FinTech เวียดนาม โอกาสที่ Startup ไทยควรรีบคว้า
ในทุกๆปี องค์กรด้านการสนับสนุนและพัฒนาสตาร์ทอัพ (BSSC) จะจัดงาน Vietnam Startup Wheel ได้จัดงานประกวดสตาร์ทอัพใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ซึ่งในปี 2556 จนถึงปัจจุบันมีผู้ประกอบการและธุรกิจสตาร์ทอัพราว 4,000 บริษัท และประชาชนกว่า 90,000 คน โดยงานดังกล่าวสร้างมูลค่าสนับสนุนการลงทุนกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ธนาคารแห่งชาติเวียดนามยังได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนฟินเทค เพื่อให้การสนับสนุนรัฐบาลในการสร้างและพัฒนาระบบนิเวศน์ของฟินเทคในประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้ ทำให้ธุรกิจฟินเทคสตาร์ทอัพในเวียดนามมีตลาดที่ชัดเจน เฟื่องฟูและมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่เวียดนามยังคงเผชิญกับความท้าทายของธุรกิจ FinTech โดยสรุปได้ดังนี้ ภาวะขาดแคลนการระดมทุน, ความปลอดภัยในการดำเนินธุรกรรมทางการเงิน, กระบวนการขอใบอนุญาตดำเนินธุรกิจด้านฟินเทคยังคงมีความซับซ้อนและใช้เวลานาน และรัฐบาลยังขาดแคลนบุคลากรและหน่วยงานในการสนับสนุนหรือความเข้าใจในระบบของธุรกิจดังกล่าว เป็นต้น นอกจากนี้ แนวทางการดำเนินธุรกิจฟินเทคในเวียดนาม มองว่ามีศักยภาพด้านธุรกิจฟินเทคสตาร์ทอัพในเวียดนามนับเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยในการลงทุนและขยายธุรกิจมายังเวียดนาม โดยเฉพาะการลงทุนในธุรกิจการชำระเงินดิจิทัล การซื้อของออนไลน์ การท่องเที่ยว เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจการเงินส่วนบุคคลและนิติบุคคล ตลอดจนด้านเทคโนโลยีการเกษตร สำหรับผู้ที่จะเข้าตลาดฟินเทคสตาร์ทอัพเวียดนามจำเป็นต้องศึกษาบริบทของประเทศ และจำเป็นต้องผ่านการรับรองจากรัฐบาลเวียดนามซึ่งเป็นผู้ดูแลทรัพยากรทั้งหมดของประเทศเสมอ
ที่มา : https://www.bangkokbanksme.com/en/fintech-startup-vietnam
เจาะตลาดซีแอลเอ็มวี-ตั๋วดิจิทัล แผนครึ่งปีหลังบางกอกแอร์เวย์ส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ณ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม บริษัทสายการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส (BA) แถลงทิศทางการ เจาะตลาดซีแอลเอ็มวี-ตั๋วดิจิทัล แผนครึ่งปีหลังบางกอกแอร์ว์ส ซึ่งผลการดำเนินงาน ระบุว่าการดำเนินงานครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 13,865.7 ล้านบาท เป็นรายได้ในส่วนของ ธุรกิจสายการบิน 10,106 ล้านบาท มีจำนวนผู้โดยสาร 3.02 ล้านคน อัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 70% ซึ่ง ทั้ง 2 ไตรมาสที่ผ่านมาไม่ทำกำไรและคาดว่าช่วงครึ่งปีหลังตัวเลขผู้โดยสารน่าจะใกล้เคียงเพราะจองตั๋วล่วงหน้าถึง 11 เดือน โดยครึ่งแรกของบริษัทฯ ขยายเส้นทางบินไปกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ในเวียดนาม และสปป.ลาวและเส้นทางบินเชื่อมเมืองท่องเที่ยวสำคัญในไทย สำหรับแผนการตลาดและการขายครึ่งปีหลังเน้นทำการตลาดและการขายเชิงรุกในตลาดดิจิทัลทำกิจกรรมทางการขายและการตลาดผ่านตัวแทนจำหน่ายออนไลน์รวมทั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกล่าสุดจับมือพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งด้านช่องทางการจำหน่ายบนช่องทางอีคอมเมิร์ซ อาทิ บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศ ไทย) จำกัด (Shopee) โดยทำข้อตกลงเว็บไซต์จองตั๋วและเว็บไซต์ท่องเที่ยวจองโรงแรมที่พัก
ที่มา : เดลินิวส์ ฉบับที่ 29 ส.ค. 2562 (กรอบบ่าย)
เวียดนามเผนการส่งออกสินค้าเกษตรพุ่งสูงขึ้น 26.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
การส่งออกสินค้าเกษตรกรรมของเวียดนามอยู่ที่ 26.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2562 โดยจากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) เปิดเผบว่ามีสินค้ากว่า 8 รายการที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสินค้าเกษตรที่สำคัญมีมูลค่า 12.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 8.3 หากจำแนกตลาดส่งออกที่สำคัญ ระบุว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามส่งออกสินค้าเกษตรไปยังประเทศจีนอยู่ที่ 4.74 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 8.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งตัวเลขดังกล่าว สหรัฐอเมริกายังคงเป็นผู้นำเข้าสินค้าเกษตรของเวียดนามรายใหญ่ที่สุด ตามมาด้วยจีน ยุโรป อาเซียน และญี่ปุ่น ตามลำดับ ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าสินค้าเกษตรของเวียดนามอยู่ที่ 20.54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
เวียดนามเผยยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ 11.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 6.3% yoy ในช่วงม.ค.-สิ.ค. 62
จากรายงานของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม (MPI) เปิดเผยว่าในช่วงเดือนมกราคม – สิงหาคมที่ผ่านมา เวียดนามสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้ถึง 11.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ บริษัทต่างประเทศที่ทำการส่งออกมีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ด้วยมูลค่าราว 117.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 69.4 ของการส่งออกเวียดนามโดยรวม นอกจากนี้ ฮ่องกงยังคงเป็นผู้ที่ทำการลงทุนโดยตรงรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม รองลงมาเกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ตามลำดับ หากสังเกตในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น พบว่ามีการลงทุนโดยตรงอยู่ที่ 19.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.1 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
กระทรวงของกัมพูชาลงนามการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับน้ำสะอาด
กระทรวงอุตสาหกรรมและหัตถกรรมได้ลงนามในข้อตกลงกับกลุ่มรัฐวิสาหกิจน้ำของปักกิ่งและโนเบิลวอเตอร์เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการเพิ่มปริมาณน้ำดื่มในราชอาณาจักร โดย MoUs ระหว่างกันจะช่วยให้รัฐบาลบรรลุเป้าหมายในการเข้าถึงน้ำสะอาดให้กับทุกคนในกัมพูชาภายในปี 2568 ตามที่กระทรวงได้แจ้งไว้ ซึ่ง Beijing Enterprise Water Group และ Noble Water จะร่วมพัฒนาระบบบำบัดน้ำอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนโดยแผงโซล่าร์ และกังหันลม โดยกล่าวเสริมว่าโซลูชั่นนี้เหมาะกับความต้องการในปัจจุบันของกัมพูชาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกลของประเทศ โดยโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรมและหัตถกรรมกล่าวว่ากระทรวงได้ออกใบอนุญาตจัดหาน้ำกว่า 256 ใบ ให้แก่ผู้ประกอบการนอกกรุงพนมเปญและในพื้นที่ที่ไม่มีท่อน้ำสะอาด ซึ่งความต้องการน้ำสะอาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากการเติบโตของประชากรและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ โดยความต้องการน้ำสะอาดในกัมพูชาอยู่ที่ 10 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
สมาคมการข้าวกัมพูชาจะพบกับสหภาพยุโรปเพื่อหารือเกี่ยวกับภาษี
สหพันธ์ข้าวกัมพูชาหารือกับสหภาพยุโรปเกี่ยวกับภาษีส่งออกข้าว โดยเมื่อปีที่แล้ว EC กล่าวว่าการนำเข้าข้าว Indica จากกัมพูชาและเมียนมาที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในสหภาพยุโรปทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อผู้ผลิตในยุโรป โดยจากการตัดสินใจของ EC ทำให้ข้าวจากกัมพูชาและเมียนมาถูกเก็บภาษีที่ 175 ยูโรต่อตันในช่วงปีแรก ในปีที่สองและปีที่สามภาษีจะลดลงเป็น 150 ยูโรและ 125 ยูโรต่อตันตามลำดับ ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 กัมพูชาส่งออกข้าวไปยังสหภาพยุโรปถึง 93,000 ตัน โดยกระทรวงเกษตรกล่าวว่าการเก็บภาษีศุลกากรได้สร้างแรงกดดันต่อราคาข้าวกัมพูชาในสหภาพยุโรปซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการแข่งขันอย่างรุนแรง ซึ่งทางภาครัฐของกัมพูชายังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมข้าวโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการช่วยผู้ผลิตลดต้นทุนการผลิตแปรรูปและต้นทุนโลจิสติกส์เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันที่ดีขึ้น โดยการส่งออกข้าวของกัมพูชาเพิ่มขึ้น 3.7% ไปแตะที่ระดับ 3 แสนตัน
ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50637283/rice-association-to-meet-with-eu-to-discuss-tariffs/
รัฐบาลสปป.ลาว , เอฟเอโอ ทบทวนตัวชี้วัดเส้นทางสู่การพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืน
เจ้าหน้าที่ของรัฐและเจ้าหน้าที่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กำลังประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับการเกษตรโภชนาการและการถือครองที่ดินและใช้เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในสปป.ลาว ผู้เชี่ยวชาญด้านสถิติจากสำนักงานใหญ่ FAO และสำนักงานภูมิภาค FAO สำหรับเอเชียและแปซิฟิกนำเสนอประเด็นที่สำคัญเกี่ยวกับกระบวนการจัดทำดัชนีชี้วัดของ SDG และการประเมินตัวชี้วัด 21 ตัวในอนาคตภายใต้การดูแลของ FAO การประชุมเชิงปฏิบัติการจะทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าใจถึงตัวชี้วัด SDG ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรได้ดีขึ้น บทบาทของ FAO ในการติดตามและรายงาน SDG ในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ และวิธีการวัดตัวชี้วัดแต่ละตัว ข้อกำหนดของข้อมูลสำหรับการวัดตัวบ่งชี้พร้อมกับแหล่งข้อมูลที่เป็นไปได้จะถูกกล่าวถึงในรายละเอียดด้วย ซึ่งจะหารือเกี่ยวกับประสบการณ์และความท้าทายในการสร้างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัวชี้วัดเหล่านี้ในสปป.ลาวและจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบ SDG
ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt.php