‘จีน’ เลือก ‘ไทย’ ตั้งโรงงานแบตรถยนต์ไฟฟ้า แห่งแรกในอาเซียน

สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เอสวีโอแอลที (SVOLT) ผู้ผลิตแบตเตอรีของจีน จัดพิธีวางศิลาฤกษ์โรงงานแบตเตอรีโมดูลแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ จังหวัดชลบุรี เมื่อวันพุธ (5 ก.ค.) ด้วยเป้าหมายเข้าถึงตลาดยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วของภูมิภาค

ทั้งนี้ รายงานระบุว่า เอสวีโอแอลทีเข้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสอดคล้องกับกระแสบริษัทยานยนต์ไฟฟ้าของจีน เช่น จีดับเบิลยูเอ็ม (GWM) เอสเอไอซี (SAIC) และบีวายดี (BYD) ที่เข้าตั้งโรงงานผลิตในท้องถิ่นในไทย ขณะตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้ง หยางหงซิน ประธานและซีอีโอของเอสวีโอแอลที เน้นย้ำบทบาทนำร่องของไทยในฐานะศูนย์กลางระดับภูมิภาคด้านการผลิตและส่งออกยานยนต์ ทำให้เอสวีโอแอลทีมีโอกาสยอดเยี่ยมในการขยับขยายในต่างประเทศและการเติบโตทางธุรกิจ

ที่มา : https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/356955

‘เวียดนาม’ ชี้ช่วง 5 เดือนแรกของปี 66 นำเข้าเนื้อสัตว์ ทะลุ 480 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลของกรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566 เวียดนามนำเข้าเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ทำมาจากเนื้อสัตว์ ปริมาณมากกว่า 239,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 480 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.6% ในแง่ของปริมาณ แต่ลดลง 9.1% ในแง่ของมูลค่า ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาข้อมูลเฉพาะในเดือนพฤษภาคม พบว่าเวียดนามนำเข้าเนื้อสัตว์ 57.62 พันตัน มูลค่าราว 108.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 9.5% ในแง่ของปริมาณ แต่ลดลง 10.2% ในแง่ของมูลค่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งนับว่าเป็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของปริมาณการนำเข้าเนื้อสัตว์เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1550906/vn-spends-over-480-million-on-meat-imports-in-first-5-months.html

‘เวียดนาม’ กลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกัมพูชาในกลุ่มประเทศอาเซียน

กระทรวงพาณิชย์ของกัมพูชา ระบุว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566 การค้าระหว่างประเทศของกัมพูชาและเวียดนาม ทำรายได้สูงถึง 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า 3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่งผลให้เวียดนามกลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกัมพูชาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน เนื่องจากมูลค่าการค้าทวิภาคีของทั้งสองประเทศที่มีสัดส่วนราว 50% ของเม็ดเงินรวมระหว่างกัมพูชาและประเทศสมาชิกอาเซียน ทั้งนี้ จากการเติบโตของการส่งออกกัมพูชาไปยังเวียดนามนั้น ได้รับแรงหนุนมาจากการส่งออกผลผลิตทางการเกษตรที่สูงขึ้น เนื่องจากเก็บเกี่ยวผลผลิตได้มากขึ้น โดยเฉพาะข้าว ยางพารา เม็ดมะม่วงหิมพานต์และมันสำปะหลัง เป็นต้น ในขณะที่สินค้านำเข้าสำคัญจากเวียดนาม ได้แก่ วัสดุก่อสร้าง เครื่องจักร เชื้อเพลิงและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-becomes-largest-asean-trading-partner-of-cambodia-media-2163621.html

‘เมียนมา’ ส่งออกสินค้าเกษตร ไตรมาสแรกปี 66 โกย 862 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าเมียนมาส่งออกสินค้าเกษตรในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566-2567 อยู่ที่ 862.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวเลขดังกล่าวปรับตัวลดลงจากไตรมาสแรกของปีที่แล้วที่มีมูลค่า 1,091.55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าส่งออกสำคัญของเมียนมา ได้แก่ ผลผลิตทางการเกษร สัตว์และอาหารทะเล แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้และสินค้าอุตสาหกรรม นอกจากนี้ จากข้อมูลของสหพันธ์ข้าวแห่งเมียนมาร์ (MRF) ระบุว่าเมียนมาส่งออกข้าวและปลายข้าวมากกว่า 2.26 ล้านตันในปีงบประมาณ 2565-2566

ที่มา : https://borneobulletin.com.bn/myanmar-earns-over-usd862m-from-agricultural-exports-in-q1/

