EDL-Generation Plc (EDL-Gen ผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่สปป.ลาว กำลังมองหาพันธมิตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ

บริษัทใหญ่ EDL-Generation Plc (EDL-Gen) ผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ของสปป.ลาว กำลังมองหาพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรวม 25% เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้นตั้งเป้าจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2,435 เมกะวัตต์ภายในปี 2572 จาก 1,949 เมกะวัตต์ในปัจจุบัน EDL-Generation Plc (EDL-Gen) มุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายของรัฐบาลสปป.ลาวในการเป็น “แบตเตอรี่แห่งเอเชีย” ผ่านโรงไฟฟ้าพลังน้ำซึ่งสามารถผลิตได้มากถึง 30,000 เมกะวัตต์ทั่วประเทศอีกทั้งบริษัท กำลังส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์ มาเลเซียและสิงคโปร์ซึ่งเป็นตลาดใหม่ของสปป.ลาวผ่านโครงการ “Asean Power Grid” EDL-Gen ไม่เพียงแค่สริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในอาเซียน แต่ยังมุ่งมันที่จะพัฒนาพลังงานควบคู่ไปกับสิ่งแวดล้อมที่ดีอีกด้วยตามแนวทางของรัฐบาลที่วางไว้

ที่มา : https://www.bangkokpost.com/business/2106631/lao-power-generation-firm-seeking-partners-to-boost-capacity

“EXIM BANK” ออกสินเชื่อวงเงิน 20 ล.ดอกเบี้ย 3.99% ช่วย SMEs ใน CLMV

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ ธสน. (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ธสน. ได้ดำเนินการออกมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี (SMEs) ใน ตลาด CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ซึ่งประกอบด้วยมาตรการสินเชื่อ CLMV อุ่นใจ เป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการไทยใน CLMV ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 (Covid-19) และสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ วงเงินสูงสุด 20 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 3.99% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 3 ปี ใช้เพียงหนังสือค้ำประกันของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็นหลักประกันร่วมกับบุคคลหรือนิติบุคคลค้ำประกันได้ ทั้งนี้ ตลาด CLMV ไต่อันดับขึ้นมาเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 CLMV เป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 4 ของไทย รองจากสหรัฐฯ อาเซียนเดิม 5 ประเทศ และจีน ตามลำดับ อย่างไรก็ดี จากการติดตามสถานการณ์ความไม่สงบภายในเมียนมาอย่างใกล้ชิดและประเมินผลกระทบต่อลูกค้า ผู้ประกอบการไทยเริ่มได้รับผลกระทบจากการชำระเงินล่าช้าและการชะลอคำสั่งซื้อของคู่ค้าในเมียนมา EXIM BANK จึงได้พิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการผ่านมาตรการต่าง ๆ ตามความจำเป็นอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : https://www.thansettakij.com/content/477549

‘CPTPP’ เปิดโอกาสดันส่งออกเวียดนามไปตลาดสหรัฐฯ

จากงานสัมมนา “CPTPP – โอกาสส่งออกเวียดนามในตลาดสหรัฐฯ” เมื่อวันที่ 27 เมษายน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เผยว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างเวียดนามและสหรัฐฯ เติบโตอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ที่มีผลบังคับใช้ในเวียดนามเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2562 ซึ่งเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกแรกนั้น การค้าระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ อยู่ที่ 111.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปี 2562 ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปีนี้ เวียดนามมีมูลค่าการส่งออกที่ขยายตัวในกลุ่มประเทศ CPTPP โดยเฉพาะแคนาดา ชิลี เม็กซิโกและเปรู อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีช่วยฯ แนะให้บริษัทเวียดนามทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศสมาชิก เพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจและกระจายตลาดส่งออกและสินค้า

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/cptpp-opens-up-prospects-for-vietnams-exports-to-the-americas/200708.vnp

ข้าวพันธุ์เวียดนาม “ST25” เป็นข้าวที่ดีที่สุดในโลก แต่เผชิญกับความเสี่ยงกับการสูญเสียแบรนด์

เครื่องหมายการค้า “สายพันธุ์ข้าว ST25” ของเวียดนาม ถือเป็นข้าวหอมที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2562 มีแนวโน้มที่จะตกไปอยู่กับมือนักธุรกิจชาวอเมริกันในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทเวียดนามดำเนินการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าล่าช้า ข้อเท็จจริงดังกล่าว ชี้ว่ามีจำนวนบริษัทสหรัฐฯ 5 แห่งอยู่ในขั้นตอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสำหรับสายพันธุ์ข้าว ST25 สิ่งนี้ได้ส่งสัญญาเตือนไปยังบริษัทในท้องถิ่นให้ปกป้องสินค้าเกษตรของเวียดนามในตลาดต่างประเทศ ทั้งนี้ คุณ Nguyen Tri Hieu นักเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่าสินค้าส่งออกทางการเกษตรของเวียดนามในตลาดโลกนั้น ยังมีสินค้าอีกจำนวนมากที่ตามหลังประเทศอื่น ในประเด็นของความน่าเชื่อถือของตราสินค้า สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าการจดทะเบียนแบรนด์และทรัพย์สินทางปัญญายังคงเป็นจุดอ่อนของผู้ส่งออกสินค้าเกษตรของเวียดนาม

