BCEL เปิดตัวแอปชำระเงินใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวระหว่างเยือนลาวปี 2567

Banque pour le Commerce Exterieur Lao Public (BCEL) เปิดตัวแอปพลิเคชัน EZyKip เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนลาวในช่วง Visit Laos Year 2024 ช่วยอำนวยความสะดวกในการถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม BCEL ที่มีมากกว่า 400 แห่งทั่วประเทศลาว ด้วยค่าธรรมเนียม 0% ผ่านการสแกน QR ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการพกพาเงินสด ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนและโอนยอดคงเหลือกลับไปยังบัตรธนาคารของตนได้อย่างง่ายดาย ทำให้มั่นใจได้ถึงระบบนิเวศการชำระเงินที่ปลอดภัยและไม่ยุ่งยากตลอดการเดินทางในลาว ทั้งนี้ แอป EZyKip ถูกพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับการเป็นเจ้าภาพการประชุมการท่องเที่ยวอาเซียนของลาวและการเป็นประธานอาเซียนตลอดปี 2567 โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสบการณ์โดยรวมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และลดความซับซ้อนของการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างการเยือนประเทศลาว

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/02/02/bcel-launches-new-payment-app-for-tourists-during-visit-laos-year-2024/

ธนาคารกลางเมียนมาอัดฉีดเงิน 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ50 ล้านบาทเข้าสู่ตลาดการเงิน

ธนาคารกลางเมียนมา (CBM) ขายเงินตราต่างประเทศในตลาดฟอเร็กซ์ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ได้ 13 ล้านดอลลาร์ และขายบนแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์สำหรับผู้ส่งออกและผู้นำเข้าเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 5 ล้านดอลลาร์และ 50 ล้านบาท ซึ่ง CBM ปกปิดอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับการทำธุรกรรมเหล่านั้นจากสาธารณะ โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงที่กำหนดโดย CBM คือ 2,100 จ๊าดต่อดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่มีการแลกเปลี่ยนในตลาดไม่เป็นทางการอยู่ที่ประมาณ 3,550 จ๊าดต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนค่าเงินบาทปัจจุบันมีอยู่ที่ 101 จ๊าดต่อบาท อย่างไรก็ดี ในเดือนมกราคม 2567 CBM ขายเงินตราต่างประเทศได้ 68.33 ล้านดอลลาร์, 313.5 ล้านบาท และ 4.2 ล้านหยวนจีน และเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ก็อัดฉีดเงิน 22.15 ล้านดอลลาร์เข้าสู่ภาคน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย นอกจากนี้ CBM อนุญาตให้ตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต (ธนาคารเอกชน) ดำเนินการซื้อขายฟอเร็กซ์ออนไลน์ได้อย่างอิสระตามอัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดโดยกลไกตลาด ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทาน โดยที่ขั้นตอนการโอนเงินไปต่างประเทศจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และข้อบังคับของคณะกรรมการกำกับการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/cbm-injects-us18-mln-50-mln-thai-baht-into-financial-market-in-two-days/#article-title

สปป.ลาว มีรายได้ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการส่งออกสินค้าเกษตรในปี 2566

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและป่าไม้ สปป.ลาว เผย ลาวมีรายได้มากกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออกผลิตผลทางการเกษตรในปีที่แล้ว ซึ่งเกินเป้าหมายปี 2566 20.18% โดยมูลค่าการผลิตในภาคเกษตรและป่าไม้ของประเทศลาว ขยายตัว 3.4% ในปี 2566 คิดเป็น 21.4% ของจีดีพี โดยมีการเก็บเกี่ยวพืชผลประมาณ 9.74 ล้านตัน ซึ่งเกินเป้าหมาย 3.7% โดยผลผลิตมันฝรั่งเพิ่มขึ้น 28.62% กาแฟ 7.5% กล้วย 16.7% และอ้อย 10.1% ปัจจุบันมีฟาร์มปศุสัตว์ 2,261 แห่ง ซึ่งมีสัตว์มากกว่า 6.5 ล้านตัว เพิ่มขึ้น 123 แห่ง เมื่อเทียบกับปี  2565 จำนวนดังกล่าวประกอบด้วยฟาร์มปศุสัตว์ 55 แห่ง ฟาร์มหมู 34 แห่ง และฟาร์มสัตว์ปีก 18 แห่ง ซึ่งผลิตเนื้อสัตว์คิดเป็น 41% ของทั้งประเทศ รัฐบาลยังคงเจรจาเพื่อการส่งออกผลิตผลทางการเกษตรอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันสามารถส่งออกสินค้าได้ 64 ชนิด มากกว่าปี 2565 16 ชนิด ในจำนวนนี้ มีการส่งออกไปยังจีน 33 ชนิด ส่งออกไปยังเวียดนาม 16 ชนิด และส่งออกให้ไทย 15 ชนิด

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_24_Laowearns_y24.php

รัฐบาลกัมพูชาพร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมเกษตรขึ้นเป็นอุตสาหกรรมหลักของชาติ