เกาหลีใต้มอบทุนสนับสนุน 4.25 ล้านดอลลาร์ ยกระดับท่าเรือลุ่มแม่น้ำโขง สปป.ลาว

สาธารณรัฐเกาหลีได้บริจาคเงินทุนกว่า 4.25 ล้านดอลลาร์ ให้กับโครงการพัฒนาระบบการจัดการข้อมูลท่าเรือแม่น้ำโขง (Port-MIS) 5 แห่ง ในประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การดำเนินงานของท่าเรือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังรวมถึงโครงการพัฒนาแผนแม่บทสำหรับการเสริมสร้างศักยภาพเจ้าหน้าที่และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง อีกทั้งยังพัฒนาระบบแอปพลิเคชั่นในการดำเนินการท่าเรือร่วมด้วย ซึ่งการร่วมมือดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศของเกาหลี (KOICA) และกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว​ ในการจะจัดหาอุปกรณ์ ICT เพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ICT ของท่าเรือทั้ง 5 แห่ง โครงการห้าปีจะดำเนินการจนถึงปี 2570

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_131_SKorea_y23.php

FSA อนุมัติหลักการประกาศร่างการลงทุนกองทุนรวมในกัมพูชา

Council of Non-Bank Financial Services Authority (FSA) หน่วยงานของกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง (MEF) ได้อนุมัติในหลักการร่างประกาศเพื่ออนุญาตให้นักลงทุนสามารถซื้อขายกองทุนรวมภายในตลอดหลักทรัพย์กัมพูชาได้ ซึ่งร่างประกาศดังกล่าวได้รับการอนุมัติเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (5 ก.ค.) โดยมี Aun Pornmoniroth รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวง MEF เป็นประธาน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ FSA รวมทั้ง Sou Socheat ผู้อำนวยการทั่วไปของ Securities and Exchange Regulator (SERC) ของประเทศกัมพูชา ซึ่งร่างดังกล่าวกำหนดเงื่อนไขและขั้นตอนสำหรับการออกหน่วยลงทุน รวมถึงการดำเนินการของผู้บริหารกองทุนรวม เพื่อเป็นการรับรองกรอบความรับผิดชอบและความโปร่งใส ตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ภายใต้หลักการกฎหมายและข้อบังคับ อีกทั้ง FSA ยังอนุมัติคำขอของบริษัทต่างชาติอย่าง บริษัท Binance KH Co. Ltd. สำหรับการวางแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลใน FinTech Regulatory Sandbox ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนำร่อง แต่ถึงอย่างไร FSA จำเป็นต้องเตรียมการและออกประกาศอื่นเพิ่มเติม เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติที่จำเป็นสำหรับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501321301/fsa-approves-draft-scheme-proclamation/

กระทรวงฯ พร้อมหนุน SMEs เพื่อความยั่งยืน

วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในกัมพูชา ถือมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ด้านกระทรวงอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (MISTI) จึงเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการส่งเสริมให้ SMEs ด้วยหลักการของความยั่งยืนให้เป็นหลักในการดำเนินธุรกิจ ผ่านกลยุทธ์ IBeeC ซึ่งได้หารือกันในระหว่างการประชุม Sustainable Business Forum ที่จัดโดย Oxfam and Young Entrepreneurs Association of Cambodia (YEAC) เพื่อเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ร่วมกับภาคองค์กรพัฒนาเอกชนจะสามารถช่วยให้ SME/MSMEs ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อความยั่งยืนในอนาคต ในขณะเดียวกัน Credit Guarantee Corporation of Cambodia (CGCC) พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการโดยในช่วงที่ผ่านมาองค์กรได้ค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการไปแล้วมูลค่ากว่า 113.6 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสแรกของปีนี้ กระจายไปยังภาคธุรกิจต่างๆ เกือบ 1,300 แห่ง ทั่วประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501321304/ministry-urges-smes-to-embrace-sustainability-inclusiveness/

พาณิชย์หนุนโมเดล “คาเฟ่อเมซอน” ปักหมุด สปป.ลาว

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้นำคณะเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ระหว่างวันที่ 7-8 ก.ค. 2566 และได้พบหารือกับผู้บริหารบริษัท ปตท. และ Cafe Amazon สาขาเมืองหลวงพระบาง เพื่อหารือเรื่องโอกาสการขยายการค้า และการลงทุนใน สปป.ลาว พร้อมเยี่ยมชมกิจกรรมฟาร์มควายนมแห่งแรกของหลวงพระบาง เพิ่มทางเลือกทางโภชนาการสำหรับผู้แพ้นมวัว โดยพบว่า สปป.ลาว เป็นตลาดที่มีศักยภาพสำหรับการลงทุนร้านคาเฟ่ แม้จะเป็นประเทศขนาดเล็กที่มีประชากรเพียง 7.5 ล้านคน แต่เป็นแหล่งปลูกกาแฟที่มีชื่อเสียงของโลก

ทั้งนี้ มูลค่าการค้าระหว่างประเทศไทย-สปป.ลาว ในช่วง 5 เดือนแรก 111,816.37 ล้านบาท ไทยส่งออก 67,564.83 ล้านบาท นำเข้า 44,251.54 ล้านบาท ได้ดุลการค้า 23,313.29 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปี 2565 ที่มีมูลค่าการค้า 112,940.02 ล้านบาท ไทยส่งออก 64,289.16 ล้านบาท นำเข้า 48,650.86 ล้านบาท ได้ดุลการค้า 15,638.3 ล้านบาท

ที่มา : https://www.prachachat.net/economy/news-1343466