ที่มา : http://hanoitimes.vn/local-enterprises-urged-to-learn-from-potential-loss-of-st25-rice-brand-in-us-317118.html

HLH ร่วมกับ CMEC พัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 200 เมกะวัตต์ในกัมพูชา

นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Hong Lai Huat Group Ltd (SGX: CTO) และ China Machinery Engineering Corp (HKG: 1829) หรือ CMEC ได้ร่วมมือกันพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 200 เมกะวัตต์ที่ Aoral Eco-City ในกัมพูชา โดย HLH และ CMEC ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน (MoU) เพื่อสร้างนิติบุคคลเฉพาะกิจ (SPV) และทำงานร่วมกันเป็นเวลาอย่างน้อย 20 ปี ซึ่งโครงการดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชาตามที่ผู้จัดการทั่วไปและกรรมการบริหารของ HLH ได้กล่าวไว้ โดย Aoral Eco-City เป็นโครงการ “การพัฒนาเมืองเชิงนิเวศเกษตรผสมผสานขนาดใหญ่” ที่พัฒนาโดย HLH ภายในกัมพูชา ด้วยการสร้างสวนพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ โดยใช้เงินลงทุนทั้งหมดประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง CMEC จะเป็นฝ่ายกำหนดโซลูชันที่เกี่ยวกับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจรสำหรับโครงการนี้ เมื่อเสร็จสิ้นสวนพลังงานแสงอาทิตย์จะสามารถขายไฟฟ้าให้กับ Electricite du Cambodge (EDC) ของรัฐ

ที่มา : http://khmertimeskh.com/50846094/hlh-cmec-to-co-develop-200-mw-solar-project-in-cambodia/

ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในกัมพูชาต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐฯ

ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) กำลังมองว่าโครงสร้างพื้นฐานใยแก้วนำแสงภายในประเทศกัมพูชา ที่กำลังจะเสื่อมสภาพลง จึงเห็นถึงปัญหาที่จำเป็นต้องแก้ไขเป็นการเร่งด่วน เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ในเมืองหลวงต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ตเพื่อทำงานจากที่บ้าน โดยบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตกล่าวว่า ณ ปัจจุบันไม่สามารถดูแลรักษาสายไฟเบอร์ออปติกที่สำคัญได้อย่างทั่วถึงและเหมาะสม เพื่อให้แน่ใจว่าการให้บริการอินเทอร์เน็ตของบริษัทจะเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพและรวดเร็ว ซึ่งจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในกัมพูชาเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.4 (ประมาณ 1.1 ล้านคน) ในปี 2020 โดยในปัจจุบันทางการกัมพูชาอนุญาตให้พนักงานเดินทางเพื่อทำการปรับปรุงโครงข่ายได้เพียงร้อยละ 2 ของจำนวนพนักงานทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายได้อย่างครอบคลุม บริษัทจึงได้เรียกร้องให้รัฐบาลช่วยผ่อนคลายมาตรการ เพื่ออำนวยให้การดูแลเครือข่ายเป็นไปได้อย่างทั่วถึง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50845942/internet-providers-need-more-staff-to-maintain-networks/

คณะกรรมการจัดหางานต่างประเทศของเมียนมาเผยถึงปัญหาแรงงานข้ามชาติ

คณะกรรมการกำกับการจัดหางานนต่างประเทศได้จัดประชุม (ครั้งที่ 1/2564) ที่กระทรวงแรงงานตรวจคนเข้าเมืองและประชากรเมื่อวานนี้ ซึ่งได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่จำนวน 18 คน จากผลการประชุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสหภาพแรงงาน เผยว่าตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 63 ได้เพิ่มค่าธรรมเนียมหน่วยงานเป็น 25 ล้านจัตจาก 5 ล้าจัตเพื่อให้บริษัท จัดหางานในต่างประเทศที่ได้รับใบอณุญาติที่ให้เพิ่มความรับผิดชอบมากขึ้น และกำจัดหน่วยงานที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ระหว่างประชุม นาย U Myint Kyaing ประธานคณะกรรมการสหภาพแรงงาน กล่าวว่าสหภาพฯ ให้ความสำคัญกับการนำชาวเมียนมา 1,086 คน กลับจากมาเลเซียในผ่านทางเรือ 3 ลำในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ และ 70 คนจากอินเดียเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ที่ผ่านมา ขณะนี้รัฐบาลกำลังเจรจากับรัฐบาลไทยเพื่อจัดตั้งหน่วยงาน 5 แห่งสำหรับแรงงานที่ทำงานในไทยภายใต้ MoU เพื่อต่ออายุวีซ่าของไปอีก 5 ปี ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงได้กล่าวถึงแผนการทำงานที่มีประสิทธิภาพของคณะกรรมการความร่วมมือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อโอกาสในการทำงานของแรงงานเมียนมา

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/overseas-employment-supervisory-committee-discusses-migrant-workers-issues/