กัมพูชา-ไทย ยืนยันไม่ล็อกดาวน์ หลังมีการแพร่ระบาดของ Omicron

แม้จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ Omicron แต่ทางการกัมพูชาและไทย ยืนยันว่าจะไม่การบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ โดยเมื่อวันที่ 22 ก.พ. นายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ได้เน้นย้ำถึงนโยบายว่าจะไม่มีการล็อกดาวน์เมืองหลวงและจังหวัดต่างๆ อย่างในปีที่แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงสภาวะขาดแคลนสินค้า รวมถึงปัญหาทางเศรษฐกิจ ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขกัมพูชา ปัจจุบันกัมพูชาตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อสายพันธุ์ Omicron 598 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อสายพันธุ์นี้ 2 ราย ซึ่งปัจจุบันประชากรของกัมพูชามีทั้งสิ้น 16 ล้านคน ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วที่ร้อยละ 89.99 ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวว่าไทยจะไม่ออกคำสั่งล็อกดาวน์เช่นเดียวกัน แม้ว่าไทยจะยกระดับความเสี่ยงของการติดเชื้อโควิด-19 เป็นระดับ 4 ภายใต้การรักษาระยะห่างและหลีกเลี่ยงการรวมตัวกันเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501030209/covid-19-cambodia-thailand-reject-lockdown-possibility/

‘พาณิชย์’ เตรียมนำสินค้าดาวเด่นทั่วไทย โชว์ศักยภาพในงาน FTA Fair พร้อมจัดเวทีเสวนา-จับคู่ธุรกิจ-คลินิกให้คำปรึกษา หนุนใช้เอฟทีเอขยายส่งออก

กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เตรียมจัดงาน “FTA Fair นำสินค้าไทย สู่ตลาดการค้าเสรี” นำเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการทั่วประเทศ ร่วมจำหน่ายสินค้ากว่า 40 บูธ ทั้งสินค้าเกษตร Future Food สิ่งทอ อัญมณีและเครื่องประดับ พร้อมจัดเวทีเสวน า จับคู่ธุรกิจ และคลินิกให้คำปรึกษา สร้างแต้มต่อสินค้าไทยขยายส่งออกด้วยเอฟทีเอ 25 ก.พ. – 3 มี.ค. นี้ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 ด้านนายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เร่งส่งเสริมเกษตรกรและผู้ประกอบการไทย ใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างแต้มต่อทางการค้าในการส่งออกสินค้าไปตลาดต่างประเทศ เพื่อให้เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการไทย มีโอกาสและช่องทางขยายส่งออกสินค้าไทยไปตลาดโลกโดยใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/beco/3300082

จีดีพีปี 64 โตเกินคาด 1.6% สศช.คาดปีนี้พุ่ง 4.5% รับผ่อนคลายคุมโควิด

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เผยเศรษฐกิจไทยปี 64 โต 1.6% ดีกว่าที่คาดไว้ 1.2% อานิสงส์เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเข้าไทยโดยไม่กักตัว คาดปี 65 โตได้ 3.5–4.5% ชี้ 2 ปีที่ผ่านมา รัฐใช้งบประมาณ และเงินกู้ รักษาผู้ป่วยโควิด 460,000 ล้านบาท ยังไม่รวมค่าซื้อวัคซีน และค่าเสี่ยงภัยบุคลากรทางการแพทย์อีก 1 แสนล้านบาท

ที่มา : https://www.thairath.co.th/business/economics/2321961

‘เพาะเลี้ยงหอยมุก’ ก้าวขึ้นแท่นอุตสาหกรรมศักยภาพของเวียดนาม

คุณ Nguyen Chu Hoi รองประธานสมาคมประมงของเวียดนาม กล่าวว่าเวียดนามมีแนวชายฝั่งกว่า 3,200 กม. และมีเกาะมากกว่า 150 แห่ง ประกอบกับสภาพภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นแหล่งเอื้อต่อการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ โดยเฉพาะปลา กุ้ง ปูก้ามหัก หอยเชลล์และหอยแมลงภู่

