“เด็กรุ่นใหม่เวียดนาม” ไลฟ์สดขายของ สร้างรายได้มหาศาล

นีลเส็นไอคิว (Nielsen IQ) เผยข้อมูลจากรายงานพบว่าเทรนด์การจับจ่ายซื้อของผ่านการรับชมคอนเทนต์ กำลังเติบโตสูงขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก แสดงให้เห็นจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่อยู่ในกลุ่ม ‘Omni Shopper’ นิยมซื้อของออนไลน์และมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นในประเทศเอเชีย การซื้อของแบบ ‘Omni Shopping’ สูงถึง 79% เนื่องจากผู้บริโภคมีความคุ้นเคยในการซื้อของออนไลน์ ทั้งนี้ ผู้บริโภคเวียดนามที่อยู่ในกลุ่มดังกล่าว มีสัดส่วนราว 57% ของกลุ่มผู้บริโภคทั้งหมด โดยตามข้อมูลสถิติชี้ให้เห็นว่าการซื้อของออนไลน์ได้รับความนิยมและเติบโตอย่างรวดเร็ว มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซในปี 2564 สูงถึง 13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ สมาคมอีคอมเมิร์ซเวียดนาม (VECOM) เปิดเผยว่าผู้คนที่ทำอาชีพนักสร้างคอนเทนต์ในเวียดนาม มีจำนวนประมาณ 200,000 ราย และราว 1,000 รายที่สามารถทำรายได้เกินกว่า 5,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน หลายคนยังมีรายได้หลายร้อยล้านดองต่อเดือน

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnamese-youth-earn-big-from-live-shopping-post981246.vov

“เวียดนาม” เผยอัตราว่างงาน 2.3%

นาย Dao Ngoc Dung รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเวียดนาม ทุพพลภาพ และสวัสดิการสังคมเวียดนาม เปิดเผยว่าผู้มีงานทำมีจำนวนทั้งสิ้น 51.9 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 68.7% อยู่ในกลุ่มวัยทำงาน ไม่นับแรงงานนอกระบบ ในขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำที่ 2.3% โดยเศรษฐกิจเวียดนามฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้การว่างงานในประเทศจึงอยู่ในระดับต่ำ แรงงานชาวเวียดนามในปัจจุบันมีส่วนสำคัญต่อธุรกิจต่างชาติ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเชื้อเพลิง ​วิศวกรรมแมคคาทรอนิกส์และโทรคมนาคม อย่างไรก็ตาม มีข้อที่น่าสังเกตว่าตลาดแรงงานในประเทศยังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญระดับสูงและแรงงานจำนวนมากที่ไม่ได้ทำสัญญาจ้างงาน ทั้งนี้ หน่วยงานรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องได้จัดทำแบบจำลองของโครงการฝึกอบรมทักษะที่มีอยู่ในประเทศพัฒนาแล้ว ได้แก่ เยอรมนี ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย เพื่อยกระดับศักยภาพทั้งด้านการศึกษาและทักษะการทำงาน

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnams-unemployment-rate-reported-at-2-3/

“เศรษฐกิจดิจิทัล” เวียดนามโตเร็วสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตามข้อมูลจาก กูเกิล (Google) ร่วมกับ เทมาเส็ก (Temasek) และ เบน แอนด์ คอมพานี (Bain & Company) เปิดเผยว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามจะเติบโตเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยคาดว่ามูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามแตะ 23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ เพิ่มขึ้น 28% แรงผลักดันที่ทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามเติบโตสูงขึ้นมาจาก ‘อีคอมเมิร์ซ’ ที่มีอัตราการขยายตัว 26% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ทั้งนี้ เวียดนามเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่กลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งจากการสำรวจพบว่าผู้บริโภคดิจิทัลส่วนใหญ่ราว 90% ต้องการใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดยให้ความสำคัญกับการบริการจัดส่งอาหาร (60%) และการส่งของออนไลน์ (54%)

นอกจากนี้ ตามรายงานยังระบุว่าผู้บริโภคมีนิสัยในการซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์ และ 8 ใน 10 คนยังคงซื้อของออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพราะว่ามีความสะดวก

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-has-highest-digital-economy-growth-in-southeast-asia-2075889.html

“ฟิทช์” คงเรตติ้งเวียดนามที่ BB สะท้อนเชิงบวก

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) หน่วยงานจัดอันดับความน่าเชื่อถือ คาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัว 7.4% ในปี 2565 เป็นผลสืบเนื่องจากภาคอุตสาหกรรม การก่อสร้างและการบริการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตลอดจนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามายังประเทศเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เวียดนามยังมีความเสี่ยงด้านลบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ดังนั้นทางหน่วยงานฟิทช์ เรทติ้งส์ จึงปรับลดคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจที่ 6.2% ในปี 2566 ด้วยเหตุนี้ ฟิทช์ เรทติ้งส์ คงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของเวียดนามไว้ที่ ‘BB’ ด้วยแนวโน้มเป็นบวก

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/fitch-ratings-affirms-vietnam-at-bb-with-positive-outlook-2075843.html

Lee Jae-yong ประธานกรรมการบริหาร “ซัมซุง” เยือนเวียดนาม ปลายปีนี้

อี แจยอง (Lee Jae-yong) ประธานกรรมการบริหารบริษัทซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (Samsung Electronics) คาดว่าจะเดินทางไปเวียดนามในช่วงปลายปีนี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับการบริหารจัดการของธุรกิจและแสวงหาโอกาสใหม่ๆ สื่อเกาหลีใต้ “Korea Times” ได้อ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ชี้ว่าคุณอี แจยอง จะไปเยี่ยมชมศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ในเวียดนาม มูลค่าการก่อสร้างอยู่ที่ 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ ในปัจจุบันเวียดนามถือเป็นฐานการผลิตของบริษัทซัมซุง และจะมีการดำเนินก่อสร้างโรงงานสมาร์ทโฟน 2 แห่ง รวมถึงโรงงานผลิตโทรทัศน์และเครื่องใช้ในครัวเรือน โดยโรงงานดังกล่าวสามารถผลิตสมาร์ทโฟนให้กับบริษัทซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ มากกว่า 50% ที่จำหน่ายไปทั่วโลก

