ถั่วลิสงล้นตลาด กระทบราคาน้ำมันถั่วลิสง ดิ่งลงอย่างหนัก

ผู้ค้าในมัณฑะเลย์ เผย  ผลผลิตถั่วลิสงจำนวนมากที่ส่งไปขายยังตลาดมัณฑะเลย์ ส่งผลให้ราคาน้ำมันถั่วลิสงลดลงเหลือ 12,000 จัตต่อ viss จากเดือนก่อน ที่ 14,000 จัตต่อ viss โดยราคาของผลผลิตถั่วเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 7,000-7,600 จัตต่อ viss แต่ราคาในสัปดาห์นี้ร่วงลงเหลือ 6,300-7,000 จัตต่อ viss เนื่องจากผลผลิตออกมาล้นตลาดจึงส่งผลให้ราคาน้ำมันถั่วลิสงลดลงไปด้วย จากสถานการณ์ดังกล่าวย่อมส่งผลดีต่อผู้บริโภคภายในประเทศ ทั้งนี้ การปลูกถั่วลิสงในเมียนมาส่วนใหญ่มีการเพาะปลูกในภูมิภาคมัณฑะเลย์ ภาคซะไกง์ ภาคมะกเว และเขตอิระวดี ซึ่งนอกเหนือจากการผลิตเพื่อการบริโภคในประเทศแล้ว เมียนมายังส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศอีกด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/abundant-supply-of-peanuts-slashes-peanut-oil-prices/

เดือนม.ค. 66 นทท.ต่างชาติเยือนเมียนมา พุ่ง 214%

กระทรวงโรงแรมและการท่องเที่ยวของเมียนมา เผย นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าเมียนมาในเดือนมกราคม 2566 อยู่ที่ 35,722 คน เพิ่มขึ้นถึง 214% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศเพียง 11,372 คน ซึ่งก่อนการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปี 2562 มีนักเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าเมียนมามากกว่า 4.36 ล้านคน แต่ภายหลังจากการแพร่ระบาดพบว่านักท่องเที่ยวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565  มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียง 230,000 คน เท่านั้นที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในเมียนมา

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/international-tourist-arrivals-surge-by-214/

ประชาชนสปป.ลาวกว่า 1 ล้านคน เผชิญปัญหาความไม่มั่งคงทางอาหาร

องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และโครงการอาหารโลก (WFP) รายงานว่าประชาชนมากกว่า 1 ล้านคน ต้องทนทุกข์จากความไม่มั่งคงทางอาหารอย่างเฉียบพลัน ทำให้เกิดความกังวลต่อวิกฤตความมั่งคงทางอาหารในสปป.ลาว โดยประชาชนกว่า 1.04 ล้านคน (13.9% ของประชากรทั้งประเทศ) ได้รับการประเมินว่ามีความไม่มั่งคงทางอาหารอย่างเฉียบพลันอยู่ในระดับปานกลาง และคนกว่า 71,000 คน (0.9% ของประชากร) อยู่ในภาวะไม่มั่งคงทางอาหารเฉียบพลันขั้นรุนแรง สาเหตุของสถานการณ์ดังกล่าวมาจากราคาอาหารและเชื้อเพลิง ตลอดจนปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะเดียวกัน กำลังซื้อและรายได้ครัวเรือนที่ลดลงและผลกระทบจากภัยธรรมชาติในปี 2565

นอกจากนี้ สำนักงานสถิติประเทศลาว (LSB) ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงเพิ่มสูงขึ้น และพุ่งขึ้นสู่ระดับ 41.3% ในเดือน ก.พ. เมื่อเทียบรายปี เพิ่มขึ้นจาก 40.3% ในเดือน ม.ค.

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten56_Over_1_y23.php

กัมพูชาอนุมัติโครงการลงทุน 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 16 ล้านดอลลาร์