ทั้งนี้ รัฐบาลเวียดนามผ่านมติศูนย์กลางพรรคฯ ฉบับที่ 36-NQ/TW ลงวันที่ 22 ต.ค. 2561 ว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจทางทะเลเวียดนามจนถึงปี 2030 และวิสัยทัศน์ถึงปี 2045 โดยการเพาะเลี้ยงหอยมุกเป็นส่วนหนึ่งของภาคประมง อีกทั้ง เมื่อพิจารณาว่าการเพาะเลี้ยงหอยมุกเป็นอุตสาหกรรม จำเป็นต้องพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าและสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐบาล ตลอดจนการบริหารจัดการของภาครัฐฯ และการดำเนินนโยบาย จะช่วยให้อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงไข่มุกได้ใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/farming-pearls-from-mussels-a-potential-industry-for-vietnam/222423.vnp

‘เวียดนาม’ เผยครึ่งแรกของเดือน ก.พ. ยอดการส่งออก-นำเข้า ทะลุ 21.41 พันล้านเหรียญสหรัฐ

กรมศุลกากรเวียดนาม รายงานว่าการส่งออกและนำเข้าในช่วงครึ่งแรกของเดือนกุมภาพันธ์ มีมูลค่า 21.41 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยการส่งออก มีมูลค่า 8.75 พันล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกที่ทำรายได้สูงสุด มีจำนวน 3 รายการ ได้แก่ โทรศัพท์และส่วนประกอบ, คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน และเครื่องจักรและอุปกรณ์ ในขณะเดียวกันการนำเข้า มีมูลค่า 12.66 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่นำเข้าคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร เครื่องมือและอะไหล่ ทั้งนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าว เวียดนามขาดดุลการค้าประมาณ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเมื่อพิจารณามูลค่าสะสมจนถึงวันที่ 15 ก.พ. คิดเป็นมูลค่า 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/exportimport-turnover-hits-2141-bln-usd-in-first-half-of-february/222417.vnp

ผลผลิตมะเขือเทศสร้างรายได้งาม ! ให้เกษตรกรเมืองนะเมาะ

เกษตรกรในท้องถิ่นจากหมู่บ้าน West Lekkokpin ในเมืองนะเมาะ (Natmauk) จังหวัดมะกเว เขตมะกเวของเมียนมา กำลังปลูกมะเขือเทศโดยอาศัยน้ำบาดาลหลังฤดุฝนเพื่อการยังชีพและสร้างรายให้กับครัวเรือนได้อีกด้วย มะเขือเทศมี 2 สายพันธุ์ เช่น มะเขือเทศเมียนมาและไต้หวัน ตอนนี้เรากำลังปลูกมะเขือเทศพันธุ์เมียนมาร์ มะเขือเทศจะปลูกบนหย่อม ๆ ห่างกันประมาณสามฟุต ต้องรดน้ำทุกสามวัน ผลไม้ให้ผลผลิตสูงในขณะนี้ ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านปลูกหัวหอมส่งขายได้ราคา 1,000 จัตต่อ Visses (1 Visses เท่ากับ 1.66 กิโลกรัม) แต่ตอนนี้ราคาร่วงมาอยู่ที่ K350 จัตต่อ Visses ดังนั้นมะเขือเทศจึงเป็นทางเลือกของชาวบ้านในการสร้างรายได้ โดยมะเขือเทศที่จะขายปลีกและส่งจะถูกส่งไปยังตลาด Myoma ในทุกฯ วัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/manageable-tomato-production-earns-regular-income-for-farmers-in-natmauk/#article-title

อัตราเงินเฟ้อสปป.ลาวพุ่งสูงสุดรอบ 2 ปี

อัตราเงินเฟ้อเมื่อเทียบปีต่อปีเพิ่มขึ้นเป็น 6.25% ในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่มกราคม 2563 ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนสปป.ลาว ทำให้ต้นทุนสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5.04 ในเดือนพฤศจิกายน ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5.27 ในเดือนธันวาคม ตามรายงานล่าสุดจากสำนักสถิติลาว ต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนหลักของเงินเฟ้อในสปป.ลาวรวมถึงการระบาดใหญ่ของโควิด-19  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด Omicron กระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนและทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้นเนื่องจากอุปสงค์และอุปทานไม่สมดุลกัน ทั้งนี้รัฐบาลสปป.ลาวกำลังดำเนินการเพื่อเพิ่มผลผลิตเพื่อลดการนำเข้าเพื่อควบคุมราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจและประชาชนทั่วไป

