กัมพูชา-เวียดนาม ลงนามข้อตกลงส่งเสริมการค้าระหว่างกัน

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา Pan Sorasak รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนาย Nguyen Hong Dien รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ของเวียดนาม ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจ โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากทั้งสองกระทรวงเข้าร่วมในพิธีลงนาม ซึ่งการลงนามในข้อตกลงส่งเสริมการค้าในระดับทวิภาคีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือที่ยอดเยี่ยมระหว่างประเทศ และคาดว่าข้อตกลงนี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกัน รวมถึงจะเป็นการส่งเสริมการลงทุน และเพิ่มการค้าทวิภาคีในระยะถัดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับสินค้าและอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งทั้งสองประเทศพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกทางการค้าทวิภาคีระหว่างกันในทุกมิติ สำหรับการค้าระหว่างกัมพูชาและเวียดนามในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่า 2,430 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501301992/cambodia-vietnam-sign-trade-enhancement-pact/

อัตราการจ้างงานกัมพูชาพุ่งแตะ 99.3% พุ่งติดอันดับโลก

อัตราการจ้างงานของกัมพูชายังคงแข็งแกร่ง ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 99.3 ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการจ้างงานที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งข้อมูลดังกล่าวรายงานโดย Ith Samheng รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพ ในขณะเขาร่วมงานกับสำนักงานจัดหางานแห่งชาติ (NEA) โดยเป็นประธานในการบรรยายเรื่อง “ตลาดแรงงานและการพัฒนาเศรษฐกิจ” ณ Royal School of Administration ซึ่งกระทรวงให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับการพัฒนาตลาดแรงงาน เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังพร้อมที่จะเสริมสร้างสวัสดิการทางสังคม ผ่านการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการดำเนินการตามยุทธศาสตร์และนโยบายระดับชาติที่สำคัญที่กำหนดโดยรัฐบาล

ด้าน Vichet Lor รองประธานสมาคมการค้าชาวจีนในกัมพูชา ระบุเสริมว่า แรงงานโดยส่วนใหญ่ของกัมพูชาเป็นคนวัยหนุ่มสาวที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี คิดเป็นกว่าร้อยละ 65 ของประชากรในประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501301991/cambodias-99-3-job-rate-among-worlds-best/

เศรษฐกิจ “ค้าชายแดน-ผ่านแดน”ฟื้นดันส่งออกโต1.49แสนล้าน

นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน เดือนเมษายน 2566 มีมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดน 149,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.17% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกผ่านแดนไปจีนขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน (178.23%) คิดเป็นมูลค่า 33,341 ล้านบาท โดยการค้าชายแดนและผ่านแดน เดือนเมษายน 2566 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 149,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.17% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 90,783 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.30% และการนำเข้ามูลค่า 59,027 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.57% โดยไทยได้ดุลการค้าในเดือนเมษายน 2566 ทั้งสิ้น 31,755 ล้านบาท    ทั้งนี้สาเหตุที่การค้าผ่านแดนและชายแดนขยายตัวต่อเนื่องมาจากเศรษฐกิจการค้าชายแดนและผ่านแดนกลับมาฟื้นตัวและมีการเปิดด่านมากขึ้น ส่งผลให้นักท่องเที่ยว คู่ค้า สามารถเดินทางเข้าออกได้สะดวกมากขึ้น

ที่มา : https://www.thansettakij.com/business/economy/566706

“Deutsche Bank” เพิ่มการจัดสรรเงินทุนในเวียดนามเกือบ 2 เท่า กว่า 200 ล้านดอลล์

สำนักข่าว The Business Times รายงานว่า Deutsche Bank เพิ่มการจัดสรรเงินทุนในเวียดนามเกือบ 2 เท่า ทำให้เงินอัดฉีดรวมเป็นกว่า 200 ล้านดอลลาร์ Deutsche Bank กล่าวเมื่อวันจันทร์ (29 พ.ค.) ว่าการเพิ่มทุนจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของธนาคารในเวียดนาม และช่วยให้สามารถดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากขึ้นสำหรับลูกค้า โดยสิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากรายได้ของสาขาเอเชียแปซิฟิกของธนาคารเพิ่มขึ้น 2 เท่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยเวียดนามเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญสำหรับภูมิภาคอาเซียน

