เปิดสถิตินักท่องเที่ยวเข้าไทย พบรัสเซียขึ้นอันดับ 2 เฟทโก้เร่งรัฐกระตุ้นก่อนเลือกตั้ง

กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติมาท่องเที่ยวในไทย พบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยในเดือนมกราคม 2566 เข้ามาทั้งสิ้น 2,144,948 คน เพิ่มขึ้น 1,502% โดยนักท่องเที่ยวที่เข้ามามากที่สุด คือ นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย 288,745 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 26,390% อันดับที่ 2 นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย 202,759 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 753% อันดับที่ 3 นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ 169,462 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7,781% อันดับที่ 4 นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย 103,316 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4,867% และอันดับที่ 5 นักท่องเที่ยวชาวจีน 91,841 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2,853% ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ในปี 2565 จากเดิมที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 10 ล้านคน แต่ในความเป็นจริงมีเข้ามามากกว่า 11 ล้านคน ในขณะที่เดือน ม.ค. 66 ก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาถึง 2.2 ล้านคน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ ผลกระทบจากการเลือกตั้ง เพราะในช่วงดังกล่าวนั้นรัฐบาลจะไม่สามารถทำมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นช่วงที่เปลี่ยนผ่าน ดังนั้นตัวช่วยที่จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจะหายไป ดังนั้นภาครัฐควรพิจารณาในเรื่องนี้ด้วย

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/feature/2650218

11 เดือนของปีงบฯ 65-66 เมียนมาส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปแบบ CMP โกยรายได้กว่า 4.7 พันล้านดอลลาร์ฯ

จากสถิติของสมาคมผู้ผลิตเสื้อผ้าเมียนมา เผย 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565-2566 (เดือนเมษายน 2565 ถึงกุมภาพันธ์ 2566) เมียนมาส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปแบบ CMP (Cut, manufacture and produce) สร้างรายได้กว่า 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มในเมียนมาดำเนินธุรกิจโดยผู้ประกอบการในประเทศและต่างประเทศ เช่น  จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไทย ส่วนผู้นำเข้าหลักคือ จีน ไทย สิงคโปร์ รวมถึงประเทศในแถบยุโรป ถือได้ว่าอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มในเมียนมาเป็นแหล่งโอกาสในการทำงานที่สำคัญและเป็นอุตสาหกรรมที่เน้นการผลิตซึ่งจำเป็นต้องใช้แรงงานที่มีทักษะเป็นหลัก ปัจจุบันมีโรงงานทั้งหมด 738 แห่งทั่วประเทศ ประกอบไปด้วยโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า 505 แห่ง โรงงานผลิตรองเท้า 48 แห่ง โรงงานผลิตวิกผม 8 แห่ง รวมถึงโรงงานที่เกี่ยวข้องกับกระเป๋า ชุดกีฬา รองเท้ากีฬา และถุงเท้า 117 แห่ง ฯลฯ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/cmp-garment-export-brings-in-over-4-7-bln-in-11-months-of-this-fy/#article-title

กสิกรไทย บุก เวียดนามเต็มขั้น ตั้งเป้าเป็น 1 ใน 20 ธนาคารใหญ่ที่สุด ภายในปี 2570

กสิกรไทยพร้อมขยายธุรกิจในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จอีกขั้น ด้วยการเติบโตเป็นธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่ติดอยู่ใน 20 อันดับแรกในประเทศเวียดนาม หวังเป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบ (Transactional Ecosystem) ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งแต่กลุ่มองค์กร บริษัทขนาดกลาง กลุ่มค้าปลีก และลูกค้ารายย่อย ตั้งเป้าหมายรายได้สุทธิถึง 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.32 หมื่นล้านบาท มียอดสินเชื่อคงค้างที่ 1.8 แสนล้านบาท และมีฐานลูกค้าเวียดนาม 8.4 ล้านรายภายในปี 2570

ที่มา : https://moneyandbanking.co.th/2023/27969/

“เวียดนาม” ทุ่มเงินนำเข้าน้ำมัน ทะลุ 1.7 พันล้านดอลลาร์

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MoIT) เปิดเผยว่าในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ การนำเข้าน้ำมันเบนซินของเวียดนามเพิ่มขึ้น 56.3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจากข้อมูลของบริษัทจำหน่ายปิโตรเลียมชั้นนำของเวียดนาม “Petrolimex” ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. – 21 ก.พ. ระบุว่าบริษัทได้นำเข้าน้ำมันเบนซิน อยู่ที่ 168,596 ลูกบาศก์เมตร, น้ำมันดีเซล 162,308 ลูกบาศก์เมตร และน้ำมันมาซูท (Mazut) 24,931 ลูกบาศก์เมตร เพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดในประเทศ

นอกจากนี้ จากการคาดการณ์ความต้องการของตลาดในปี 2566 กระทรวงฯ ได้จัดสรรโควตานำเข้าน้ำมันเบนซินและน้ำมันประเภทอื่นๆ ให้กับภาคธุรกิจที่ 27.34 ล้านล้านลูกบาศก์เมตรต่อตัน เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-spends-17-billion-usd-importing-petrol-in-two-months/249567.vnp

“บริษัทเทคจีนยักษ์ใหญ่” วางแผนลงทุน 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเวียดนาม

