‘เวียดนาม’ เตรียมส่งออกพลังงานหมุนเวียนไปยังมาเลเซียและสิงคโปร์ ผ่านสายเคเบิลใต้น้ำ

นายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ (Pham Minh Chinh) นายกรัฐมนตรีเวียดนาม พร้อมด้วยนายอันวาร์ อิบราฮิม (Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และนายลอเรนซ์ หว่อง (Lawrence Wong) ร่วมพิธีลงนามความร่วมมือการส่งออกด้านพลังงานหมุนเวียนในโอกาสที่เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 46 และการประชุมที่เกี่ยวข้องที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยกิจกรรมในครั้งนี้ นับเป็นก้าวแรกของความร่วมมือไตรภาคีที่แสดงถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการผลักดันการค้าพลังงานไฟฟ้าสะอาด รวมถึงบรรลุวิสัยทัศน์โครงข่ายไฟฟ้าของอาเซียน และหนุนการเชื่อมโยงพลังงานในภูมิภาคอย่างยั่งยืน

ที่มา : https://www.nationthailand.com/blogs/news/asean/40050492

‘เวียดนาม’ สนับสนุนแนวทางเชิงกลยุทธ์ของอาเซียน หนุนความร่วมมือ

นายเหงียน ฮวาง ลอง (Nguyễn Hoàng Long) รองรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า กล่าวในที่ประชุมปรึกษาหารือพิเศษระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและตัวแทนของประเทศอื่นๆ ว่าเวียดนามสนับสนุนจุดยืนของอาเซียนในการพัฒนาแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุม ยืดหยุ่น และปฏิบัติได้จริง เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจภายในกลุ่ม พร้อมทั้งเพิ่มความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกับประเทศหุ้นส่วนสำคัญ และเตรียมรับมือกับความท้าทายในปัจจุบัน โดยการหารือในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมแนวทางเขิงกลยุธ์ในการรับมือกับความไม่มั่งคงทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภูมิภาค รวมถึงรักษาเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทาน ปกป้องผลประโยชน์ร่วมกัน และลดผลกระทบเชิงลบต่อธุรกิจและประชาชน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1718054/viet-nam-backs-asean-s-strategic-approach-to-economic-resilience-partnership.html

เศรษฐกิจเวียดนามไตรมาสที่ 1/2568 โตชะลอที่ 6.93%YoY คาด Reciprocal Tariffs กระทบเชิงลบต่อ GDP 1.5% แต่มีปัจจัยบวกหากการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ สำเร็จ

เศรษฐกิจเวียดนามไตรมาส 1/2568 เติบโตอยู่ที่ระดับ 6.93%YoY ชะลอจากไตรมาสที่ 4/2567 ที่ 7.55%YoY เนื่องจากการนำเข้าที่เร่งตัวขึ้นถึง 16.9%YoY ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการนำเข้าเครื่องจักรที่เพิ่มขึ้น หลังพายุไต้ฝุ่นยางิสร้างความเสียหายให้กับฐานการผลิตภาคอุตสาหกรรม

เวียดนามเป็นประเทศที่ถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ในอัตรา 46% และเสี่ยงส่งผลกระทบเชิงลบต่อ GDP สูงถึง 1.5%จากการที่เศรษฐกิจเวียดนามพึ่งพาการส่งออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดสหรัฐฯ ในระดับสูงเมื่อเทียบกับประเทศอาเซียนอื่น ๆ

ในเบื้องต้น Reciprocal Tariffs คาดส่งผลให้เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตชะลอลงมาที่ 5.3% แต่ยังมีปัจจัยบวกหากการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ประสบผลสำเร็จ

อ่านต่อ : https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-econ/economy/Pages/Vietnam-GDP-EBR4144-KR-08-04-2025.aspx

‘ผลสำรวจ’ ชี้บริษัทญี่ปุ่น 56% เล็งขยายการลงทุนในเวียดนาม

องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น เปิดเผยผลการสำรวจในประเด็นที่เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางการลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นในต่างประเทศ พบว่าอุปสงค์ในประเทศและอัตรากำไรที่มีการขยายตัวดีขึ้น เป็นแรงผลักดันให้บริษัทญี่ปุ่นยังคงขยายการดำเนินธุรกิจในเวียดนามต่อไป โดยผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าบริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่ 56.1% ต้องการขยายธุรกิจและขยายการลงทุนในเวียดนาม อีก 1-2 ปีข้างหน้า ถือว่าเป็นอัตราสูงที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน และ 64.1% มองว่าในปั 2567 จะทำกำไรได้ ซึ่งเป็นครั้งแรกจากการสำรวจในรอบ 5 ปีที่กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ตอบเกินกว่า 60% ขึ้นไป

