‘เวียดนาม’ อนุมัติโครงการต่างชาติ 38,000 โครงการ

ตามรายงานของกรมส่งเสริมการลงทุนระหว่างประเทศ (FIA) เปิดเผยข้อมูลเมื่อวันที่ 20 ก.ย. ว่าโครงการต่างชาติที่ได้รับอนุมัติให้ลงทุนในเวียดนาม มีจำนวน 38,379 โครงการ ด้วยทุนจดทะเบียนรวม 455.06 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ จากข้อมูลตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย. พบว่ามีโครงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เบิกจ่ายไปแล้วกว่า 15.9 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป มีมูลค่าราว 273.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 60.2% ของเงินทุนทั้งหมด รองลงมาภาคอสังหาฯ การผลิตและการจำหน่ายไฟฟ้า ในขณะเดียวกัน เกาหลีใต้เป็นนักลงทุนต่างขาติรายใหญ่ที่สุด มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ไต้หวัน (จีน) และฮ่องกง (จีน) ตามลำดับ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1594438/vn-records-over-38-000-valid-foreign-invested-projects-fia.html

‘สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด’ คาดการณ์ GDP เวียดนาม ไตรมาส 3 ฟื้นตัวต่อเนื่อง

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (Standard Chartered) คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของเวียดนามในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 ขยายตัว 5.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี (เร่งขึ้นจาก 4.1% ในไตรมาสที่ 2) แสดงให้เห็นถึงสัญญาณการฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี ทั้งนี้ จากข้อมูลทางเศรษฐกิจ พบว่าภาวะเศรษฐกิจของเดือนกันยายนปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม โดยได้แรงหนุนจากยอดค้าปลีก และธนาคารฯ มองว่าการค้าปลีกในเดือนกันยายน จะยังคงขยายตัวแข็งแกร่งที่ 8.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่การส่งออกและการนำเข้า ลดลง 6.2% และ 7.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตามลำดับ รวมไปถึงอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้น 3.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1594407/standard-chartered-forecasts-q3-gdp-to-show-ongoing-recovery.html

‘เมียนมา’ เผยสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ก.ย. ส่งออกข้าวทะลุ 26,420 ตัน

ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าการส่งออกข้าวและข้าวหักของเมียนมา 26,420 ตัน ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ก.ย. และจากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 9-15 ก.ย. เมียนมาส่งออกข้าวผ่านทางทะเล ปริมาณมากกว่า 14,610 ตัน คิดเป็นมูลค่าราว 8.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และผ่านทางชายแดนเมียนมา-จีน ปริมาณกว่า 2,009 ตัน มูลค่า 0.898 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมทั้งสองเส้นทางได้ประมาณ 16,620 ตัน มูลค่ารวมทั้งสิ้น 8.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ตลาดส่งออกข้าวสำคัญของเมียนมา ได้แก่ ประเทศในเอเชีย 10,900 ตัน ตามมาด้วยสหภาพยุโรป 2,150 ตัน และประเทศแอฟริกา 1,560 ตัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-exports-over-26420-tonnes-of-rice-in-sept-2nd-week/#article-title

รัฐบาล สปป.ลาว จัดอีเว้นท์ลดราคาสินค้าในนครเวียงจันทน์

กระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ร่วมมือกับบริษัทห้างร้านท้องถิ่นจัดงานขายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดในนครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อช่วยเหลือภาคครัวเรือนซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อในประเทศที่ส่งผลให้ค่าครองชีพสูง โดยทางการได้ลดราคาสินค้าประเภทอาหารยอดนิยม เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไว น้ำมันพืช น้ำมันหอย น้ำปลา เครื่องปรุงรสแม็กกี้ น้ำยาล้างจาน และผงชูรส ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายสินค้ากลุ่มดังกล่าวกระจายไปยังร้านค้า 17 สาขา ในเขตศรีสัตตนาค จันทะบูลี ไชยเชษฐา นาทรายทอง และปากน้ำ นับตั้งแต่วันที่ 26-30 กันยายน โดยรัฐบาลยังได้จำกัดจำนวนสินค้าที่บุคคลสามารถซื้อได้ในแต่ละหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ เพื่อไม่ให้ร้านค้าต่างๆ ขาดแคลนวัตถุดิบ ซึ่งรัฐบาลกำลังเร่งพิจารณาขยายโครงการไปยังจังหวัดอื่นๆ และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/09/27/lao-government-lowers-prices-for-essential-goods-in-vientiane-capital/

เวียดนามขึ้นแท่นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับสองของกัมพูชา

จีน เวียดนาม และไทย ส่งออกสินค้ามายังกัมพูชามูลค่ากว่า 11.5 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นประมาณกว่าร้อยละ 70.8 ของการนำเข้าทั้งหมดของกัมพูชาที่มีมูลค่ารวมกว่า 16.3 พันล้านดอลลาร์ สำหรับในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ตามข้อมูลของกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) ประเทศกัมพูชา โดยจีนเป็นผู้ส่งออกสินค้าลำดับแรกของกัมพูชา ด้วยมูลค่าการส่งออก 7.2 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 43.9 ของการนำเข้าทั้งหมด ลดลงร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบเป็นรายปี สำหรับการส่งออกของเวียดนามมายังกัมพูชาลดลงร้อยละ 11.7 เหลือมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นร้อยละ 15 ของการนำเข้าทั้งหมด ในขณะที่การส่งออกของไทยมายังกัมพูชาปรับตัวลดลงร้อยละ 25.8 เหลือมูลค่า 1.9 พันล้านดอลลาร์ ที่สัดส่วนร้อยละ 11.9 ของมูลค่าการนำเข้ากัมพูชา สำหรับในช่วง 8 เดือนแรกของปี GDCE ได้รายงานเสริมว่ากัมพูชาได้ทำการส่งออกสินค้ามูลค่า 3.4 พันล้านดอลลาร์ ให้กับจีน เวียดนาม และไทย คิดเป็นร้อยละ 21.9 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของกัมพูชาที่มูลค่า 15.7 พันล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501367609/vietnam-second-biggest-exporter-of-cambodia/

