมัยใหม่

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Greengoods221.php

ภาคเอกชนกัมพูชามองหาโอกาสการส่งออกไปยังออสเตรเลีย

นักธุรกิจรวมถึงผู้ส่งออกในกัมพูชา มองหาโอกาสในการขยายการส่งออกสินค้าไปยังประเทศออสเตรเลีย โดยเฉพาะข้าวสาร ซึ่งแนวคิดดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศออสเตรเลียมาเยือนกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยในปัจจุบันการส่งออกของกัมพูชาไปยังออสเตรเลียและตลาดต่างประเทศอื่นๆ ยังคงเป็นเรื่องยาก จากการคมนาคมขนส่งที่ยังคงเผชิญกับอุปสรรคอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งผู้ส่งออกข้าวของกัมพูชายังได้กล่าวเสริมว่า ขั้นตอนที่แตกต่างกันและการจัดการความปลอดภัยด้านอาหารของประเทศผู้นำเข้าต่างๆ ยังคงเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกข้าวของกัมพูชาในปัจจุบัน โดยนอกจากความคาดหวังทางด้านการส่งออกแล้วกัมพูชายังคาดหวังด้านการลงทุนจากนักลงทุนออสเตรเลีย ในอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหารและอุตสาหกรรมเกษตร เป็นสำคัญ ซึ่งในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา กัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรไปยังออสเตรเลียรวม 8,200 ตัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50967508/private-sector-optimistic-about-business-with-australia/

รัฐบาลกัมพูชารับฟังคำเรียกร้องจากภาคเอกชน ในการปรับมาตรการการกักตัว

รัฐบาลกัมพูชากำลังเร่งพิจารณาอย่างจริงจังในการปรับมาตรการการกักกันโรค เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน นักธุรกิจ และนายจ้าง เพื่อเป็นแนวทางในการนำไปสู่การฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ โดยความเคลื่อนไหวนี้อยู่ในขั้นของการพิจารณาหลังจากภาคเอกชนแสดงความกังวลเกี่ยวกับมาตรการการกักกันสำหรับนักธุรกิจที่ต้องการเดินทางเข้ามายังกัมพูชา ซึ่งทางด้านรองนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้สมาชิกในคณะทำงานและคณะอนุกรรมการด้านการจัดการป้องกันโรค ให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับภาคเอกชนต่อไป เพื่อกำหนดแนวทางในการกักกันโรคที่ยืดหยุ่นขึ้น ทั้งในมิติของระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการกักตัวที่เหมาะสม เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับนักธุรกิจที่ต้องการเดินทางมายังกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50908912/govt-is-heeding-private-sectors-calls-for-adjustment-to-business-visitors-compulsory-quarantine/

รัฐบาลกัมพูชาร่วมกับบริษัทเอกชน ส่งเสริมสินค้าเกษตรปลอดภัย

กระทรวงเกษตรป่าไม้และการประมง ร่วมกับตัวแทนของบริษัทเอกชน ทำการลงนามบนสัญญากว่า 16 ฉบับ รวมถึงบันทึกความเข้าใจ (MoU) อีก 2 ฉบับ เพื่อส่งเสริมสินค้าเกษตรปลอดภัยของกัมพูชา เช่น ผัก มันสำปะหลัง แตงโม มะม่วง และสัตว์เศรษฐกิจอื่น ๆ โดยเจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงเกษตร กระทรวงป่าไม้และประมง รวมถึงกระทรวงเศรษฐกิจการเงิน ตลอดจนผู้ได้รับมอบหมายจาก IFAD พันธมิตรเพื่อการพัฒนาภาคเอกชน ผู้สนับสนุน และกลุ่มผู้ผลิตสินค้าเกษตรร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามอย่างเป็นทางการ ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ASPIRE ที่เป็นโครงการด้านความร่วมมือในการพัฒนาด้านการเกษตรเพื่อนวัตกรรม โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรป่าไม้และการประมงกล่าวเน้นย้ำว่าโครงการนี้มีส่วนสำคัญในการจัดหาและพัฒนาทรัพยากรด้านอาหารที่ปลอดภัย รวมถึงทำการตลาดสำหรับพืชผักในประเทศ ลดการนำเข้าสินค้าเกษตรลง นอกจากนี้ยังรักษาปริมาณอาหารในกัมพูชาและพัฒนาภาคเกษตรกรรมต่อไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50815361/ministry-private-firms-cooperate-to-boost-cambodias-safe-agricultural-products/

ความร่วมมือภาครัฐและเอกชนจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างการท่องเที่ยว ในสปป.ลาว

กระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยวและบริษัท Amazing Lao Sole จำกัด ร่วมมือกันเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตามนโยบายรัฐบาล ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU) เพื่อวางแผนบริษัทที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยวที่จะให้คำแนะนำแก่ธุรกิจที่พิจารณาลงทุนด้านการท่องเที่ยวในสปป.ลาว ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างการท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติวัฒนธรรมประวัติศาสตร์และเกษตรกรรมและศักยภาพในการพัฒนาการท่องเที่ยวของสปป.ลาวนอกจากนี้ยังมุ่งปรับปรุงมาตรฐานของบุคลากรด้านการท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นรวมทั้งดึงดูดการลงทุนในการพัฒนาการท่องเที่ยวมากขึ้น ภายใต้ MOU ทั้งสองฝ่ายจะหาแหล่งเงินทุนตลอดจนหน่วยงานด้านเทคนิคและธุรกิจเพื่อลงทุนในการท่องเที่ยว โดยจะจัดทำแผนการพัฒนา การบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวและกำหนดแผนการตลาดการท่องเที่ยว จะร่วมกันจัดทำแคมเปญข้อมูลการท่องเที่ยวในสปป.ลาวสำหรับนักท่องเที่ยวในและต่างประเทศซึ่งจะสนับสนุนเป้าหมายของรัฐบาลในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Public232.php