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/samsung-chairman-lee-jae-yong-to-visit-vietnam-late-this-year-post980809.vov

“เวียดนาม” เผย 10 เดือนแรกปี 65 ลงทุนต่างประเทศ 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนพบว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2565 เวียดนามมีมูลค่าการลงทุนในต่างประเทศ รวมทั้งสิ้นเกินกว่า 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีโครงการใหม่จำนวน 90 โครงการ หรือราว 390.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.8% เท่า เมื่อเทียบปีต่อปี สำหรับกลุ่มประเทศที่เวียดนามไปลงทุนในต่างประเทศมากที่สุด คือ สิงคโปร์ มีมูลค่าการลงทุนที่ 75.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 20 โครงการ รองลงมาสปป.ลาว สหรัฐฯ เยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ เป็นต้น ทั้งนี้ ภาคเอกชนเวียดนามส่วนใหญ่ลงทุนในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป รวม 224 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อสังหาริมทรัพย์ การขุดเหมืองแร่และค้าปลีกค้าส่ง

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-invests-over-450-million-usd-overseas-in-10-months/242994.vnp

“เวียดนาม” เผย 10 เดือนแรกปี 65 ดัชนีราคาผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 2.89%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 2.89% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เพิ่มขึ้น 2.14% สาเหตุสำคัญที่ทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้นมาจากราคาน้ำมัน อีกทั้ง การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว ผู้คนเริ่มกลับมาทานอาหารที่ร้านอาหาร ส่งผลให้ราคาอาหารนอกบ้าน เพิ่มขึ้น 4.6% ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ รวมถึงราคาบ้านและวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในช่วงเวลาดังกล่าวก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าการขยายตัวของดัชนีราคาผู้บริโภค (2.89%) บ่งชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของราคาผู้บริโภคส่วนใหญ่มาจากความผันผวนของราคาอาหารและราคาน้ำมัน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/tenmonth-cpi-increases-289-year-on-year/242941.vnp

“เวียดนาม” เผยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในช่วง 10 เดือนแรกปี 65 ดิ่งลงฮวบ

กรมส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศ (FIA) กระทรวงการวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่าในภาพรวม ถึงแม้เวียดนามจะมีการเบิกจ่ายเงินลงทุนสำหรับโครงการ FDI เพิ่มขึ้นในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ แต่กระแสการลงทุนจากต่างประเทศกลับชะลอตัว เนื่องจากสถานการณ์โลกที่ยังคงมีความไม่แน่นอนและมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข็มงวด อย่างไรก็ตามเวียดนามยังได้รับโครงการขนาดใหญ่หลายแห่งที่มีการปรับเพิ่มเงินทุน ยกตัวอย่างเช่น Samsung Electro-Mechanics Vietnam ซึ่งปรับเพิ่มเงินทุนจำนวนสองครั้ง คิดเป็นมูลค่า 920 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 267 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนชาวสิงคโปร์ยังคงเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม มีการลงทุนรวม 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 23.8% ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด รองลงมาญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1349530/ten-month-foreign-investment-declines-fia.html

“ฮานอย” ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 1 ล้านคน ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้

กรมการท่องเที่ยวจังหวัด เปิดเผยว่าเมืองฮานอยรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาแล้วกว่า 983,000 คน ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ เกือบจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปี 1-1.2 ล้านคน ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบัน นักท่องเที่ยวกว่า 15.38 ล้านคนเลือกเมืองหลวงเป็นจุดหมายปลายทาง เพิ่มขึ้น 5 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว รวมถึงนักท่องเที่ยวในประเทศ 14.4 ล้านคน ในขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวอยู่ที่ประมาณ 43.69 ล้านล้านดอง (1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/hanoi-attracts-almost-1-million-international-tourists-in-10-months/240800.vnp

“เวียดนาม” เล็งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด

ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่าเวียดนามต้องวางรากฐานที่แข็งแกร่งในการเปลี่ยนผ่านจากระบบเครื่อนยนต์สันดาปมาเป็นระบบไฟฟ้าภายใต้แผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ตามรายงานชี้ให้เห็นว่าภาคการขนส่งของโลกในปัจจุบัน มีการบริโภคน้ำมัน 55% และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 25% ของทั้งหมด โดยตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกขยายตัวอย่างก้าวกระโดด มีจำนวนรถยนต์ไฟฟ้า 17 ล้านคันในปี 2564 สูงกว่าปีนี้กว่า 2.5 เท่า ทั้งนี้ สถาบันยุทธศาสตร์และพัฒนาการขนส่งของเวียดนาม เปิดเผยว่าเวียดนามมีข้อได้เปรียบในการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงมีความพร้อมทางด้านเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะรถยนต์ รถโดยสารและรถบรรทุกขนาดเล็ก จากสาเหตุข้างต้นทำให้รถยนต์ไฟฟ้าจึงมีราคาถูก และมองว่าในปี 2569-2573 ราคารถยนต์ไฟฟ้าจะเทียบเท่ากับรถยนต์พลังงานฟอสซิล

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-plans-for-low-cost-electric-vehicles-2073537.html