“เวียดนาม” เผย 9 เดือนแรกของปีนี้ ทุ่มเงินนำเข้าน้ำมันดิบ 6.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตามข้อมูลของกรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 เวียดนามนำเข้าน้ำมันดิบมากกว่า 6.5 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 6.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 22.7% ในแง่ของปริมาณและ 131.% ในแง่ของมูลค่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หากพิจารณาเฉพาะในเดือนกันยายน พบว่ามีการนำเข้าน้ำมันดิบ 627,652 ตัน เพิ่มขึ้น 34.8% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า

ทั้งนี้ เกาหลีใต้เป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว เวียดนามนำเข้ามากกว่า 627,000 ตัน เป็นมูลค่า 676 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึงแม้ว่าจะมีการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่สถานีบริการจำหน่ายน้ำมันดิบหลายแห่งได้ปรับลดขนาดองค์กร เนื่องจากเผชิญกับภาวะอุปทานน้ำมันขาดแคลน ในขณะที่ภาคธุรกิจค้าน้ำมันร้องเรียนว่าการคำนวณอัตราคิดลดไม่ถูกต้อง ทำให้ผู้ประกอบการค้าน้ำมันได้รับผลกระทบต่อการดำเนินกิจการ

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-spends-over-us68-billion-importing-petroleum-over-nine-months-post976490.vov

“เวียดนาม” ทุ่มเงินโครงการทางพิเศษสายเหนือ-ใต้ ระยะที่ 2 กว่า 360 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงคมนาคมได้รับจัดสรรงบประมาณราว 8.6 ล้านล้านดอง (259.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โครงการทางพิเศษ ระยะที่ 2 (2021-2025) สำหรับเส้นทางด่วนเหนือ-ใต้ของประเทศเวียดนาม โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการทางพิเศษสายเหนือ-ใต้ ระยะที่ 2 คิดเป็นมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยนำเงินมาจากงบประมาณของภาครัฐสำหรับแผนการลงทุนสาธารณะของปี 2564-2568 กว่า 1.97 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจากงบประมาณลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 3.04 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถึงปัจจุบันรัฐบาลได้จัดสรรเงินราว 47.2 ล้านล้านดอง (1.97 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้กับกระทรวงคมนาคมสำหรับการลงทุนภาครัฐในระยะกลาง (2021-2025)

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/nearly-360-million-usd-allocated-for-northsouth-expressway-projects-phase-2/239834.vnp

“สปป.ลาว-ไทย” ร่วมประชุมเส้นทางรถไฟสายหนองคาย-เวียงจันทน์

นายเวียงสะหวัด สีพันดอน รมว.โยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว หารือกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และคณะผู้แทนที่ได้นำเรื่องมาแจ้งความคืบหน้าของโครงการ ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยเกี่ยวกับเส้นทางรถไฟขนส่งผู้โดยสารและสินค้า รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ของการใช้สะพานรถไฟเก่าและการติดตั้งแผงควบคุมเดียวกันที่สถานีท่านาแล้ง กรุงเวียงจันทร์ หนองคายและสถานีรถไฟนาทาในประเทศไทย โดยที่ประชุมยังพิจารณาการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ ทางคณะผู้แทนลาวและไทยหารือเกี่ยวกับการออกแบบสะพานและทางรถไฟแห่งใหม่ ตลอดจนขอบเขตของโครงการดังกล่าว นอกจากนี้ ยังได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อีกด้วย

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten197_Laothai.php

กัมพูชานำเข้าน้ำมันและก๊าซมูลค่าแตะ 2.84 พันล้านดอลลาร์

กัมพูชานำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมูลค่ากว่า 2.84 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2022 เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 66 จากมูลค่า 1.71 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิต โดยในปัจจุบันกัมพูชาพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันและก๊าซแต่เพียงอย่างเดียว เนื่องจากแหล่งผลิตภายในประเทศยังอยู่ในขั้นของการสำรวจก่อนที่จะเริ่มทำการผลิต ด้านรัฐมนตรีกระทรวงเหมืองแร่และพลังงาน Suy Sem กล่าวเสริมว่า ความต้องการน้ำมันภายในกัมพูชาคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.8 ล้านตัน ในปี 2030 เพิ่มขึ้นจาก 2.8 ล้านตันในปี 2020 ซึ่งปัจจุบันทางการกัมพูชาเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาแหล่งผลิตน้ำมันและก๊าซภายในประเทศ รวมถึงเห็นถึงความจำเป็นในการลงทุนเพิ่มเติมในภาคส่วนนี้เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501166331/cambodia-imports-oil-gas-products-worth-2-84-billion-in-first-9-months/

ในช่วง 9 เดือนแรก มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของกัมพูชาพุ่งแตะ 41,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 18%

ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของกัมพูชาพุ่งแตะ 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 18 จากมูลค่า 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งคิดเป็นการส่งออกรวมของกัมพูชา 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.1 ในขณะที่การนำเข้ารวมของกัมพูชาอยู่ที่ 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.% ตามการรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชา ด้านรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของกัมพูชา Penn Sovicheat มองว่าการเติบโตดังกล่าวมาจากการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในกัมพูชาอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงข้อตกลงการค้าเสรี และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกเป็นส่วนสำคัญในการสบับสนุนการเติบโต โดยเฉพาะข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และข้อตกลงการค้าเสรีกัมพูชา-จีน (CCFTA) ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501166339/cambodias-trade-reach-41-billion-increase-of-18-percent-in-first-9-months/

ส่งออกชายแดนเมียวดีของเมียนมา ดิ่งลงต่อเนื่อง ลดฮวบกว่า 115 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

