ราคาอาหารใน สปป.ลาว ยังมีระดับสูง ส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือน แม้อัตราเงินเฟ้อล่าสุดปรับลดลง

แม้อัตราเงินเฟ้อของลาวเดือนกันยายน 2566 ปรับลดลงจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 25.69% แต่ราคาสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคหลายรายการยังมีราคาที่สูงอยู่ เช่น อาหาร สินค้าด้านสุขภาพ สินค้าด้านการศึกษา และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งกระทบต่อค่าครองชีพของหลายครัวเรือนที่ปรับสูงขึ้นส่วนทางกับรายได้ของครอบครัว ทำให้ผู้บริโภคหลายครัวเรือนในลาวเผชิญกับความยากลำบากในการดำรงชีพ ทั้งนี้ รัฐบาลลาวได้นำเสนอนโยบายและมาตรการหลายอย่างเพื่อรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนและจัดการกับปัญหาเงินเฟ้อสูง รวมถึงการเพิ่มการผลิตภายในประเทศ ดึงดูดนักท่องเที่ยว จำกัดการนำเข้าสินค้าที่สามารถผลิตได้ในประเทศ

ที่มา : https://english.news.cn/20231024/8d14428a3ae34f90b9c8d197be24cb0a/c.html

รัฐบาล สปป.ลาว อัดฉีดเงิน 7.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หวังยกระดับ SMEs แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

กองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สปป.ลาว ได้อัดฉีดเม็ดเงินราว 1.52 แสนล้านกีบ หรือประมาณ 7.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นเงินทุนสำหรับช่วยเหลือ SMEs ในลาว เพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งอัตราเงินเฟ้อ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ราคาสินค้าที่สูงขึ้น และหนี้ต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาล สปป.ลาว ยังได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและการเงินที่ตกต่ำ

ที่มา : https://english.news.cn/20231024/2184a85d8c0a4758b88b6aff83ac8e9e/c.html

สปป.ลาว เตรียมพร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เติบโตได้ในปี 2567

รัฐบาล สปป.ลาว เร่งให้ความสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะการเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ในปี 2567 สปป.ลาว ตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและชาวลาวเดินทางท่องเที่ยวในลาวอย่างน้อย 4.6 ล้านคน เพื่อสร้างรายได้ประมาณ 712 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้แคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวปี 2567 ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วง 6 เดือนแรกในปี 2566 ลาว มีจำนวนนักท่องเที่ยวแล้วกว่า 1.7 ล้านคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวไทย เวียดนาม และจีน

ที่มา : https://english.news.cn/20231022/ab974e5e1aa74b48bbe804b1e4443971/c.html

IMF ชี้การส่งออก-ท่องเที่ยว จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สปป.ลาว โต 4% ในปี 2567

IMF คาดการณ์เศรษฐกิจ สปป.ลาว ปี 2567 แนะให้เร่งเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว การลงทุนจากต่างประเทศ และการส่งออก เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจลาวที่กำลังตกต่ำกลับมาขยายตัวได้ 4% ในปี 2567 อย่างไรก็ตาม IMF แนะเพิ่มเติมเรื่องการควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ยังมีระดับสูงมากกว่า 25% ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ เสียงสะท้อนของประชาชนท้องถิ่นของลาว ได้สะท้อนถึงกำลังซื้อที่ลดลงและความยากจนที่มีมากขึ้น จากผลของราคาสินค้าที่สูงในขณะที่ค่าจ้างเท่าเดิม อีกทั้งสินค้าส่วนใหญ่ที่ขายในตลาดท้องถิ่นล้วนแต่เป็นสินค้านำเข้า

ที่มา : https://www.rfa.org/english/news/laos/imf-growth-forecast-10232023180356.html

‘อุตสาหกรรมเหล็กเวียดนาม’ จะกลับมาฟื้นตัวในปี 67

สมาคมเหล็กเวียดนาม (VSA) เปิดเผยว่าผลผลิตเหล็กในเดือนกันยายน จำนวนรวมทั้งสิ้น 2.34 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และลดลง 4.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่การบริโภคเหล็ก ปริมาณ 2.2 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และ 9.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยผลผลิตเหล็กในเดือนดังกล่าวได้รับแรงกระตุ้นมาจากนโยบายของภาครัฐฯ ที่ต้องการแก้ไขปัญหาคอขวดและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงเดือน ม.ค.-ก.ย. ตลอดจนเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินลงทุนสาธารณะ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านคมนาคมขนส่ง

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/steel-industry-expected-to-recover-in-2024/270051.vnp