บริษัทสัญชาติจีน “ซันนี ออปติคอล เทคโนโลยี กรุ๊ป” (Sunny Optical Technology Group) วางแผนที่จะลงทุนในเขตเศรษฐกิจเบน บิ่ญ จังหวัดท้ายเงวียน (Thai Nguyen) เป็นเงินทุนประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมพื้นที่ 26-40 เฮกตาร์ โดยการก่อสร้างโรงงานในเขตเศรษฐกิจแห่งนี้จะใช้ระยะเวลา 5 ปี หลังจากได้รับใบอนุญาตการลงทุนจากหน่วยงานท้องถิ่น ในขณะเดียวกัน โรงงานใหม่แห่งนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการจัดหาวัสดุการผลิตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ นอกจากนี้ ในปัจจุบัน จังหวัดท้ายเงวียน (Thai Nguyen) ยังเป็นที่ตั้งของโรงงานสมาร์ทโฟนที่ใหญ่ที่สุด “ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์” ในเวียดนาม

ที่มา : https://www.channelnewsasia.com/business/chinas-sunny-optical-technology-plans-us25-billion-investment-vietnam-3334711

เมียนมาตั้งเป้าส่งออกหัวหอม ปีงบฯ 66-67 ทะลุ 100,000 ตัน

กระทรวงพาณิชย์เมียนมาตั้งเป้าในปีงบประมาณ 2566-2567 จะส่งออกหัวหอม 100,000 ตัน ไปยังตลาดต่างประเทศ โดยมีแผนในการส่งออก ดังนี้ เดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 จำนวน 300,000 ตัน เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2566 จำนวน 15,000 ตัน เดือนตุลาคมและธันวาคม  2566 จำนวน 20,000 ตัน และเดือนมกราคม-มีนาคม 2567 จำนวน 35,000 ตัน ซึ่งตลาดส่งออกสำคัญได้แก่ เวียดนาม ไทย บังกลาเทศ และจีน ด้านราคาหัวหอมในประเทศจะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,000 ถึง 1,750 จัตต่อ viss จากความต้องการในประเทศลดลงทำให้ราคาตลาดดิ่งลงอย่างมาก ทั้งนี้ จากสถิติของกระทรวงเกษตร ปศุสัตว์ และชลประทาน ในปีงบประมาณ 2561-2562 การเพาะปลูกหัวหอมในเมียนมาครอบคลุมพื้นที่กว่า 170,000 เอเคอร์ มีผลผลิตเฉลี่ย 3,600 viss ต่อเอเคอร์ โดยภาคมัณฑะเลย์มีผลผลิตคิดเป็นร้อยละ 36 ของผลผลิตหัวหอมทั้งประเทศ รองลงมาคือภาคซะไกง์ ร้อยละ 32 และภาคมะกเว ร้อยละ 26

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-to-export-100000-tonnes-of-onions-in-fy-2023-2024/#article-title

‘ภาวะเงินเฟ้อ’ กดดันประเทศในเอเชีย ใช้นโยบายการเงินเข้มงวดขึ้น

รายงานของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ฉบับใหม่ ระบุว่าแรงกดดันเงินเฟ้อที่สูงขึ้นของหลายประเทศในเอเชีย รวมถึงสปป.ลาว ผลักดันให้มีการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อที่มีผลต่อเศรษฐกิจ รวมถึงสร้างผลกระทบต่ออุปสงค์ภายนอกและทิศทางการส่งออกของภูมิภาคที่แย่ลง ทั้งนี้ สปป.ลาว มีอัตราเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในเอเชีย และคนจำนวนมากมีรายได้ที่ต่ำ ทำให้ต้องหันไปซื้อสิ้นค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต

อีกทั้ง สำนักงานสถิติของสปป.ลาว เปิดเผยว่าอัตราเงินเฟ้อ ในเดือน ก.พ.2566 เพิ่มขึ้น 41.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นจากเดือน ม.ค. ที่ 40.3% การปรับเพิ่มขึ้นของราคาในครั้งนี้ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของราคาอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (49.3%) ในขณะเดียวกัน แขวงคำม่วน มีอัตราเงินเฟ้อที่สูงที่สุดของประเทศ (49.82%) รองลงมาแขวงเวียงจันทน์และแขวงหลวงพระบาง เป็นต้น

ที่มา : https://vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_Inflation48.php

ปริมาณรถยนต์และรถจักรยานยนต์ภายในกัมพูชาเพิ่มขึ้นกว่า 11.3%

กัมพูชารายงานจำนวนยานพาหนะที่จดทะเบียนในประเทศ เพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปีที่ร้อยละ 11.3 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตามระบบการจัดการทะเบียนรถ ของกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง (MPWT) โดยจำนวนยานพาหนะที่จดทะเบียนในประเทศนับตั้งแต่ปี 1990-2022 มีจำนวนมากกว่า 6.7 ล้านคัน ซึ่งคิดเป็นรถจักรยานยนต์จำนวน 5.7 ล้านคัน, รถยนต์ขนาดเล็ก 728,294 คัน และรถบรรทุก 285,271 คัน ในขณะเดียวกัน จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่จดทะเบียน (EV) ที่จดทะเบียนในกัมพูชาก็เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของจำนวนรถยนต์ โดยจากรายงานล่าสุด การจดทะเบียนรถ EV เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 1,000 ในปีที่แล้ว หรือคิดเป็นจำนวนรวมกว่า 700 คัน ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของรถ EV ในกัมพูชา รวมถึงรัฐบาลกัมพูชายังพร้อมสนับสนุนภาคเอกชนในการสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อรองรับความต้องการในอนาคต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501251641/cambodias-vehicle-population-grows-by-11-3/