ทั้งนี้ Alexander von zur Muehlen ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Deutsche Bank กล่าวว่าการลงทุนในเวียดนามครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของเราต่อการพัฒนาอย่างรวดเร็วของตลาดนี้และเส้นทางการเติบโตในระยะยาว เวียดนามเป็นตลาดเชิงกลยุทธ์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับลูกค้าของเรา การเพิ่มทุนครั้งนี้จะช่วยให้เราสามารถรองรับแผนการขยายธุรกิจของลูกค้าในประเทศได้ดีขึ้น และเช่นเดียวกันกับเศรษฐกิจเวียดนามในวงกว้าง

อีกทั้งการพัฒนาของเวียดนามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก รวมถึง Adani Group ซึ่งมีรายงานว่ากำลังสำรวจความเป็นไปได้ในการลงทุนมูลค่าสูงถึง 3 พันล้านดอลลาร์ ในโครงการท่าเรือและพลังงานหมุนเวียนในประเทศ

ที่มา : https://moneyandbanking.co.th/2023/41265/

ผวจ.ตราด พัฒนาเศรษฐกิจหลายด้าน เพิ่มศักยภาพการค้าชายแดนกัมพูชา

นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เปิดเผยว่า จังหวัดตราดเป็นจังหวัดสุดท้ายของภาคตะวันออกและเป็นจังหวัดเล็กๆ แต่เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงทางด้านภูมิศาสตร์ เพราะมีพื้นที่ติดชายแดนไทย-กัมพูชาทั้ง 3 จังหวัดสำคัญของกัมพูชา คือด้าน อ.บ่อไร่ ติดกับ อ.สำรูด จ.พระตะบอง ที่ปัจจุบันมีจุดผ่อนปรนการค้าเพื่อไปมาหาสู่และค้าขายสินค้าระหว่างกัน,ด้าน อ.เมือง ติดกับ อ.เวียงเวล จ.โพธิสัตว์ ที่ยังเป็นช่องทางธรรมชาติ แต่กำลังมีความพยายามยกระดับให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร และ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ติดกับ อ.มณฑลเสมา จ.เกาะกง ที่ปัจจุบันเป็นจุดผ่านแดนถาวร ซึ่งมีการค้าขายระหว่างกันมีมูลค่ากว่า 3.8 หมื่นล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันจังหวัดตราด ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทั้งชายทะเล และมีเกาะกว่า 52 เกาะ ซึ่งปัจจุบันมี 3-4 เกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับนานาชาติ ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวกว่า 2 ล้านคน และมีรายได้จากธุรกิจท่องเที่ยวเกิน 2 หมื่นล้านบาทต่อปี

ที่มา : https://www.naewna.com/local/733732

Lao Agro Tech ลงนามในข้อตกลงพัฒนาสวนอุตสาหกรรมในสาละวัน

รัฐบาล สปป.ลาว ได้อนุมัติให้ บริษัท Lao Agro Tech จำกัด (มหาชน) ดำเนินโครงการพัฒนาสวนอุตสาหกรรมในอำเภอ Ta-oy และ Samuay ในจังหวัดสาละวัน โดยข้อตกลงอนุญาตให้บริษัทได้รับสัมปทานบนที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งได้รับการลงนามเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ณ กระทรวงการวางแผนและการลงทุน นำโดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการวางแผนและการลงทุน Dr.Sthabandith Insisienmay ร่วมกับประธานบริหาร บริษัท Lao Agro Tech จำกัด (มหาชน) ซึ่งทั้งสองฝ่ายตั้งเป้ามุ่งพัฒนาเศรษฐกิจของ สปป.ลาว และส่งเสริมการพัฒนาด้านการเกษตรและป่าไม้ เพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมใน สปป.ลาว ในการผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้าน บริษัท Lao Agro Tech ปัจจุบันได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ สปป.ลาว มีความเชี่ยวชาญด้านการเกษตรและการผลิต โดยมีนโยบายในการช่วยผลักดันให้ใช้ผลผลิตทางการเกษตรเป็นแหล่งพลังงานทดแทนป้อนให้กับโรงงานไบโอดีเซล ซึ่งบริษัทยังมุ่งเน้นการเพิ่มการจ้างงานให้กับเกษตรกรและสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่นผ่านการเชื่อมโยงทางธุรกิจ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten101_Lao_Agro_y23.php

VinaCapital มองเวียดนามยังคงเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนจากต่างประเทศ

