ตลาดค้าปลีกเวียดนาม ทะยาน 163.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อีก 5 ปีข้างหน้า

ตลาดค้าปลีกของเวียดนามมีแนวโน้มเติบโต 11.4% ในช่วงปี 2565-2570 คิดเป็นมูลค่า 163.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางภาวะการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงสูงขึ้นในอุตสาหกรรมค้าปลีกที่อยู่กระจัดกระจาย การควบรวมและซื้อกิจการจำนวนมาก โดยผู้มีเล่นรายใหญ่เข้ามาควบรวมกิจการกับผู้ค้าปลีกรายย่อย อย่างไรก็ตาม ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีทิศทางที่เติบโต เป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้มีการแข่งขันที่รุนแรงและมีโอกาสที่จะเข้าไปแย่งส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกของเวียดนาม ซึ่งใช้เครื่องมือที่หลากหลาย อาทิเช่น ศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายของชำและร้านสะดวกซื้อ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-s-retail-market-to-rise-by-163-5-billion-over-next-five-years-2100000.html

“เวิลด์แบงก์” ประเมินเศรษฐกิจเวียดนาม ปี 2566 จะเติบโตอยู่ในระดับปานกลาง

ธนาคารโลก (WB) เปิดเผยรายงานแนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจโลก ‘Global Economic Prospects’ ฉบับล่าสุด เปิดเผยว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม (GDP) จะขยายตัว 6.3% ในปี 2566 โดยสะท้อนให้เห็นจากปัจจัยบวกในปีที่แล้ว หลังจากเวียดนามประกาศยกเลิกข้อจำกัดการเดินทาง และเวียดนามยังได้รับอนิสงค์จากการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชนและภาคการส่งออก อย่างไรก็ตาม การส่งออกของเวียดนามไปยังตลาดสำคัญมีทิศทางที่ชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยิดเยื้อและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงสูงขึ้น อาจส่งผลให้การดำเนินธุรกิจทั่วโลกและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคถดถอยลงไปอีก

ที่มา : https://vir.com.vn/world-bank-says-vietnams-gdp-growth-to-moderate-in-2023-99184.html

“เดนมาร์ก” มอบเงินช่วยเหลือ MSMEs ของเมียนมา เป็นจำนวนกว่า 2 พันล้านจัต

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566 กองทุน the Responsible Business Fund (RBF) เป็นกองทุนที่สนับสนุนโดยเดนมาร์กเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSMEs) ของเมียนมา ได้เปิดเผยข้อมูลว่า เดนมาร์กให้คำมั่นว่าจะมอบเงินจำนวน 2 พันล้านจัต เป็นครั้งที่ 6 ให้แก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของเมียนมา (MSMEs)  ในการดำเนินในโครงการพลังงานหมุนเวียน เพื่อลดต้นทุนในการใช้ไฟฟ้าหรือพลังงานที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น โดย 5 ปี ที่ผ่านมา เดนมาร์กได้มอบเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือเมียนมาไปแล้วกว่า 19,576 พันล้านจัต ให้กับ MSMEs จำนวน 609 ราย ทั่วประเทศเพื่อสนับสนุน MSMEs ในการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจและปรับเพฤติกรรมให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/denmark-to-contribute-k2-billion-for-myanmar-smes/#article-title

