ร่างกฎหมายใหม่เมียนมากระตุ้นตลาดสินเชื่อ

กระทรวงแผนงาน การเงิน และอุตสาหกรรมกำลังร่างกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยจากการทำธุรกรรมโดยความช่วยเหลือจาก International Finance Corporation จุดประสงค์เพื่อจัดตั้งตลาดสินเชื่อที่ทันสมัยอย่างเป็นทางการซึ่งผู้กู้สามารถใช้ทรัพย์สินที่เคลื่อนที่ได้เป็นหลักประกัน และไมโคร วิสาหกิจขนาดเล็กและขนาดกลางสามารถเข้าถึงทางการเงินได้ดีขึ้น ความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากของรัฐบาลในการรับเครดิตซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่พิจารณาในดัชนีความสะดวกในการทำธุรกิจของธนาคารโลกง่ายขึ้น ในรายงานปี 62 ธนาคารโลกระบุว่าเมียนมาต้องปรับปรุงการเข้าถึงสินเชื่อสำหรับธุรกิจ เนื่องจากจำนวนสินเชื่อในระหว่างปีลดลง หนึ่งในเหตุผลคือธนาคารไม่เต็มใจปล่อยกู้ให้กับผู้กู้โดยไม่มีหลักประกัน เช่น ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ สำนักสินเชื่อเมียนมาได้ลงนามในข้อตกลงกับ Equifax New Zealand Services and Solutions Ltd เพื่อจัดตั้งสำนักเครดิตเพื่อช่วยให้ธนาคารตัดสินใจได้ดีขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงและการให้สินเชื่อ

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/new-law-works-help-set-myanmar-credit-market.html

ปี 63 คาดตลาดค้าส่งค้าปลีกเมียนมาเพิ่มขึ้น

กรรมการผู้จัดการ บริษัท Pro 1 Global Company คาดค้าปลีก ค้าส่งในเมียนมาปีนี้จะขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเป็นกิจการร่วมค้าปลีกระหว่างนักลงทุนในประเทศและไทย นอกจากนี้ค้าปลีกธุรกิจต่างประเทศและกิจการร่วมค้าไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการตลาดขนาดเล็กร้านสะดวกซื้อและการจำหน่ายปลีกที่พื้นมีขนาดเล็กกว่า 929 ตารางเมตร ปัจจุบันร้านค้าปลีกสมัยใหม่มีสัดส่วนประมาณ 10% ของตลาดค้าปลีกและคาดว่าจะเพิ่มเป็น 25% ภายในปี 63 ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อกำลังผุดขึ้นในเมียนมาเพื่อรองรับพฤติกรรมและความชอบของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป จากร้านค้าปลีกประมาณ 250,000 แห่งประกอบด้วยร้านขายของชำ สิ่งอำนวยความสะดวก ผ้า ร้านขายยา และแฟชั่นเป็นห้าอันดับแรกซึ่งคิดเป็น 45% ของร้านค้าปลีกรวม การเปิดเสรีมีวัตถุประสงค์เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุน การลงทุนจากต่างประเทศจะลงทุนในสินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร ของใช้ในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์ยา เครื่องจักร วัสดุก่อสร้าง สินค้าเกษตร และอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ตลาดเมียนมา รวมถึง MyCare Unicharm DKSH จากไทย Toyota Tsusho จากญี่ปุ่น Unilever จากเนเธอร์แลนด์ ADM และ Frontir จากสหรัฐอเมริกาและ Nestle จากสวิตเซอร์แลนด์ ภาพรวมการเปิดเสรีค้าปลีกและค้าส่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ โดยการแข่งขันจะเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/more-activity-expected-myanmars-wholesale-and-retail-market-year.html

