‘ผู้ประกอบการ’ เวียดนาม จ่อขึ้นค่าแรง

ผู้ประกอบการในเมืองโฮจิมินห์หลายราย เริ่มปรับขึ้นค่าแรง ถึงแม้ว่ากิจการส่วนใหญ่จะจ่ายค่าจ้างแรงงานสูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำในภูมิภาคแล้วก็ตาม ในขณะที่เมื่อสอบถามแรงงาน คุณ Tran Van Thang พนักงานซ่อมบำรุงของบริษัทในเขตแปรรูปส่งออก Tan Thuan เขต 7 กล่าวว่ารู้สึกยินดีอย่างมากที่บริษัทประกาศปรับขึ้นค่าแรง มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. และพนักงานใหม่จะได้รับค่าจ้างเริ่มต้นอยู่ที่ 6.3 ล้านด่องต่อเดือน โดยการปรับขึ้นค่าแรงในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้พนักงานมีความมุ่งมั่นในช่วงสภาวะตลาดแรงงานเผชิญกับความท้าทายในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะยินดีจากการขึ้นค่าแรง แต่แรงงานจำนวนมากยังคงมีความกังวลต่อค่าครองชีพที่สูงขึ้น

อย่างไรก็ดี จากข้อมูลของศูนย์บริการงานในเมืองโฮจิมินห์ ระบุว่าผู้ประกอบการหลายรายในปัจจุบันเผชิญกับอุปสรรคจากการสรรหาบุคลากร และตัวเลขสถิติในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ศูนย์ฯ ได้รับคำร้องจากผู้ประกอบการที่มีความต้องการแรงงานสูงถึง 48,837 ตำแหน่ง

ที่มา : https://en.sggp.org.vn/wage-increase-boosts-motivation-for-laborers-post110985.html

‘นครโฮจิมินห์’ ครองอันดับดัชนีความสามารถโลจิสติกส์ของประเทศ

สมาคมธุรกิจโลจิสติกส์เวียดนาม (VLA) ร่วมกับสถาบันวิจัยและการพัฒนาด้านโลจิสติกส์เวียดนาม (VLI) และศูนย์บ่มเพาะ จัดทำรายงานดัชนีชี้วัดความสามารถในการแข่งขันด้านโลจิสติกส์ (LCI) และได้มีการประเมิน 26 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งมีตัวชี้วัด ดังนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในภูมิภาค (GRDP) ปริมาณสินค้าบรรทุก และจำนวนธุรกิจโลจิสติกส์ ทั้งนี้ จากการประเมินพบว่านครโฮจิมินห์ได้รับคะแนนสูงสุด อยู่ที่ 43.3-74.3 จากคะแนนเต็ม 100 บ่งชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่โดดเด่นของเมืองในการบูรณาการเทคโนโลยี การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน คุณภาพการให้บริการ และกรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ รองลงมาเมืองไฮฟองและเมืองบิ่นห์ดิ่นห์ (Binh Dinh)

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/hcmc-tops-logistics-competitiveness-index/

‘โฮจิมินห์’ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเศรษฐกิจดิจิทัล ปี 2573 แตะ 40% ของ GRDP

Lam Dinh Thang ผู้อำนวยการสำนักงานข้อมูลสารสนเทศและการสื่อสาร เมืองโฮจิมินห์ กล่าวว่าเมืองโฮจิมินห์ตั้งเป้าที่จะวางตำแหน่งให้มีความโดดเด่นและมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูง ซึ่งได้เตรียมการลงมติที่ 98 เกี่ยวกับนโยบายนำร่องพัฒนาเมืองโฮจิมินห์ ทั้งนี้ ด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เมืองโฮจิมินห์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและส่งเสริมการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ในหลายส่วน โดยเฉพาะการบริหาร การศึกษา การดูแลสุขภาพและการขนส่ง โดยจากมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้เศรษฐกิจดิจิทัลของเมือง มีสัดส่วน 15.48% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของภูมิภาค (GRDP) ในปี 2564 และ 18.66% ในปี 2565 ถึงแม้ว่าจะเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน แต่คาดว่าเศรษฐกิจดิจิทัลจะเพิ่มสัดส่วน 40% ของ GRDP ภายในปี 2573

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/digital-economy-to-account-for-40-of-hcmc-s-grdp-by-2030-2187341.html

