รัฐบาล สปป.ลาว และภาคเอกชน เดินหน้าโครงการเครดิตคาร์บอนจากป่าไม้

รัฐบาล สปป.ลาว ร่วมมือกับบริษัทเอกชน ริเริ่มโครงการคาร์บอนเครดิตจากป่าไม้ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำลายป่าและความเสื่อมโทรมของป่า โครงการนี้จะครอบคลุมพื้นที่ป่าไม้ 8 แห่ง มีพื้นที่รวมประมาณ 1.4 ล้านเฮกตาร์ ภายใต้ข้อตกลงระหว่างกระทรวงเกษตรและป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ AIDC Green Forest จะมีการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล เพื่อความก้าวหน้าในการซื้อและการขายคาร์บอนเครดิตในอนาคต นายเพชรสภา ภูมิมาศักดิ์ ประธานโครงการ AIDC Green Forest กล่าวว่า โครงการริเริ่มดังกล่าวจะช่วยปกป้องและฟื้นฟูป่าไม้ ในขณะเดียวกันก็ปรับปรุงคุณภาพชีวิตของชุมชนท้องถิ่น และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศและการพัฒนาสังคมโดยรวม นอกจากนี้ยังจะเป็นก้าวสำคัญในการช่วยให้ลาวสามารถซื้อและขายคาร์บอนเครดิตจากป่าไม้ตามกลไกตลาดของลาวและต่างประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_86_Govt_y24.php

‘เวียดนาม’ เผยเม็ดเงินทุนจากต่างประเทศ ทะลักไหลเข้าอสังหาฯ และอุตสาหกรรม

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่าประมาณ 6.28 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นับว่าเป็นเม็ดเงินทุนไหลเข้ามากที่สุดในรอบ 5 ปี โดยภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงได้รับเงินทุนจากต่างประเทศมากที่สุด มูลค่า 4.93 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 78.5% ของเงินทุน FDI ทั้งหมด รองลงมาภาคอสังหาฯ 607.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศนั้น มีส่วนสำคัญอย่างมากในการส่งเสริมอุตสาหกรรมในประเทศ และการลงทุนด้านทรัพย์สินทางปัญญาในหลายๆ โครงการใหม่ อย่างไรก็ดี เวียดนามจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านโครงสร้างพื้นฐานและส่งเสริมกำลังแรงงานให้ดียิ่งขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/fdi-flows-strongly-into-manufacturing-real-estate-post285568.vnp

‘หุ้น VinFast’ แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเวียดนาม ร่วงหนัก 65%

หุ้นวินฟาสต์ (VinFast) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่สัญชาติเวียดนาม ร่วงลง 65% ในปีนี้ ถึงแม้ว่าบริษัทจะส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าได้ถึง 1 แสนคัน เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าในปีนี้ แต่ว่าผลประกอบการไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ในไตรมาสแรก ในชณะเดียวกัน บริษัทเตรียมระดมทุนในการขยายธุรกิจไปทั่วโลก โดยมีแผนที่จะสร้างโรงงานในรัฐนอร์ธ แคโรไลนา สหรัฐอเมริกา รวมถึงอินโดนีเซียและอินเดีย

ทั้งนี้ Ken Foong นักวิเคราะห์ของ Bloomberg Intelligence กล่าวว่าวินฟาสต์ ทำได้ดีในตลาดเวียดนาม เนื่องจากการแข่งขันไม่ได้รุนแรงมากนัก แต่ในสหรัฐฯ และภูมิภาคอื่นๆ มีการแข่งขันรุนแรงมากกว่านี้ ทั้งนี้ในแง่ของการใช้กลยุทธ์ลดราคารถยนต์อย่างบริษัทเทสลา (Tesla)

นอกจากนี้ Jochen Siebert กรรมการผู้จัดการของ JSC Automotive Consulting กล่าวว่าวินฟาสต์ อาจบรรลุเป้าหมายการผลิต แต่จะไม่สามารถบรรลุยอดขายได้ เนื่องจากตลาดในประเทศของอ่อนแอเกินไป และขนาดของตลาดรถยนต์ในประเทศไม่ได้ใหญ่มากนัก ตลอดจนราคารถยนต์ค่อนข้างแพงและเล็กสำหรับตลาดรถหรู