9 เดือนที่ผ่านมา ของปีงบฯ 65-66 เมียนมาส่งออกแร่ธาตุ ไปแล้วมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เมียนมา เผย 9 เดือนที่ผ่านมา (เดือนเมษายน-เดือนธันวาคม 25665) ของปีงบประมาณ 2565-2566 มูลค่าการส่งออกแร่ธาตุของเมียนมา มีมูลค่ามากกว่า 222.341 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  เป็นการส่งออกโดยภาครัฐมูลค่า 16.151 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ภาคเอกชนส่งออกแร่มูลค่า 206.19 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในปีงบประมาณ 2564-2565 ที่ผ่านมา เมียนมามีรายได้จาการส่งออกแร่ธาตุอยู่ที่ 519.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งในปีงบประมาณ 2565-2566 เมียนมาตั้งเป้าส่งออกแร่ธาตุไว้ที่ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และนำเข้ามูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับแร่ธาตุส่งออกสำคัญ ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ ทอง หยก มุก ตะกั่ว ดีบุก ทังสเตน เงิน ทองแดง สังกะสี ถ่านหิน และสินแร่อื่นๆ ทั้งนี้  ในช่วงงบประมาณย่อยปี 2564-2565 ( เดือนตุลาคม 2564-เดือนมีนาคม 2565) การส่งออกแร่ธาตุของเมียนมามีมูลค่า 288.599 ล้านดอลลาร์ และในปีงบประมาณ 2563-2564 การส่งออกแร่ธาตุอยู่ที่ 895.611 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmars-mineral-export-bags-over-200-million-in-past-nine-months/

ประชาชนเดินทางผ่านชายแดน สปป.ลาว-จีน แตะ 1.2 พันคน ในช่วง 2 วัน

ทางการ สปป.ลาว กล่าวว่า ประชาชนมากกว่า 1,200 คน เดินทางผ่านชายแดน สปป.ลาว-จีน ณ จุดผ่านแดนระหว่างประเทศบ่อเต็น-โมฮัน ในช่วง 2 วันแรกของสัปดาห์หลังจากจีนเริ่มเปิดพรมแดนอีกครั้ง แต่ถึงอย่างไรทางฝั่งจีนยังไม่อนุญาติให้ผู้ที่มีวีซ่าท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศ โดยผู้ถือวีซ่าและบัตรผ่านแดนประเภทอื่นๆ รวมถึงวีซ่าเพื่อธุรกิจ การศึกษา ตลอดจนเพื่อวัตถุประสงค์ทางการทูตและทางการ สามารถข้ามพรมแดนได้ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (8 ม.ค.) ขณะที่รัฐบาล สปป.ลาว เปิดจุดผ่านแดนระหว่างประเทศทั้งหมดอีกครั้งอย่างเป็นทางการสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมปีที่แล้ว ซึ่งดังจำนวนข้างต้นส่วนใหญ่เป็นประชากรจีนที่เป็นผู้ประกอบการนักธุรกิจ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten07_More_y23.php

กัมพูชา นำเข้า-ส่งออก ผ่าน SSEZ โต 12% ในปี 2022

Cao Jianjiang ผู้จัดการเขตเศรษฐกิจพิเศษสีหนุวิลล์ (SSEZ) กล่าวว่า มูลค่าการนำเข้าและส่งออกผ่าน SSEZ ในปี 2022 อยู่ที่มูลค่ารวม 2.49 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจุบันเขตอุตสาหกรรมตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดกว่า 11 ตร.กม. ในจังหวัดพระสีหนุ รองรับบริษัทกว่า 175 แห่งจากจีน สหรัฐฯ ยุโรป รวมถึงประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคอื่นๆ สร้างการจ้างงานกว่า 30,000 ตำแหน่งภายในเขตพื้นที่ SSEZ ด้านปลัดกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาและโฆษก Penn Sovicheat กล่าวว่า SSEZ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีในด้านของความร่วมมือระหว่างประเทศที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายภายใต้กรอบความคิดริเริ่ม Belt and Road ของจีน โดย SSEZ มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของกัมพูชา และได้กลายเป็นการเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาคและระดับโลก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501217663/imports-and-exports-via-sihanoukville-special-economic-zone-up-12-percent-in-2022/