รัฐบาลสปป.ลาวส่งเสริมการนำเข้า-ส่งออกสร้างบรรยากาศการค้าที่ดี

รัฐบาลสปป.ลาวจะมีการดำเนินนโยบายด้านการค้าในการลดอุปสรรคด้านการนำเข้าและส่งออกสินค้าโดยหวังว่าจะปรับปรุงบรรยากาศทางธุรกิจให้ดีขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจกิจให้ขยายตัวโดยมีเป้าหมายผู้ค้าในประเทศและต่างประเทศสามารถขนส่งสินค้าของพวกเขาผ่านสปป.ลาวไปยังประเทศที่สามได้ง่ายขึ้น ซึ่งรัฐบาลจะมีการลดค่าธรรมเนียมการอนุญาตการนำเข้าและส่งออกอย่างน้อย 50%จากค่าธรรมเนียมเดิมและลดการค่าอนุมัติเอกสารการนำเข้าและส่งออก 30% โดยกรอบเวลาสำหรับการดำเนินโครงการคือปี 65 นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาคุณภาพของสินค้าที่จะนำเข้าหรือส่งออกโดยต้องมีใบอนุญาตนำเข้าและส่งออกจากทางการเพื่อความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้การค้าของสปป.ลาวเป็นไปในทางที่ดีขึ้นและสินค้าที่นำเข้าก็จะมีคุณภาพและเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt.php

สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน กระทบ FDI กัมพูชา

กัมพูชาและประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง จากรายงานล่าสุดของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา โดยกล่าวเสริมว่าสงครามการค้าที่ยืดเยื้อได้ผลักดันให้เกิดความท้าทายที่สำคัญ ซึ่งทำให้กิจกรรมและการลงทุนระหว่างประเทศหลายประเทศชะลอตัวลง โดยรองผู้อำนวยการศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ลุ่มน้ำโขงกล่าวว่าสงครามการค้าส่งผลกระทบระยะสั้นและระยะยาวต่อประเทศ ซึ่งในระยะสั้นกัมพูชาจะได้รับประโยชน์ในแง่ของการค้าเพราะบริษัทจีนบางแห่งกำลังเผชิญกับการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังตลาดสหรัฐเนื่องจากมีการเก็บภาษีที่สูง ดังนั้นหลายบริษัทจึงมองหาฐานการผลิตใหม่เช่นกัมพูชา อย่างไรก็ตามในระยะยาวสงครามการค้าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจกัมพูชาไม่มากก็น้อย เช่นส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาน้อยลงและการลงทุนจากต่างประเทศในกัมพูชาลดลง โดย Nikkei Asian Review ได้รายงานเมื่อเร็วๆนี้ว่ามี บริษัท 16 แห่งกำลังมองหาฐานการผลิตใหม่จากจีนไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯเนื่องจากข้อพิพาททางการค้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50677276/us-china-trade-tension-diverts-foreign-investments-to-kingdoms-benefit

กัมพูชาลงนามในสนธิสัญญาว่าด้วยการเก็บภาษีซ้ำซ้อนกับฟิลิปปินส์

  กัมพูชาและฟิลิปปินส์ใกล้จะลงนามในข้อตกลงการเก็บภาษีซ้ำซ้อน (DTA) ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มการค้าและการจ้างงานแบบสองทางระหว่างทั้งสองประเทศ จากการรายงานของ Philippine Daily Inquirer ประเทศกัมพูชาได้ตกลงกับข้อเสนอส่วนใหญ่ที่ทางฟิลิปปินส์ได้เสนอมา โดยข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นข่าวดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชาวฟิลิปปินส์ที่ทำงานในกัมพูชา ซึ่งมีคนฟิลิปปินส์มากกว่า 5,000 คน ที่อาศัยและทำงานในกัมพูชา ส่วนใหญ่เป็นพนักงาน ผู้จัดการ ครูวิศวกร แพทย์ สถาปนิก นักบัญชีและตำแหน่งระดับสูงอื่นๆ โดย DTA จะอนุญาตให้ผู้อยู่อาศัยหรือพลเมืองของทั้งสองประเทศที่ทำงานในประเทศอื่นจ่ายหรือเสียภาษีในประเทศบ้านเกิดของตนเท่านั้น ซึ่งจากข้อมูลของสำนักรายได้ภายในระบุว่าผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศอื่นที่ฟิลิปปินส์มีสนธิสัญญาการเก็บภาษีซ้ำซ้อนอาจสามารถเรียกร้องการยกเว้นหรือยกเว้นภาษีจากทางฟิลิปปินส์บางส่วนได้จากรายได้บางประเภทในฟิลิปปินส์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50677163/nation-close-to-inking-double-taxation-pact-with-philippines

ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์เวียดนาม เผชิญกับอุปสรรคจากการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น

จากรายงานของสมาคมผู้ผลิตรถจักรยานยนต์เวียดนาม (VAMM) เปิดเผยว่าในปี 2562 ตัวเลขยอดขายรถจักรยานยนต์ถดถอยลง ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมคาดว่ายอดขายจะเพิ่มสูงขึ้น โดยในเดือนตุลาคมและเดือนพฤศจิกายน มียอดขายขายรถจักรยานยนต์เพียง 227,000 คัน และ 230,000 คัน ลดลงร้อยละ 6.5 และ 2.2 ตามลำดับ เมื่อเทียบเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2561 ธุรกิจเผชิญกับอุปสรรคอย่างมากในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 62 ถึงแม้ว่าจะพยายามกระตุ้นยอดขายก็ตาม ซึ่งแบรนด์ฮอนด้า เป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มียอดขายรถจักรยานยนต์กว่า 2.6 ล้านคัน ในปี 62 รองลงมาเป็นแบรนด์จากญี่ปุ่น ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์มีแนวโน้มถดถอยลง เป็นผลจากรายได้ของประชากรเพิ่มสูงขึ้น และการหันมาซื้อรถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงมีความต้องการซื้อรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่สูงขึ้นและจำนวนการใช้รถจักรยานยนต์ที่ลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มเมืองใหญ่ ด้วยเหตุนี้ ทำให้ความต้องการรถจักรยานยนต์ดิ่งลงอย่างมาก

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/570719/motorcycle-makers-running-out-of-gas-in-face-of-increased-competition.html

เงินโบนัสพิเศษเฉลี่ยของคนเวียดนาม 288 ดอลลาร์สหรัฐ ในปีนี้

จากรายงานของกระทรวงแรงงานเวียดนามเกี่ยวกับผลการสำรวจธุรกิจเวียดนามกว่า 25,000 แห่งและจำนวนแรงงาน 3.15 ล้านคนที่อยู่ในเขตเมือง 40 เขต เปิดเผยว่าบริษัทเวียดนามจะจ่ายเงินโบนัสพิเศษ (Tet Bonus) เฉลี่ยอยู่ที่ 6.71 ล้านดอง (288 ดอลลาร์สหรัฐ) ในปีนี้ เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 7.1 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งบริษัทที่รัฐฯเป็นเจ้าของ มีการจ่ายเงินโบนัสเฉลี่ยอยู่ที่ 264 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมูลค่าเท่ากับปีที่แล้ว หากจำแนกประเภทธุรกิจ พบว่าผู้ประกอบการเอกชนและธุรกิจต่างประเทศจ่ายเงินโบนัส 270 ดอลลาร์สหรัฐ และ 298 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 และ 11.1 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ บริษัทเวียดนามส่วนใหญ่ร้อยละ 85.6 จ่ายเงินโบนัสแก่พนักงานในช่วงปีใหม่ คิดเป็นเงินโบนัสเฉลี่ยราว 40 ดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/companies/average-tet-bonus-is-288-this-year-4037642.html

อัญมณีเมียนมาได้รับการยกเว้นภาษี

จากข้อมูลของสมาคมผู้ประกอบการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ (GJEA) ชาวต่างชาติที่ซื้อเครื่องประดับและอัญมณีที่งานแสดงสินค้าอัญมณีและอัญมณีแห่งย่างกุ้งในปี 2563 จะได้รับการยกเว้นภาษีการค้า 5 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเข้าร่วมงานจะได้รับการเข้าถึงวีซ่าได้ง่ายขึ้น วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้ซื้อสนใจในอัญมณีที่ผลิตในเมียนมา เมื่อปีที่แล้วมีพ่อค้ากว่า 700 รายจาก 27 ประเทศเข้าเยี่ยมชมงาน ปีนี้เป็นปีที่สามที่จัดงานในย่างกุ้ง โดยจัดขึ้นที่ ล็อตเต โฮเทล ย่างกุ้ง ในวันที่ 10 ถึง 13 มกราคม 63 นี้ที่จะถึงนี้