ที่มา : https://finance.yahoo.com/news/vinfast-ev-ambitions-reality-check-230000804.html

IMF คาดอัตราเงินเฟ้อกัมพูชาทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.3 ในปี 2024

IMF คาดอัตราเงินเฟ้อกัมพูชาจะยังคงทรงตัวในปีนี้ที่ร้อยละ 2.3 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 2.1 ในปี 2023 สอดคล้องกับภาคส่วนอื่นๆ ของประเทศในกลุ่มเอเชียและแปซิฟิก ตามรายงานของ IMF Regional Economic Outlook ในเดือนเมษายน 2024 จากข้อมูลของ IMF คาดว่าเศรษฐกิจกัมพูชาจะขยายตัวกว่าร้อยละ 6 ในปีนี้ และเติบโตสู่ร้อยละ 6.1 ในปี 2025 เป็นรองแค่เพียงฟิลิปปินส์ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 6.2 เมื่อเทียบกับประเทศในโซนเอเซีย ขณะที่ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) ได้รายงานเสริมว่าในช่วงปี 2024 การเติบโตของกัมพูชาจะถูกขับเคลื่อนโดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 8.6 ในขณะที่ภาคบริการจะขยายตัวที่ร้อยละ 6.4 และภาคการเกษตรที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.3 สำหรับความท้าทายต่อเศรษฐกิจกัมพูชา ได้แก่ หนี้ภาคเอกชนที่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้น การฟื้นตัวที่อ่อนแอจากภาคการก่อสร้าง ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลง และจำนวนเที่ยวบินสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต่ำ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501483848/imf-says-cambodias-inflation-to-be-stable-at-2-3-percent-in-2024/

กัมพูชา-ญี่ปุ่น ร่วมหารือในระดับทวิภาคีดันการค้าและการลงทุนระหว่างกัน

Lim Lork Piseth รัฐมนตรีต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย Tuy Ry เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศญี่ปุ่น เข้าพบหารือกับ Mr. TAKAHASHI Shinichi รองนายกเทศมนตรีเมืองเซ็นได ณ ศาลาว่าการเซนได ประเทศญี่ปุ่น เพื่อหารือความร่วมมือในระดับทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและเซนไดในด้านเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว วัฒนธรรม การศึกษา และสุขภาพ โดยในโอกาสนี้ ฝ่ายเซนไดได้ศึกษาความเป็นไปได้ด้านการลงทุนและโอกาสทางการค้าในประเทศกัมพูชาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในส่วนของภาคการศึกษาและสุขภาพนั้น หน่วยงานรัฐบาลเมืองเซนไดกำลังพิจารณามอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาชาวกัมพูชาที่ต้องการเรียนจักษุวิทยาและมีอาชีพด้านการดูแลดวงตาเป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501484115/cambodia-japan-discuss-bilateral-trade-and-investment-cooperation/

เงินกีบลาวแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและเงินบาทไทย

สปป.ลาว กำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากสกุลเงินกีบของประเทศยังคงอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ โดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐและเงินบาทของไทย แนวโน้มดังกล่าวถือเป็นความท้าทายที่สำคัญต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจลาว โดย ณ วันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ธนาคารแห่งประเทศลาว (BOL) กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนไว้ที่ 21,391 กีบต่อดอลลาร์สหรัฐ และ 596.90 กีบต่อหนึ่งบาทไทย อย่างไรก็ตามธนาคารพาณิชย์ เช่น Banque Pour Le Commerce Exterieur Lao Public (BCEL Bank), Phongsavanh Bank และอื่นๆ กำลังขายในราคาที่แตกต่างกัน โดยเสนอราคา 21,393 กีบต่อดอลลาร์สหรัฐ และ 657.90 กีบต่อหนึ่วบาทไทย

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/05/08/lao-kip-hits-record-lows-against-us-dollar-thai-baht/