สภาเพื่อการพัฒนาแห่งกัมพูชา (CDC) ได้อนุมัติโครงการลงทุนใหม่ 3 โครงการ ด้วยเม็ดเงินลงทุนรวม 16.2 ล้านดอลลาร์ โดยโครงการแรกเป็นของ บริษัท Dazhengxuan (Cambodia) Industrial Co., Ltd., Xin Yuan Cheng Factory Co., Ltd. และ Xu Wei Garment (Cambodia) Co., Ltd. ซึ่งทั้ง 3 บริษัท จะลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตร่ม, เสื้อกันฝน, ผ้าม่าน, ผ้าเช็ดโต๊ะ, พื้นรองเท้า และเสื้อผ้า ในจังหวัดพนมเปญและจังหวัดกันดาล โดยคาดว่าจะมีการสร้างงานมากกว่า 3,000 ตำแหน่ง ให้กับคนในท้องถิ่น ขณะที่สภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ได้อนุมัติโครงการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรมูลค่ารวมกว่า 4.685 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2022 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่ง CDC ได้ออกใบรับรองการลงทะเบียนขั้นสุดท้ายสำหรับโครงการลงทุนใหม่ (นอกเขตเศรษฐกิจพิเศษ: SEZ) โดยมีมูลค่ารวม 3.45 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 49 เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่โครงการลงทุนที่จดทะเบียนในเขต SEZ ลดลงร้อยละ 39 คิดเป็นมูลค่ารวม 1.24 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2023 CDC ได้อนุมัติโครงการลงทุนภาคเอกชนใหม่ 27 โครงการ มีมูลค่าสะสม 198.2 ล้านดอลลาร์ และสร้างงานทั้งหมด 39,914 ตำแหน่ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501258971/three-more-investment-projects-worth-over-16-million-approved/

จุดผ่านแดน สะตึงบท-หนองเอี่ยน ระหว่างกัมพูชา-ไทย แล้วเสร็จกว่า 80%

Sun Chanthol รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง ระบุว่า ณ เดือนมีนาคม 2022 โครงการจุดผ่านแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ในบริเวณสะตึงบท-หนองเอี่ยน ซึ่งใช้เงินลงทุนประมาณ 26.42 ล้านดอลลาร์ เป็นการร่วมลงทุนระหว่างทางการกัมพูชาและไทย ปัจจุบันการก่อสร้างแล้วเสร็จไปแล้วประมาณร้อยละ 82.30 โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2022 ล่าช้าไปกว่ากำหนดการ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งโครงการดังกล่าวมีจุดประสงค์หลักเพื่อลดสภาพการจราจรที่ติดขัดในจังหวัดปอยเปต รวมถึงเป็นการกระตุ้นภาคการค้าและภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศระหว่างกัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501259155/cambodia-thailand-stung-bot-ban-nong-ian-international-border-crossing-more-than-80-percent-completed/

บริษัทสหรัฐฯ เล็งสำรวจโอกาสลงทุนในเวียดนาม

ตัวแทนของบริษัทในสหรัฐฯ มากกว่า 50 แห่งจะเดินทางเยือนเวียดนามระหว่างวันที่ 21-22 มีนาคม เพื่อหารือเกี่ยวกับการลงทุนและโอกาสทางธุรกิจภายใต้โครงการประจำปีที่จัดขึ้นโดยสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน ทั้งนี้ คุณ Vũ Tự Thành ตัวแทนสภาธุรกิจเวียดนาม กล่าวว่าองค์กรได้จัดงานดังกล่าวมาเป็นระยะเวลากว่า 30 ปี และในครั้งนี้นับว่าเป็นภารกิจที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาในประเทศ บริษัทสหรัฐฯ บางรายมีมุมมองที่น่าสนใจกับเวียดนามในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการผลิตและผู้ให้บริการ รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวสูงถึง 8% ในปีที่แล้ว โดยหนึ่งในบริษัทสหรัฐฯ คือ สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ที่ต้องการให้บริการอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในเวียดนามและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค และยังรวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ได้แก่ Pfizer, Johnson & Johnson, Abbott, Visa, Citibank, Meta และ Amazon เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1499610/spacex-apple-pfizer-among-us-businesses-exploring-investment-opportunities-in-vie-t-nam.html

“เศรษฐกิจเวียดนาม” ฟื้นตัวแข็งแกร่ง

การรักษาความสมดุลและเสถียรภาพของเศรษฐกิจ ถือเป็นความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากสถานการณ์โลกในปัจจุบันอยู่ในช่วงความไม่แน่นอนและมีโอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2565 พบว่าภาคเกษตร ป่าไม้ และประมง และภาคอุตสาหกรรม มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญที่ 3.36%, 7.78% และ 9.99% ตามลำดับ ตามมาด้วยผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนใหม่และธุรกิจที่กลับมาดำเนินกิจการ มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ยอดการค้ารวมของเวียดนาม อยู่ที่ 732.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเวียดนามมียอดเกินดุลการค้า 11.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสถิติสูงที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ความพยายามในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของเวียดนามกำลังเผชิญกับความยากลำบาก ตลอดจนความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก สาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน และแรงกดดันเงินเฟ้อ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-economy-seeing-strong-recovery/250088.vnp