“อสังหาฯเวียดนาม” ยังคงเป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ

CBRE Vietnam บริษัทที่ให้บริการและการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ รายงานผลการสำรวจมุมมองของนักลงทุนในเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2566 แสดงให้เห็นว่าเมืองโฮจิมินห์และฮานอย เป็นหนึ่งใน 10 จุดหมายปลายทางของการลงทุนข้ามพรมแดนที่น่าสนใจที่สุด โดยเฉพาะเมืองโฮจิมินห์เป็นครั้งแรกที่อยู่ในอันดับที่ 3 ของผลการสำรวจในครั้งนี้ ประกอบกับอยู่อันดับดีกว่าออสเตรเลีย เนื่องจากอัตราการขยายตัวของเมืองที่คาดการณ์ไว้ที่ 42% ในปี 2568 ทำให้เวียดนามเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

นอกจากนี้ จากรายงานของ PropertyGuru Group บ่งชี้ให้เห็นถึงนโยบายเศรษฐกิจเปิดของเวียดนามและการรวมเข้ากับห่วงโซ่อุปทานโลก ด้วยเหตุนี้ ห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นจึงเป็นกุญแจสำคัญในความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของเวียดนามและเพิ่มความน่าดึงดูดอสังหาริมทรัพย์แก่นักลงทุนต่างชาติ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnamese-real-estate-remain-attractive-to-foreign-investors/249435.vnp

ธุรกิจภาคการผลิตในเมืองโฮจิมินห์ เสี่ยงล้มละลาย เหตุจากยอดคำสั่งซื้อใหม่ลดลง

คุณ เหงียนดินห์ควง รองประธานสหภาพแรงงาน เมืองถูดึ๊ก กล่าวาว่าในปัจจุบันเมืองถูดึ๊ก นครโฮจิมินห์ มีกิจการ 97 แห่งได้ประกาศลดขนาดการผลิต เนื่องจากคำสั่งซื้อใหม่ลดลง ธุรกิจเหล่านี้ส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจที่มีความต้องการใช้แรงงานเข้มข้น อาทิเช่น รองเท้า สิ่งทอและการแปรรูปไม้ โดยยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่ชะลอตัวนั้น ทำให้ธุรกิจกลับมาดำเนินกิจการอีกครั้งเป็นไปได้ยาก รวมถึงธุรกิจที่กลับมาขยายตัวได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ธุรกิจยังต้องจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงาน จากการที่พนักงานจะลาออกหากบริษัทไม่จ่ายเงินให้กับพวกเขา

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/hcmc-manufacturers-face-bankruptcy-amid-fall-in-new-orders/

กัมพูชาและเวียดนาม วางแผนเชื่อมทางด่วนระหว่างกัน

กัมพูชาและเวียดนามได้เพิ่มความเป็นไปได้ในการสร้างทางด่วนเชื่อมระหว่างสองประเทศ ณ จุดชายแดน หลังจากที่ทั้งสองประเทศได้หารือกันในประเด็นดังกล่าว โดยกระทรวงได้ขอให้บริษัทจีนผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการทางด่วนภายในกัมพูชา ให้ส่งรายงานขั้นสุดท้ายให้กระทรวงตรวจสอบ ซึ่งเร็ว ๆ นี้ทางการเวียดนามจะเริ่มก่อสร้างทางด่วนจากโฮจิมินห์ซิตี้ไปยังประตูชายแดนระหว่างประเทศ เพื่อเชื่อมต่อทางด่วนจากพนมเปญไปยังบาเวต โดยทางการหวังว่าการศึกษาจะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคมปีนี้ และจะเร่งตรวจสอบการลงนามในสัญญาเงินกู้สัมปทานบนทางด่วนพนมเปญ-บาเวต ในระยะถัดไป และเมื่อรัฐบาลอนุมัติโครงการทางด่วน พนมเปญ-บาเวต แล้วจะถือเป็นทางด่วนแห่งที่ 2 ในกัมพูชา หลังจากที่ก่อนหน้าทางการกัมพูชาได้ก่อสร้างทางด่วนสาย พนมเปญ-สีหนุวิลล์ ที่จะมีความยาวกว่า 109 กิโลเมตร ซึ่งแล้วเสร็จไปแล้วมากกว่าร้อยละ 60

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50926403/cambodia-vietnam-boost-expressway-connection-hopes/