กระทรวงเศรษฐกิจและการพาณิชย์ของเมียนมา เผยตัวเลขการค้าชายแดนเมียวดียังคงดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเทียบกับปีที่แล้วลดลงมากกว่า 115 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากข้อมูลยังพบอีกว่า การส่งออกสินค้าเกษตรไปยังไทยลดลงตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของเมียนมาที่ให้ใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ แทนเงินจัตในการการส่งออก โดยในปีงบประมาณ 2563-2564 การค้าทวิภาคีระหว่างเมียนมาและไทย พบว่ามูลค่าการส่งออกของเมียนมาอยู่ที่ 3,287 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนการนำเข้าจะอยู่ที่ 2,523 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึงเดือนกันยายน 2563 ของปีงบประมาณ 2562-2563 การค้าโดยรวมระหว่างเมียนมาและไทย พบว่าเป็นการส่งออก 3,095.988 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนการนำเข้าอยู่ที่ 2521.925 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา : https://news-eleven.com/article/238700

สัญญาดี “ตลาดยานยนต์เวียดนาม” ฟื้นตัว

ตลาดยานยนต์ในประเทศฟื้นตัวอย่างน่าประทับใจ เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ประกอบกับผู้ผลิตยานยนต์ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และตอบสนองความต้องการให้กับลูกค้า เพื่อจะเพิ่มยอดขาย ทั้งนี้ แบรนด์ยานยนต์ ‘ซูบารุ ฟอเรสเตอร์’ ประกาศปรับลดราคาสูงสุด โดยราคารถ Subaru Forester 2.0i-L ลดลง 249 ล้านดอง จากระดับ 1.125 พันล้านดอง มาอยู่ที่ 879 ล้านดองในสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม ในขณะที่ราคารถ Subaru Forester 2.0 i-S EyeSight อยู่ที่ 1.088 พันล้านดอง อย่างไรก็ดียานยนต์รุ่นอื่นๆ ก็ขายในราคาที่สูงขึ้น เนื่องจากการขาดแคลนอุปทาน นอกจากนี้ ในปัจจุบันผู้ผลิตยานยนต์ส่วนใหญ่พึ่งพาอุปทานในจีน ในขณะที่จีนยังไม่เปิดประตูอย่างเต็มที่ รวมถึงยังเผชิญกับต้นทุนโลจิสจิกส์ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทำให้ผู้ผลิตยานยนต์ต้องปรับชึ้นราคาขาย

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vn-automobile-market-recovers-well-2068152.html

“สื่อสวิส” ตีข่าว มองทิศทางเศรษฐกิจเวียดนามเติบโตได้ดี

หนังสือพิมพ์สวิตเซอร์แลนด์ได้ดีพิมพ์บทความใช้ชื่อว่า “Le Vietnam et les nouveaux tigres asiatiques” (เวียดนามและเสือเศรษฐกิจตัวใหม่เอเชีย) ชี้ให้เห็นถึงเวียดนามได้กลายเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่มีบทบาทสำคัญในเอเชีย โดยคุณ Guy Mettan ผู้เขียนบทความมองว่าโลกกำลังจะเห็นกับการเปลี่ยนแปลงของประเทศเวียดนามและอินโดนีเซียที่จะขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ เวียดนามอาจได้รับประโยชน์สูงสุดจากสถานการณ์ระหว่างประเทศใหม่ ตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม ซึ่งมีการไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) อยู่ที่ราว 11.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี สูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ธนาคารโลกได้คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม ขยายตัว 7.5% ในปี 2565 และคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 3.8% ในปีนี้

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/swiss-newspaper-optimistic-about-vietnams-economic-prospects/239763.vnp

กัมพูชาส่งออกลำไยไปยังจีนเป็นครั้งแรก

กัมพูชาส่งออกลำไยเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการไปยังจีน โดยคาดว่าจะเริ่มจัดส่งในช่วงเดือนตุลาคมปีนี้ ซึ่งลำไยถือเป็นผลไม้ 1 ใน 3 ชนิดของกัมพูชาที่ได้รับอนุมัติโดยหน่วยงานสุขอนามัยพืชของจีน ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ผลิตและผู้ส่งออกลำไยของกัมพูชาในการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยปัจจุบันมียอดคำสั่งซื้อและเตรียมการในการส่งออกแล้วปริมาณกว่า 10,000 ตัน ไปยังประเทศจีน ด้านเจ้าหน้าที่เกษตรจังหวัดแนะนำผู้ปลูกลำไยเร่งขึ้นทะเบียนเพื่อรองรับมาตรฐานการส่งออกไปยังจีนในฤดูกาลนี้ ตามระเบียบพิธีการส่งออกทวิภาคีที่ตกลงกันระหว่างสองประเทศ  ในขณะที่ GACC รายงานว่าปัจจุบันมีสวนผลไม้จำนวน 74 แห่ง และโรงงานแปรรูป 8 แห่ง ที่ผ่านเกณฑ์สุขอนามัยพืชของจีน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501165697/first-exports-of-cambodian-longans-to-china-targeted-this-month/

ท่าเรือ PPAP ในกัมพูชา รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 9%

ท่าเรือพนมเปญ (PPAP) รายงานผลประกอบการรวมในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 ที่มูลค่า 10.6 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผ่านการรายงานในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (CSX) โดยรายรับในช่วงเดือนกันยายนลดลงเล็กน้อยร้อยละ 6 คิดเป็นมูลค่า 3.1 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่ง PPAP ถือเป็นท่าเรือนำลึกระหว่างประเทศ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงโยธาธิการและการขนส่งกัมพูชา กระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง ในขณะที่รายรับรวมของ PPAP รวม 3 ไตรมาสเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 21 คิดเป็นมูลค่ากว่า 30.3 ล้านดอลลาร์ เทียบกับรายรับรวมในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มูลค่า 25.01 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501165242/ppap-third-quarter-revenue-rises-9/