กัมพูชาถือเป็นหนึ่งใน 10 ประเทศ ซึ่งได้รับการลงทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของจีน

การประชุมใหญ่เชิงวิชาการอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า (CEPSI) ครั้งที่ 24 มีกำหนดจัดขึ้นที่เมืองเซี่ยเหมินทางตอนใต้ของประเทศจีน ในระหว่างวันที่ 19-23 ตุลาคม นำโดยสภาการไฟฟ้าของจีน (CEC) ซึ่งโครงการลงทุนดังกล่าวครอบคลุม 10 ประเทศในภูมิภาค รวมถึงปากีสถาน กัมพูชา อุซเบกิสถาน อินโดนีเซีย และเวียดนาม ด้วยมูลค่าการลงทุนประมาณกว่า 1.95 พันล้านดอลลาร์ ด้าน Xu Guangbin ผู้อำนวยการของ CEPSI กล่าวเสริมว่าในระหว่างการประชุมจะมีเซสชันและกิจกรรมต่างๆ มากมาย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านพลังงานระหว่างกัน รวมถึงมองหาโอกาสในการร่วมมือและการพัฒนาที่ยั่งยืนของภาคพลังงาน ภายใต้ธีม “Low Carbon Energy Powering a Green Future” โดยเชื่อว่าการประชุมดังกล่าวจะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมพลังงานเพื่อที่จะลดการปล่อยคาร์บอนของโลกเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียวในระยะต่อไป สำหรับบริษัทพลังงานของจีนกำลังมุ่งเน้นไปที่โครงการพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมทั่วโลก โดยจนถึงขณะนี้บริษัทใหญ่ๆ ได้ลงทุนและสร้างโครงการพลังงานแล้ว 16 โครงการ ภายใต้โครงการ Belt and Road Initiative ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 66.7 ของการลงทุนภาคพลังงานในต่างประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501367595/cambodia-is-among-10-countries-where-1-95-billion-of-the-total-foreign-investment-by-major-chinese-power-companies-went/

“ศุภชัย” ฟันธง ปี 67 ส่งออกโตเด่น อานิสงค์เศรษฐกิจจีนพ้นปากเหว

ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (WTO) และอดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ถึงการส่งออกไทยว่า ปี 2567 เป็นปีที่การส่งออกจะดีกว่าปี 2566 ขณะที่การส่งออกปีนี้ต้องยอมรับว่าไม่น่าจะดีขึ้น สาเหตุหลักที่การส่งออกไทยปี 2567 จะดีขึ้นมาจากปัจจัยเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าจะฟื้นตัวเนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจจีนปี 2566 ถือว่าแย่มากเพราะการส่งออกของจีนไม่ดี เช่นเดียวกันการนำเข้าที่จีนไม่ซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจะส่งผลดีต่อการส่งออกไทยในปี 2567 แม้ว่าปีนี้ถือว่าไม่น่าดีขึ้นได้แต่อย่างไรก็ตาม ในภาพใหญ่ไทยควรทำการค้าขายในอาเซียนด้วยกันเองให้มากขึ้นและลดการพึ่งพาประเทศมหาอำนาจ นอกจากนี้ ประเด็นข้อตกลงการค้าเสรี หรือ เอฟทีเอ เป็นเรื่องที่ต้องตกลงกันในรายละเอียดให้เกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่ายเป็นเรื่องของการเจรจาต่อรอง และเมื่อได้เอฟทีเอแล้วก็ควรบริหารจัดการโดยให้กลุ่มที่ได้ประโยชน์จ่ายคืนส่วนต่างในรูปแบบภาษี หรือรูปแบบอื่นๆ ที่เหมาะสมเพื่อนำไปดูแลกลุ่มที่เสียประโยชน์ สำหรับในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2566 ตัวเลขการส่งออกของจีนปรับตัวลดลงร้อยละ 5.6 จากผลกระทบการค้ากับประเทศคู่ค้ารายใหญ่อย่างสหรัฐ และสหภาพยุโรป (อียู) ที่ปรับตัวลงหนัก และยังฉุดให้ตัวเลขนำเข้าของจีนลดลงถึงร้อยละ 7.6 นำโดยสินค้าในกลุ่มจอแอลซีดีและผลิตภัณฑ์เหล็กที่ดิ่งลงหนักถึงร้อยละ 27 อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปอาเซียนที่ขยายตัวขึ้นสามารถช่วยบรรเทาภาวะดังกล่าวลง โดยอาเซียนหันมานำเข้าสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องจักรจากจีนมากขึ้น แทนที่สินค้าจากญี่ปุ่นและกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1091052

‘เวียดนาม’ เผย 8 เดือน นำเข้าน้ำมัน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

เวียดนามนำเข้าน้ำมันปิโตรเลียมทุกประเภทในช่วง 8 เดือนของปี 2566 อยู่ที่ 7.22 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 5.88 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเชิงปริมาณเพิ่มขึ้น 22.2% แต่มูลค่าลดลง 5.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดีเซล อยู่ที่ราว 4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 18.5% หรือคิดเป็นสัดส่วนการนำเข้า 55% ของปริมาณเชื้อเพลิงที่นำเข้าจากต่างประเทศ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-spent-nearly-1-billion-on-gasoline-imports-in-8-months-2194858.html