อีกทั้งรัฐบาลได้ตัดสินใจลดภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละ 10 เหลือร้อยละ 7 ในปีนี้ และลดปริมาณสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าราคาน้ำมันสำรองในปัจจุบันอยู่ที่ 0 กีบ/ลิตร เพื่อกั้ญหาอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Inflation_37_22.php

ทางการกัมพูชาวางแผนสนับสนุน SMEs และ ภาคการเกษตร

ทางการกัมพูชาจัดตั้งโครงการเงินกู้ฉุกเฉินพิเศษมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจ SMEs และภาคการเกษตรเพื่อฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเงินกู้ดังกล่าวจะออกให้แก่ภาคเอกชนผ่านทางธนาคารวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของกัมพูชาและธนาคารเพื่อการพัฒนาการเกษตรและชนบท ภายใต้การส่งเสริมภาคการเกษตรและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งถือเป็น 2 ภาคส่วนที่สำคัญที่สุดในเศรษฐกิจกัมพูชา ทั้งในแง่ของการสร้างงานและในการปรับปรุงการดำรงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน รวมถึงเป็นการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501029437/cambodia-to-support-smes-and-the-agriculture-sector/

กลุ่มธุรกิจน้ำมันและการขายปลีก ปตท. มองหาพันธมิตรกัมพูชา สำหรับการดำเนินธุรกิจ

กลุ่มธุรกิจน้ำมันและการขายปลีก ปตท. (PTT&PTTOR) ของไทยกำลังมองหาพันธมิตรในท้องถิ่น ในพื้นที่ตลาดอื่น ๆ ที่ดำเนินการอยู่แล้ว เช่น กัมพูชา สปป.ลาว และฟิลิปปินส์ สำหรับการร่วมทุนให้มีศักยภาพ ซึ่ง PTTOR วางแผนตั้งกรอบการลงทุนไว้ที่ 2.9 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อขยายธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยใช้เครือข่ายสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ของบริษัท ซึ่งประมาณร้อยละ 42 ของรายจ่ายฝ่ายทุนจะถูกนำไปใช้เพื่อขยายธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน รวมถึงเพิ่มร้านกาแฟและร้านอาหารมากขึ้น และอีกส่วนหนึ่งของการลงทุนจะนำไปใช้กับเทคโนโลยีเพื่อช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและระบุโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจ โดยแผนการลงทุนพยายามที่จะเพิ่มสัดส่วนของรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันและธุรกิจในต่างประเทศ และลดการมีบทบาทของสถานีบริการน้ำมันลง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501029495/thailands-ptt-oil-and-retail-business-pttor-looks-for-cambodian-partners-for-operations-here/

รัฐบาลสปป.ลาวพยายามควบคุมราคาน้ำมัน

รัฐบาลกำลังดำเนินการควบคุมราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจและค่าครองชีพของประชาชนทั่วไป ท่ามกลางวิกฤตราคาน้ำมันตลาดโลกที่ผันผวน ปัจจุบันรัฐบาลสปป.ลาวเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมคิดเป็นร้อยละ 31-46 ของราคาน้ำมันที่เรียกเก็บในลาว รัฐบาลจึงตัดสินใจลดภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 7 ในปีนี้ นอกจากนี้ รัฐบาลได้ลดปริมาณสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าราคาน้ำมันสำรองปัจจุบันขณะนี้อยู่ที่ 0 กีบ/ลิตร นอกจากนี้ รัฐบาลจะทบทวนเงินสมทบกองทุนบำรุงรักษาถนน การจัดเก็บภาษีนำเข้า ภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้ ตลอดจนลดค่าใช้จ่ายสำหรับผู้นำเข้าน้ำมัน อันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามป้องกันราคาน้ำมันให้สูงขึ้นจนแพงเกินไป อย่างไรก็ตามปัญหาอย่างหนึ่งที่น่ากังวลคือเรื่องของการอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องของ kip ทำให้ยากยิ่งขึ้นในการควบคุมต้นทุนการนำเข้าน้ำมันที่เพิ่มขึ้นและอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัว รวมถึงราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยทุกสัญญาณบ่งชี้ว่าราคาจะสูงขึ้นเนื่องจากอุปสงค์และอุปทานไม่ตรงกัน ต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนหลักของเงินเฟ้อในประเทศลาว ค่าบริการมอเตอร์ไซค์ในเวียงจันทน์ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เป็นความท้าทายที่รัฐบาลสปป.ลาวต้องเผชิญในปีนี้

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_36.php