มูลค่าการค้ากัมพูชาโต 9% แตะมูลค่า 5.2 หมื่นล้านดออลาร์ ในปี 2022

การค้าระหว่างประเทศของกัมพูชาในปี 2022 มีมูลค่ารวมกว่า 5.2 หมื่นล้านดอลลาร์ คิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งคิดเป็นการส่งออกของกัมพูชาไปยังต่างประเทศมูลค่ารวม 22.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 16.4 ขณะที่การนำเข้าของกัมพูชามีมูลค่ารวมอยู่ที่ 29.9 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 ตามข้อมูลของกรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชา ส่งผลทำให้การค้าระหว่างประเทศของกัมพูชาขาดดุลทางการค้ามูลค่า 7.4 พันล้านดอลลาร์ ด้าน Penn Sovicheat ปลัดกระทรวงพาณิชย์และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเสริมว่า การส่งออกที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการที่กัมพูชามีข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) รวมถึงข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างจีน และสิทธิพิเศษทางการค้าในตลาดสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ โดยการเติบโตของการส่งออกแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของสินค้ากัมพูชาในตลาดโลก แม้ว่าปัจจุบันตลาดโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตต่างๆก็ตาม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501217283/cambodias-total-trade-up-9-to-52-billion-in-2022/

ส.อ.ท. ชี้จีนเปิด ปท.กระตุ้นเศรษฐกิจอาเซียน

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท.เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า การที่ประเทศจีนเปิดประเทศแม้อาจมีความกังวลในเรื่องของโควิด-19 อยู่บ้าง แต่ก็ต้องยอมแลกกันเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้า และมั่นใจในกระบวนการคัดกรองของแต่ละประเทศที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้นายเกรียงไกร ได้กล่าวเพิ่มเติม ว่าการเปิดประเทศของจีน ถือเป็นข้อดีมากกว่าข้อเสีย เมื่อภาคอุตสาหกรรมเดินหน้า ภาคบริการต่างๆ กลับมา ก็ทำให้ซัพพลายเชนต่างๆ ที่เคยมีปัญหาก็คลี่คลาย และจีนก็เป็นคู่ค้าที่สำคัญของอาเซียนรวมถึงไทยด้วย ก็จะช่วยทำให้เศรษฐกิจในอาเซียนแข็งแกร่งขึ้น พร้อมมองว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยปีนี้จะอยู่ที่ 25 ล้านคน

ที่มา : https://www.innnews.co.th/news/economy/news_480456/

สนค.ชี้ศก.จีนดีขึ้นหลังคลายมาตรการโควิด

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การประกาศเปิดประเทศของจีนตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 66 เป็นต้นไป หลังจากดำเนินนโยบาย Zero-COVID มานานกว่า 3 ปี เป็นสัญญาณที่ดีต่อการส่งออกไปยังตลาดจีน โดยประเมินว่า ในปี 2566 ตลาดจีนจะกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง โดยจีนเป็นตลาดหลักที่มีความสำคัญต่อการค้าระหว่างประเทศของไทย เป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 2 สัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 12 ของการส่งออกรวม รองจากสหรัฐอเมริกา

ที่มา : https://www.innnews.co.th/news/economy/news_479263/

“นักลงทุนต่างชาติ” ส่งสัญญากลับมาซื้อหุ้นเวียดนาม

แม้ว่าดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม (VN-Index) ปรับตัวลงแรง 33% ในปี 2565 แต่นักลงทุนต่างชาติได้อัดฉีดเงินทุนเข้าสู่ตลาดเมื่อเร็วๆนี้ ส่งผลให้ตลาดพริกกลับมาขยายตัวในรอบ 3 ปี และในช่วงสัปดาห์แรกของปี 2566 นักลงทุนต่างชาติได้อัดฉีดเงินเข้าตลาดหุ้นเวียดนาม จำนวนกว่า 1,720 พันล้านดอง ถึงแม้ว่าตลาดจะอยู่ในระดับทรงตัวก็ตาม โดยเงินทุนส่วนใหญ่ราว 95% อยู่ในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ ทั้งนี้ ตามข้อมูลทางสถิติของตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ แสดงให้เห็นว่าในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน 12,000 พันล้านดอง เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ทำให้เม็ดเงินทุนรวมของตลาดหุ้นเวียดนาม ขยับสูงขึ้นอยู่ที่ 23,600 พันล้านดองเวียดนามในปี 2565

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/foreign-investors-return-to-vietnamese-stocks/