โรงงานผลิตยางรถยนต์ของจีนแห่งใหม่ เริ่มดำเนินการในกัมพูชาแล้ว

โรงงานผลิตยางรถยนต์ ซึ่งลงทุนโดยนักลงทุนจีนในเขตเศรษฐกิจพิเศษสีหนุวิลล์ (SSEZ) ของกัมพูชา ได้เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการแล้วในวันเสาร์ (18 มี.ค.) ที่ผ่านมา หลังจากได้รับการอนุมัติและเริ่มก่อสร้างกว่าหนึ่งปี โดยโรงงานดังกล่าวลงทุนด้วยมูลค่ารวมกว่า 300 ล้านดอลลาร์ ในนาม บริษัท General Tire Technology (กัมพูชา) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Jiangsu General Science Technology ผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ของจีน ขณะที่ด้าน Gu Cui ประธาน Jiangsu General Science Technology กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าผลิตยางเรเดียลกึ่งเหล็ก 5 ล้านเส้น และยางเรเดียลเสริมเหล็กกล้า 900,000 เส้นต่อปี โดยจะทำการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ยุโรป และบราซิลเป็นหลัก ผ่านสิทธิพิเศษของ SSEZ ซึ่งโรงงานดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 18 เฮกตาร์ สร้างการจ้างงานให้กับคนในท้องถิ่นประมาณ 1,600 ตำแหน่ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501257581/chinese-invested-tire-factory-in-cambodia-goes-into-operation/

2022 กัมพูชาสร้างรายได้จากภาคการท่องเที่ยวแตะ 1.4 พันล้านดอลลาร์

กัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.28 ล้านคนในปีที่แล้ว สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นการขยายตัวกว่าร้อยละ 667 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2021 รายงานโดยกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา ซึ่งการเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการเปิดประเทศ รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการด้านสุขภาพต่อสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจำนวน 13,597 แห่ง สร้างการจ้างงานให้กับคนในท้องถิ่นกว่า 320,000 ตำแหน่ง ขณะที่รัฐบาลกัมพูชาได้กำหนดให้ปี 2022-2023 เป็นปีแห่งการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวของกัมพูชาหลังประสบกับวิกฤตโควิด-19 ซึ่งในปี 2023 กัมพูชาตั้งเป้าต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างน้อย 4 ล้านคน ผ่านแคมเปญ “Visit Cambodia Year 2023” ซึ่งได้เปิดตัวไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยในปี 2019 ช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาด กัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 6.6 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 4.92 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นร้อยละ 12.1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501257327/foreign-tourist-arrivals-generated-1-4-billion-in-2022/

ททท.จัดอีเวนต์สงกรานต์ยิ่งใหญ่ 5 ภาค ดัน ‘คนไทย-ต่างชาติ’ เที่ยวไทยทั้งเดือนเมษาแตะ 20 ล้านคน

เมื่อวันที่ 18 มีนาคม น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 มองว่าจะมีความคึกคักมากกว่าปี 2562 ก่อนเกิดการระบาดโควิด-19 เนื่องจากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมีการเติบโตขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับช่วงเกิดโควิด 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง ททท.คาดการณ์ว่าการเดินทางในประเทศทั้งเดือนเมษายน 2566 อยู่ที่ 17-20 ล้านคน/ครั้ง โดยได้แรงสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวในเดือนเมษายนนี้ หรือเทศกาลสงกรานต์นั้น นอกจากจะมีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ที่สามารถช่วยลดต้นทุนการเดินทางให้ผู้เข้าร่วมโครงการในด้านที่พักได้แล้ว ยังมีคูปองอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า 600 บาทต่อวัน ที่สามารถใช้จ่ายในร้านที่เข้าร่วมโครงการด้วย ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายได้มากขึ้นอีก รวมถึง จะมีการจัดงานเพื่อเฉลิมฉลองสงกรานต์แบบยิ่งใหญ่ เป็นวิจิตรสงกรานต์ 5 ภาค และการส่งเสริมการขาย อันซีนต่างๆ อาทิ แคมเปญ 365 วันเที่ยวได้ทุกวัน การจัดงานใหญ่ต่างจังหวัดต่างๆ อย่างหาดใหญ่มิดไนต์สงกรานต์ อีกทั้งมองว่าช่วงสงกรานต์เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะเที่ยวบินกลับมาได้มากขึ้น ยิ่งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยให้ฟื้นตัวสูงขึ้นอีก

ที่มา: https://www.matichon.co.th/region/news_3880763