‘การค้าเวียดนาม-ยูเค’ พุ่ง 16.6%

จากข้อมูลของกระทรวงการค้าระหว่างประเทศแห่งสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่าการค้าระหว่างเวียดนามและสหราชอาณาจักรมีการเติบโตอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และจากข้อมูลทางสถิตืแสดงให้เห็นว่าการค้าระหว่างทั้งสองประเทศในชวงไตรมาสที่ 4 จนถึงไตรมาสแรกของปีนี้ มีมูลค่าอยู่ที่ 6.7 พันล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 8.14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างเวียดนามและสหราชอาณาจักรที่มีความก้าวหน้าและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน เป็นผลมาจากความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและความพยายามในการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม-สหราชอาณาจักร (UKVFTA) ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 พ.ค.64 นอกจากนี้ การลงนามอย่างเป็นทางการล่าสุดของสหราชอาณาจักร คือ ข้อตกลงแบบครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าให้กับสมาชิกในกลุ่ม รวมถึงเวียดนาม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1605565/viet-nam-uk-trade-surges-16-6-per-cent-in-one-year.html

‘ฝรั่งเศส-ลาว’ เตรียมจัดประชุมเวทีเศรษฐกิจ ฉลองความสัมพันธ์ 70 ปี ทางการทูตและธุรกิจ

คณะกรรมการที่ปรึกษาการค้าต่างประเทศของฝรั่งเศสในลาว เตรียมจัดการประชุมเวทีเศรษฐกิจระหว่างฝรั่งเศสและลาว ระหว่างวันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2566 ที่เวียงจันทน์และสะหวันนะเขต เพื่อเป็นเวทีพบปะพูดคุยทางการค้าและการลงทุนของผู้ประกอบการ นักธุรกิจและนักลงทุนฝรั่งเศสที่สนใจลงทุนในประเทศลาว โดยการประชุมครั้งนี้กำหนดให้มีการพูดคุยและนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องกับตลาดการค้าของลาว โอกาสในการสร้างเครือข่ายการค้าการลงทุน และเวทีการประชุมเชิงกลยุทธ์และปฏิบัติการทางธุรกิจที่ออกแบบมาเพื่อให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมและปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจในประเทศลาว

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/10/19/france-laos-economic-forum-celebrates-70-years-of-diplomatic-business-ties/

รัฐบาล สปป.ลาว สั่งเจ้าหน้าที่รัฐ ‘ลดการเดินทางไปต่างประเทศ’ เพื่อคลี่คลายปัญหาเงินกีบอ่อนค่า

รัฐบาล สปป.ลาว กำหนดมาตรการเพื่อลดจำนวนความต้องการสกุลเงินต่างประเทศ หนึ่งในมาตรการ คือ ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐ ลดการเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่มีเหตุจำเป็น เพื่อรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน ควบคุมราคาสินค้าในตลาดท้องถิ่น ตลอดจนดำเนินการตามวาระระดับชาติในการแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ความท้าทายอีกประการของรัฐบาลลาว คือ การควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ยังมีระดับที่สูง เนื่องจากต้นทุนสินค้าและบริการที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กำลังสร้างความยากลำบากเพิ่มเติมในการลดความยากจนของประเทศ

ที่มา : https://english.news.cn/asiapacific/20231019/fe96906a8c2b485997cd4e092ca24049/c.html

‘รัฐบาล สปป.ลาว’ ขอภาคเอกชนร่วมมือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

ผู้แทนจากรัฐบาล สปป.ลาว นายกเทศมนตรีนครเวียงจันทน์ และภาคธุรกิจในนครหลวงเวียงจันทน์ร่วมประชุมระดมความคิดหาแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการเงินที่ลาวเผชิญอยู่ ทั้งปัญหาเงินเฟ้อ สินค้ามีราคาแพง และการอ่อนค่าของเงินกีบ โดยผลการประชุมสรุปว่า ควรเร่งสร้างความร่วมมืออย่างจริงจังระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการดำเนินมาตรการและกลไกการแก้ไขปัญหาให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ทั้งการส่งเสริมให้เกิดการผลิตสินค้าภายในประเทศ ลดการนำเข้าสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านและเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับสินค้านำเข้าเพื่อลดการขาดดุลทางการค้า ส่งเสริมกิจการด้านการท่องเที่ยวให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงรัฐบาลควรออกนโนยบายลดราคาค่าไฟฟ้าภาคครัวเรือน

ที่มา : https://english.news.cn/20231018/ae565798a40548bb9eedba88bc5d26a6/c.html