นอกจากนี้ เมื่อประเมินถึงแนวโน้มการย้ายฐานการผลิตจากญี่ปุ่นและจีนไปยังเวียดนาม เห็นได้ว่ามีทิศทางเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยตั้งแต่ปี 2562 บริษัทญี่ปุ่นมีความมุ่งมั่นที่จะขยายกำลังการผลิตไปยังอาเซียน และเวียดนามถือเป็นจุดหมายสำคัญของธุรกิจ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/over-56-of-japanese-firms-looking-to-expand-investment-in-vietnam-survey-post308754.vnp

‘เวียดนาม’ เร่งผลักดันสินค้าขยายส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มอาเซียน

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) รายงานว่าสินค้าเวียดนามมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมและส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นในกลุ่มตลาดอาเซียน เช่น กัมพูชาและสปป.ลาว เป็นต้น โดยเวียดนามได้รับอานิสงส์หรือโอกาสจากการขยายการส่งออกสินค้าเกษตร อาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงขยายตลาดไปยังอินโดนีเซียและมาเลเซีย ทั้งนี้ นาย Tran Phu Lu ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการลงทุนและการค้า (ITPC) กล่าวว่าตลาดส่งออกมีทิศทางเชิงบวกแก่ผู้ประกอบการเวียดนาม สะท้อนจากมูลค่าการค้าระหว่างเวียดนามและอาเซียนในปี 2567 อยู่ที่ระดับสูงสุด 83 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับปี 2566

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnamese-products-gain-market-share-in-asean-countries-post308169.vnp

‘เมย์แบงก์’ ชี้เวียดนามติดอันดับ 6 ประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในอาเซียน

จากข้อมูลของบริษัทวิจัยการตลาดเมย์แบงก์ (Maybank Research Pte Ltd) คาดการณ์ว่าการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของ 6 ประเทศในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทยและเวียดนาม จะฟื้นตัว 4.5% และ 4.7% ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ จาก 4% ในปี 2566 ในขณะที่ตามรายงาน ‘ASEAN Frontiers: The New Trailblazers’ ระบุว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ได้แรงหนุนมาจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการส่งออก โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ เมย์แบงก์ยังเปิดเผยว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) ศูนย์ข้อมูลและความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก ผลักดันให้กิจกรรมการค้าและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าดอกเบี้ยจะปรับตัวสูงขึ้น แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงมีความแข็งแกร่ง ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตของสินเชื่อ นอกจากนี้ เมย์แบงก์ได้ตั้งข้อสังเกตว่าอาเซียนจะกลายมาเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญของโลก เนื่องจากบริษัทข้ามชาติ (MNC) ต้องการกระจายห่วงโซ่อุปทานการผลิตออกจากประเทศจีน

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-among-six-asean-countries-with-good-economic-growth-maybank-post1100769.vov

‘อุตสาหกรรมเหล็กเวียดนาม’ คว้าอันดับ 12 ด้านการผลิตเหล็กกล้าดิบของโลก

สมาคมเหล็กเวียดนาม (VSA) ได้ประกาศความสำเร็จของเวียดนามที่คว้าอันดับ 12 ด้านการผลิตเหล็กกล้าดิบของโลก ผลของความสำเร็จในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมเหล็กเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการผลิตและความหลากหลายของสินค้า

ทั้งนี้ คุณ Nghiêm Xuân Da ประธานสมาคมเหล็กเวียดนาม กล่าวว่าตั้งแต่ปี 2558 อุตสาหกรรมกลายมาเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในอาเซียน ทั้งด้านการผลิตและการบริโภคเหล็กสำเร็จรูป และต่อมาในปี 2566 กำลังการผลิตเหล็กกล้าดิบของเวียดนาม อยู่ที่ 20 ล้านตัน ส่งผลให้เวียดนามก้าวมาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเหล็กชั้นนำของโลก

นอกจากนี้ ภาคกลางของประเทศเป็นที่ตั้งของศูนย์อุตสาหกรรมสำคัญหลายแห่ง รวมถึงศูนย์กลางผลิตเหล็กและเหล็กกล้า ภายใต้ชื่อว่า ‘หวาฟัตสุงกว๊าต’ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเหล็กปิดขนาดใหญ่และมีความทันสมัยในระดับภูมิภาค