Michael Kokalari หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุน Vinacapital กล่าวว่าการกำหนดอัตราภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลกไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ไปยังเวียดนาม เนื่องจากความเป็นจริงที่ว่าแรงจูงใจทางด้านภาษีไม่ใช่สิ่งที่เป็นปัจจัยในการดึงดูดให้มีการตั้งโรงงานในเวียดนาม ตามการวิเคราะห์บ่งชี้ให้เห็นว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม อย่างไรก็ดี มีความเสี่ยง 2 ประการที่อาจมีผลกระทบต่อการไหลเข้าของ FDI ในอนาคต ดังต่อไปนี้ ประการแรก เวียดนามอาจสูญเสียความสามารถทางการแข่งขันในฐานะจุดหมายปลายทาง FDI เมื่อเทียบกับประเทศอินเดีย มาเลเซียและอินโดนีเซีย ประการที่สอง คือ อัตราภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลกฉบับใหม่ที่จะลดความน่าดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ โดยจำกัดการจูงใจทางด้านภาษีแก่นักลงทุน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1541981/viet-nam-will-continue-to-be-prime-destination-for-fdi-vinacapital.html

“เวียดนาม-ไทย” แสวงหาความร่วมมือในทุกมิติ

นายฟาน จี๊ ทัญ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทย พบปะหารือกับนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 19 พ.ค. เกี่ยวกับมาตรการส่งเสริมความร่วมมือทางด้านการลงทุน การค้า เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว วัฒนกรรมและการแลกเปลี่ยนบุคลากร ระหว่างส่วนท้องถิ่นของทั้งสองประเทศ ผู้ว่าฯ ได้ต้อนรับการมาเยือนของคณะผู้แทนเวียดนามในโอกาสวันคล้ายวันเกิดของประธานโฮจิมินห์ ครบรอบ 133 ปี พร้อมเสริมว่าอนุสรณ์สถานที่อุทิศให้กับผู้นำเวียดนามผู้ล่วงลับและหมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียดนามในจังหวัดนครพนม อีกทั้ง เอกอัครราชทูตเวียดนามได้เน้นย้ำถึงผลความสำเร็จของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในภาคส่วนต่างๆ และยังกล่าวว่าจังหวัดนครพนมมีข้อได้เปรียบอย่างมากในด้านการร่ววมือกับท้องถิ่นเวียดนาม

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnamese-thai-localities-seek-multifaceted-cooperation/253399.vnp

คาด “Belt and Road Initiative” ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ สปป.ลาว

โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจและส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศ สปป.ลาว กล่าวโดยรองประธานรัฐสภา นาง Sounthone Xayyachack และเจ้าหน้าที่อาวุโสคนอื่นๆ ในระหว่างการเข้าร่วมการประชุม Belt and Road Forum for Land-Sea Interconnected Development ซึ่งได้จัดขึ้น ณ เมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 16-19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งโครงการ Belt and Road Initiative มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ สปป.ลาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการช่วยประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลเพื่อปรับปรุงการเชื่อมโยงในภูมิภาค ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีการให้บริการด้านการขนส่งทางรางบนเส้นทางรถไฟสาย สปป.ลาว-จีน ทั้งในแง่ของการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_Belt96.php

ธนาคารโลก แนะกัมพูชากระจายความเสี่ยงด้านผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยว

ธนาคารโลกคาดการณ์เศรษฐกิจกัมพูชากำลังฟื้นตัว แนะกัมพูชาควรกระจายความเสี่ยงไปยังอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อเสริมความมั่นคงทางระบบเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์ว่าการเติบโตจะเร่งตัวขึ้นเป็นร้อยละ 5.5 ในปี 2023 นำโดยการส่งออกและภาคการผลิตภายในประเทศ แต่ถึงอย่างไรการชะลอตัวที่เพิ่มขึ้นของอุปสงค์ภายนอก อาจทำให้ภาคการผลิตที่เน้นการส่งออกของกัมพูชาชะลอตัวลง ในขณะที่ภาคการเงินทั่วโลกตึงตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในระยะกลางธนาคารโลกคาดว่าการเติบโตของกัมพูชาจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6 ซึ่งได้แรงหนุนจากการส่งออกสินค้าและบริการที่แข็งแกร่ง และการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ภายใต้ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน สำหรับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น ท่าเรือและถนน เพื่อเอื้อต่อการเชื่อมต่อการขนส่งในภูมิภาค รวมถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความสามารถมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการเพิ่มเสถียรภาพทางการเงินภายในประเทศ และการส่งเสริมการส่งออกที่หลากหลายในการเสริมความยืดหยุ่นและความสามารถในการแข่งขันของระบบเศรษฐกิจกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501293706/world-bank-says-cambodia-needs-to-diversify-its-tourism-products-and-improve-its-trade-competitiveness/