‘เวียดนาม’ เผย 8 เดือนแรก ปิดกิจการ 85,000 แห่ง

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ธุรกิจกว่า 85,000 แห่ง ปิดกิจการ เนื่องจากได้รับผลกระทบรุนแรงจากการระบาดของโควิด-19 และจำนวนธุรกิจดังกล่าว ธุรกิจทั้งหมด 43,200 แห่งได้ปิดกิจการชั่วคราว เพิ่มขึ้น 25.9% ขณะที่ธุรกิจ 30,100 แห่งหยุดดำเนินงานและอยู่ระหว่างเลิกกิจการ เพิ่มขึ้น 24.5% โดยสิ่งที่น่าสังเกต คือในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ธุรกิจกว่า 24,000 แห่งออกจากตลาดในเมืองโฮจิมินห์ ถือเป็นฮอตสปอตการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ คิดเป็น 28.1% ของตัวเลขทั้งหมด และเพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งการแพร่ระบาดระลอกที่ 4 นั้น ส่งผลกระทบสำคัญต่อการผลิตของกิจการในท้องถิ่นอย่างรุนแรง

ที่มา : https://tienphongnews.com/business-closures-hit-85000-over-eight-months-199878.html

เวียดนามเผยธุรกิจขนส่งในโฮจิมินห์กว่า 170 ราย ต้องออกจากตลาดในช่วง 5 เดือนแรก

จำนวนบริษัทกว่า 171 รายในเมืองโฮจิมินห์ ปิดกิจการชั่วคราวลงในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เนื่องจากประสบกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยระลอกแรกนั้นเริ่มเมื่อปลายเดือนมกราคม และระลอกสองเริ่มเมื่อปลายเดือนเมษายน ทำให้ประเทศไม่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ และด้วยข้อจำกัดการเดินทาง การปิดชายแดนและมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไม่สามารถฟื้นตัวได้ ทั้งนี้ สำนักงานการท่องเที่ยวเมืองโฮจิมินห์ ระบุว่าเมืองโฮจิมินห์ ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศและเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด สำหรับด้านจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศ พบว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวนนักท่องเที่ยว 7.1 ล้านคน ดิ่งลง 47% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่ มีรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 1.54 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 37% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/82535/over-170-travel-firms-in-hcmc-leave-market-in-five-months.html

“ภาคอิเล็กทรอนิกส์” ดันอุตสาหกรรมโดยรวมของเมืองโฮจิมินห์

การผลิตอิเล็กทรอนิกส์ในเมืองโฮจิมินห์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ สาเหตุหลักมาจากการรักษาเสถียรภาพของตลาดส่งออกและการส่งเสริมการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ทั้งนี้ นาง Nguyễn Thị Xuân Thủy รองผู้​อำนวยการศูนย์ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม กล่าวว่าภาคธุรกิจได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 อย่างรุนแรง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จึงจำเป็นที่ต้องตัดเงินเดือนพนักงาน ดังนั้น ธุรกิจต้องเร่งหาตลาดใหม่และค้นหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ เพื่อรับมือกับปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ อย่างไรก็ตาม ภาคอุตสาหกรรมโดยรวมเติบโตในอัตรา 32.4% ส่งผลในทิศทางที่ดีขึ้นต่อ 4 อุตสาหกรรมหลักในเมืองโฮจิมินห์ ถึง 7.8% และปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/903910/electronics-lead-hcm-city-industrial-revival.html

“นครโฮจิมินห์” ตั้งเป้าปั้นธุรกิจสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรม 1,000 รายในอีก 5 ปีข้างหน้า

คณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ นำเสนอโครงการอำนวยความสะดวกในการพัฒนาระบบนิเวศของสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรมภายในปี 2564-2568 โดยมีเป้าหมายส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพจำนวน 1,000 ราย ซึ่งการดำเนินงานของคณะกรรมการดังกล่าว จะทำให้ระบบนิเวศของสตาร์ทอัพในเมืองโฮจิมินห์ เจริญก้าวหน้าทัดเทียมระดับภูมิภาคและเป็นรากฐานที่สำคัญของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ช่วยในการผลิตและยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขัน นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าหมายที่จะทำให้ผลิตภาคการผลิตรวม เพิ่มขึ้น 45-50% ของผลิตภัณฑ์ภาค (GRDP) ตลอดจนพัฒนาความสามารถของธุรกิจสตาร์ทอัพ จำนวน 3,000 ราย และเข้าช่วยเหลือ 1,000 โครงการ และช่วยให้สตาร์ทอัพเข้าถึงเงินทุนอีก 100 รายภายในปี 2568

ที่มา :https://vietnamnews.vn/economy/899520/hcm-city-aims-to-support-1000-innovative-start-ups-in-next-five-years.html