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1655840/vn-s-steel-industry-ranks-12th-in-world-crude-steel-production.html

ข้าวเหนียวมะม่วงไทยสุดฮอต จีน-อาเซียน ดันส่งออกมะม่วงสดโต 130%

นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า “ข้าวเหนียวมะม่วง” เป็นขนมหวานไทยที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคนานาประเทศ ล่าสุด เว็บไซต์จัดอันดับอาหารระดับโลก “TasteAtlas” ได้จัดอันดับให้ข้าวเหนียวมะม่วงไทย ติดอันดับ 2 ของโลก ในฐานะพุดดิ้งข้าวที่ดีที่สุด ทำให้สินค้าดังกล่าว รวมทั้งมะม่วงสดและข้าวเหนียว ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสทองที่ผู้ประกอบการไทยจะขยายการส่งออกไปตลาดต่างประเทศ

ทั้งนี้ จากสถิติการค้าระหว่างประเทศ ไทยส่งออกมะม่วงสดไปตลาดโลกปริมาณเฉลี่ยกว่าปีละ 1 แสนตัน มูลค่ามากกว่า 3 พันล้านบาท โดยในช่วง 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค. 2567) ไทยส่งออกมะม่วงสดไปตลาดโลก มูลค่า 1,626 ล้านบาท โดยเป็นการส่งออกไปตลาดคู่ค้า FTA มูลค่าถึง 1,580 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 130 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า คิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 97 ของการส่งออกมะม่วงทั้งหมด

ที่มา : https://www.prachachat.net/economy/news-1565498

อาเซียนวางแผนที่จะช่วยเหลือเมียนมาในการแก้ไขปัญหาปัจจุบันอย่างสันติ

ประธานสภาบริหารแห่งรัฐ นายกรัฐมนตรี พลเอกอาวุโส มิน ออง หล่าย ให้การต้อนรับคณะผู้แทน นำโดย นายอลุนแก้ว กิตติคุณ ทูตพิเศษของประธานอาเซียนด้านเมียนมา และเลขาธิการอาเซียน ดร.เกา คิม ชั่วโมง ณ หอรับรองประจำสำนักงาน ก.ล.ต. ที่กรุงเนปิดอว์เมื่อเช้าวานนี้ โดยในการประชุมดำเนินแผนงาน 5 ประการเพื่อประกันสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาของประเทศ พวกเขาหารือถึงความร่วมมือของเมียนมาในอาเซียน เงื่อนไขการมีส่วนร่วมของเมียนมาในการประชุมอาเซียน การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยอาเซียนแก่เมียนมา และความร่วมมือที่ดีที่สุดของเมียนมาในการกระจายความช่วยเหลือให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความพยายามของเมียนมาในการดำเนินการตามระบบประชาธิปไตยหลายพรรคที่ประชาชนปรารถนาอย่างมั่นคง การเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปตามระบอบประชาธิปไตยหลายพรรคที่เสรีและยุติธรรม และข้อกำหนดให้ทุกคนทราบสภาพที่แท้จริงของเมียนมา

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/asean-plans-to-assist-myanmar-in-peacefully-solving-current-issues/

‘เวียดนาม’ กลายเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลโตเร็วสุดในอาเซียน

อแมนดา เมอร์ฟี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มลูกค้าธุรกิจ ประจำภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธนาคาร HSBC เปิดเผยว่าเวียดนามจะกลายมาเป็นตลาดชั้นนำของอุตสาหกรรมดิจิทัลทั้งธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ จากการประเมินชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามเติบโตได้อย่างโดดเด่น โดยในปี 2566 มูลค่าของเศรษฐกิจดิจิทัล มีสัดส่วน 16.5% ต่อ GDP และมีบริษัทเทคโนโลยีดิจิทัลมากกว่า 1,500 แห่ง ทำรายได้จากตลาดต่างประเทศ เพิ่มขึ้นมากกว่า 7% เมื่อเทียบกับปี 2565

ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 60% วางแผนที่จะลงทุนในเทคโนโลยีและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัล ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่ระบบการชำระเงินดิจิทัล อีคอมเมิร์ซและปัญญาประดิษฐ์ (AI)

นอกจากนี้ จากการวิเคราะห์พบว่ากลุ่มประเทศในอาเซียน มีอัตราการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตสูงที่สุดแห่งเดียวในโลก ในขณะเดียวกันรายได้จากอีคอมเมิร์ซ มีมูลค่าเกินกว่า 100 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้ว

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-emerges-as-fastest-growing-digital-economy-in-asean-2274332.html