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/gem-buyers-exempted-tax.html

รัฐบาลเมียนมาอนุญาตนำเข้ายานพาหนะ

กระทรวงพาณิชย์ (MOC) ประกาศเมื่อวันที่ 2 มกราคมว่าจะให้ใบอนุญาตนำเข้ารถยนต์แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐและเจ้าหน้าที่บริการสาธารณะ สามารถนำเข้าโดยตรงโดยไม่ต้องผ่านโชว์รูมหรือตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการจำกัดจำนวนผู้ซื้อที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้า อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ระดับสูงสามารถนำเข้ารถยนต์ที่มีราคาแพงกว่าได้ และอนุญาตให้เฉพาะรถยนต์พวงมาลัยซ้ายที่ผลิตระหว่างปี 61-63 ยานพาหนะที่นำเข้ามาจะได้รับการยกเว้นจากภาษีศุลกากรและ road tax แต่ผู้ซื้อจะต้องชำระค่าสินค้าพิเศษและภาษีการค้า ราคานำเข้ารวมราคาประกันภัยและค่าขนส่ง (CIF) รัฐบาลยังได้ติดต่อธนาคารท้องถิ่นเพื่อจัดเตรียมทางเลือกในการชำระเงินให้กับผู้ซื้อในกรณีเช่าซื้อ ผู้ที่ไม่สามารถชำระเงินด้วยเงินสดล่วงหน้าสามารถขอให้ธนาคารเช่าซื้อและการชำระเงินอื่น ๆ Myanma Economic Bank จะเรียกเก็บดอกเบี้ย 9% เป็นประธานของสมาคมผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ของเมียนมากล่าวว่าโครงการดังกล่าวเอื้อประโยชน์สำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงพาณิชย์จะพบกับผู้นำเข้ารถยนต์ ตัวแทนจำหน่าย และธนาคารเพื่อชี้แจงใบอนุญาตการนำเข้าในวันที่ 9 มกราคม 63 นี้

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/govt-officials-allowed-import-vehicles-favourable-terms.html

เวียดนามจะซื้อพลังงาน 1.5 พันล้าน kWh ต่อปีจากสปป.ลาว

Vietnam Electricity (EVN) จะซื้อไฟฟ้าจากสปป.ลาวประมาณ 1.5 พันล้าน kWh ต่อปีเป็นระยะเวลา 2 ปี เริ่มในปี 64 ภายใต้สัญญาที่ลงนาม Vietnam Electricity (EVN) จะซื้อไฟฟ้ามากกว่า 596 ล้าน kWh ต่อปีจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำสองแห่งของกลุ่ม  Phongsubthavy และในปี 65 จะซื้อไฟฟ้า 632 ล้าน kWh จากโรงงานสองแห่งที่อยู่ในกลุ่ม Chealun Sekong อีกทั้งในปี 64 จะเริ่มซื้อไฟฟ้า 263 ล้าน kWh ต่อปีจากบริษัทอื่น การนำเข้าได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลเวียดนามเพื่อลดปัญหาการขาดแคลนพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าประมาณการในปี 64 การขาดแคลน 3.7 พันล้าน kWh และเกือบ 10 พันล้าน kWh ในปีต่อไป ในปี 66 คาดว่าปัญหาการขาดแคลนจะอยู่ที่ประมาณ 15 พันล้าน kWh จากนั้นจะลดลง เนื่องจากการขาดแคลนคาดว่าจะลดลงถึง 7 พันล้าน kWh และ 3.5 พันล้าน kWh ในปี 67 และ 68 ตามลำดับ กระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวว่าสามารถอนุรักษ์กระแสไฟฟ้าได้ไม่เกิน 5-8% และทางออกเดียวคือการนำเข้ามากขึ้นจากสปป.ลาวและจีน แต่การซื้อจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นเพียงวิธีแก้ปัญหาด้วยคลื่นความถี่และในระยะยาวมีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความเร็วในการทำงานในโครงการผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/industries/vietnam-to-buy-1-5-billion-kwh-of-power-annually-from-laos-4037485.html