รัฐบาลกัมพูชา (RGC) ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมการเกษตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดภายในประเทศ ภูมิภาค และต่างประเทศ กล่าวโดยนายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต ในระหว่างการเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมประจำปี 2023 ของกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง ซึ่งอุตสาหกรรมดังกล่าวได้รับความสนใจจากบริษัทต่างชาติอย่าง สิงคโปร์ สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลที่ได้เพิ่มการลงทุนไปยังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างระบบชลประทาน ระบบการขนส่งในชนบท โลจิสติกส์ ไฟฟ้าและกระบวนการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงการเสริมสร้างความเข้มแข็งในการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล อีกทั้งรัฐบาลยังมุ่งเน้นไปที่การสร้างทุนมนุษย์และให้สิ่งจูงใจทางด้านการเงินเพื่อปรับปรุงคุณภาพประสิทธิภาพ ผลผลิต และความปลอดภัย โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์เกษตรในตลาดภายในประเทศ ภูมิภาค และต่างประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501432466/agricultural-modernisation-govts-top-priority-says-pm/

กัมพูชาจับตาจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่

นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา กล่าวว่า กัมพูชากำลังพิจารณาสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่ โดยกล่าวไว้เมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา ในระหว่างการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ “โครงการพิเศษเพื่อส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดพระสีหนุ 2024” ในจังหวัดพระสีหนุ ซึ่งเน้นย้ำถึววิสัยทัศน์ของรัฐบาลสำหรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในอนาคต เพื่อรองรับอุตสาหกรรมที่หลากหลายในระยะต่อไป และเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย รัฐบาลได้กำหนดนโยบายและดำเนินโครงการนำร่องภายในเขตเศรษฐกิจอย่างจริงจัง โดยเน้นไปที่การดึงดูดการลงทุนด้านเทคโนโลยีสีเขียว อุตสาหกรรมที่ยั่งยืน และภาคดิจิทัล เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501432763/cambodia-eyes-establishing-special-economic-zone-by-countries-says-pm/

รัฐบาลประกาศเจรจา FTA ไทย-อียู จบปี 2568 ดันการค้า-ลงทุน

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก ผลักดันการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Area: FTA) อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการส่งออกสินค้าไทยสู่ตลาดโลก พัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจ และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

สำหรับการประชุมเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป (EU) รอบที่ 2 เมื่อวันที่ 22 – 26 มกราคม 2567 ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการแปลกเปลี่ยนมุมมองและข้อเสนอต่าง ๆ ด้านการค้าและการลงทุน พร้อมสร้างความเข้าใจในการร่วมกันยกระดับไปสู่หุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในอนาคตให้มากขึ้น

ทั้งนี้ การประชุมเจรจา FTA ไทย-EU รอบที่ 3 EU รับเป็นเจ้าภาพ เพื่อหารือประเด็นต่าง ๆ ด้านความร่วมมือไทย-EU เพิ่มเติม ในช่วงเดือนมิถุนายน 2567 โดยรัฐบาลตั้งเป้าให้การเจรจา FTA สามารถบรรลุข้อสรุปได้ภายในปี 2568

ที่มา : https://www.thansettakij.com/business/economy/587341

‘เวียดนาม’ มุ่งยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังตลาดสหรัฐฯ

จากข้อมูลของสำนักงานการค้าต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า และตัวเลขสถิติของคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา พบว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 สหรัฐฯ มีการนำเข้ายางพารา 1.43 ล้านตัน อย่างไรก็ดีเวียดนามส่งออกไปยังสหรัฐฯได้เพียง 20,370 ตัน มูลค่า 28.99 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อยู่ในอันดับที่ 13 ในกลุ่มซัพพลายเออร์ยางพาราในตลาดสหรัฐฯ และคิดเป็นสัดส่วนราว 1.42% ของปริมาณการนำเข้ายางทั้งหมดของสหรัฐฯ โดยคู่แข่งรายใหญ่ ได้แก่ อินโดนีเซียและไทยที่มีส่วนแบ่งการตลาดในสหรัฐฯ มากที่สุด

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาสินค้าประมง แสดงให้เห็นว่าในช่วง 10 เดือนของปีที่แล้ว เวียดนามส่งออกสินค้าประมงไปยังสหรัฐฯ อยู่ในระดับมาก และอยู่ในอันดับที่ 2 ของผู้ส่งออกรายใหญ่ โดยเฉพาะกุ้ง ปลาสวายและปลาทูน่า

นอกจากนี้ นาย Do Ngoc Hung ที่ปรึกษาด้านการพาณิชย์ของเวียดนาม แนะนำให้ผู้ประกอบการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงและมีมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-strives-to-increase-competitiveness-for-agricultural-exports-to-us/278092.vnp

‘ผลสำรวจ’ เผยชาวเวียดนามให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวในประเทศช่วงวันเทศกาลเต็ต

บริษัทวิจัยทางด้านการตลาดระดับโลก “The Outbox Company” เปิดเผยผลการสำรวจชาวเวียดนามพบว่ากลุ่มตัวอย่าง 57.7% ให้ความสำคัญหรือชื่นชอบกับการท่องเที่ยวในประเทศในช่วงวันตรุษเวียดนามหรือเต็ต (Tet Holiday) และนิยมท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวของชุมชนอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา 22.9% ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงอาหาร และ 13.7% ชื่นชอบการท่องเที่ยวทางทะเล ในขณะเดียวกัน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เลือกแพ็คเก็จทัวร์ 1-3 คืน นอกจากนี้ จากตัวเลขสถิตินักท่องเที่ยวในปีที่แล้ว พบว่าเวียดนามต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 12.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3.5 เท่าจากปี 2565 เกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้ต้นปีที่ 57%

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnamese-holidaymakers-prioritise-domestic-tourism-during-tet-holiday-report-2245880.html