ธนินท์ ชวนนักธุรกิจชาวจีน ขยายการลงทุน ชูไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน

นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะนายกสมาคมนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และประธานกิตติมศักดิ์ผู้ทรงเกียรติหอการค้าไทย-จีน ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก (World Chinese Entrepreneurs Convention-WCEC) ครั้งที่ 16 ภายใต้ธีม “ร่วมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยภูมิปัญญานักธุรกิจจีน” ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ว่าปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลง และมีความไม่แน่นอน นักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลจะต้องเป็นผู้ที่มองเห็นโอกาสจากวิกฤต เพราะในวิกฤตจะมีโอกาส ต้องวิเคราะห์โอกาส จะคว้าโอกาสนั้นได้อย่างไร ซึ่งโอกาสเกิดขึ้นการลงทุนและการพัฒนาศักยภาพของเทคโนโลยี และเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของอาเซียน และมีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ได้ลงทุนที่ไทยเป็นฐานการผลิตหลัก จึงหวังว่านักลงทุนชาวจีนโพ้นทะเลทั่วโลก จะพิจารณามาลงทุนที่ไทย โดยเฉพาะการลงทุนในพื้นที่ EEC หรือเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก

ที่มา : https://www.thaipost.net/economy-news/403619/

“เศรษฐกิจเวียดนาม” มุ่งมั่นที่จะก้าวข้ามอุปสรรคในปี 2567

จากรายงานของกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดเผยให้เห็นว่าเศรษฐกิจเวียดนามเผชิญกับความท้าทายมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาค รวมไปถึงปัญหาหรืออุปสรรคที่ไม่คาดคิดในอนาคต นอกจากนี้ ความเสี่ยงในปีหน้า ไม่เพียงแต่มาจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกหรือหนี้เสียที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ยังมาจากการดำเนินมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจที่ไม่ได้ผลอีกด้วย ทั้งนี้ ปัญหาคอขวดต่างๆ อาทิเช่น ปัญหาการขาดแคลนกำลังไฟฟ้าที่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและการดำเนินงานขององค์กร ตลอดจนการใช้ชีวิตของผู้คนอีกด้วย ในขณะที่การปฏิรูปเพื่อส่งเสริมบรรยากาศทางธุรกิจและยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันก็เกิดการหยุดชะงักลง และอาจขัดขวางต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ยากลำบากอยู่แล้ว

ที่มา : https://vir.com.vn/adb-highlights-default-risks-in-vietnams-property-markets-102853.html

“เวียดนาม” เผยจ่ายเงินบำนาญสูงสุด 5,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน

สำนักงานประกันสังคมเวียดนาม (VSS) เปิดเผยว่าผู้ที่ได้รับเงินบำนาญในเวียดนามสูงถึง 124 ล้านดอง (5,200 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อเดือน และจากข้อมูลในเดือน เม.ย. 2566 พบว่าผู้ที่ได้รับเงินบำนาญต่อเดือน มีจำนวนรวมกันทั้งสิ้น 471 คน เป็นมูลค่ามากกว่า 20 ล้านดอง (850 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อเดือน ซึ่งจากจำนวนผู้ที่ได้รับเงินบำนาญข้างต้นส่วนใหญ่ทำงานในบริษัทเอกชนหรือบริษัทต่างชาติในเวียดนาม และจ่ายค่าประกันสังคมค่อนข้างสูง

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/highest-pension-in-vietnam-pays-us-5-200-per-month-2158528.html

“เมียนมา” เผาทำลายยาเสพติดล็อตใหญ่ 446 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ค้าผิดกฎหมายเฟื่องฟูในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

รัฐบาลทหารเมียนมาได้เผาทำลายยาเสพติดที่ยึดมาได้รวมมูลค่ามากกว่า 448 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติได้เตือนถึงการเพิ่มขึ้นของผลผลิตฝิ่น เฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) ในเมียนมา โดยการส่งออกจะขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ รายงานของ สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ระบุว่าการผลิตฝิ่นในเมียนมาเฟื่องฟูนับตั้งแต่เกิดการยึดอำนาจของกองทัพ ซึ่งการปลูกฝิ่นเพิ่มขึ้นหนึ่งในสามของปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีความพยายามกำจัดให้ลดลง และภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ทำให้ผู้คนหันมาทำการค้ายาเสพติดกันมากขึ้น ตลอดจนยังเตือนถึงการผลิตเมทแอมเฟตามีนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาลดลงและมีการลักลอบผ่านเส้นทางใหม่ๆ อีกด้วย

ที่มา : https://www.thaipbsworld.com/us-places-sanctions-on-myanmars-defence-ministry-banks/

สปป.ลาว เตรียมแผน “Visit Laos 2024” ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ

หน่วยงานระดับจังหวัดทั่วประเทศ กำลังเร่งเตรียมการเปิดตัวโปรแกรมท่องเที่ยวภายใต้แคมเปญ “Visit Laos Year 2024” เพื่อให้บริษัททัวร์สามารถสร้างแพ็คเกจทัวร์ตามข้อเสนอที่หลากหลาย ตอบสนองต่อความต้องการของนักท่องเที่ยว ขณะที่ Suanesavanh Vignaket รัฐมนตรีว่าการกระทรวงข่าวสาร วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันหน่วยงานรัฐฯ ทุกจังหวัดได้ส่งรายการแผนงานและกิจกรรมต่างๆ ไปยังกระทรวงแล้ว ซึ่งทางกระทรวงได้ส่งต่อไปยังบริษัททัวร์เพื่อจัดเตรียมในการนำเสนอต่อนักท่องเที่ยวต่อไป โดยรัฐบาลได้จัดแคมเปญส่งเสริมการขายก่อนหน้านี้เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ได้แก่ Visit Laos Years 2 ครั้ง Visit Laos-China Year และ Lao Thiao Laos ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยหวังดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมายัง สปป.ลาว ให้ได้จำนวนเกินกว่าช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten121_Provinces_y23.php

ทางการไทยต่ออายุใบอนุญาตให้แรงงานกัมพูชากว่า 4 หมื่นคน

ทางการไทยตกลงต่ออายุใบอนุญาตทำงานให้กับแรงงานข้ามชาติชาวกัมพูชาเกือบ 40,000 คน หลังกรมแรงงานของทั้งสองประเทศทำงานร่วมกับและบรรลุข้อตกลง เพื่ออำนวยความสะดวกในการต่ออายุใบอนุญาตทำงานให้แก่แรงงานข้ามชาติผ่านระบบออนไลน์ เพื่อให้กระบวนการในการดำเนินการรวดเร็วขึ้นและไม่ยุ่งยาก ซึ่งตาม MoU ปัจจุบันกำหนดระยะเวลาต่อการออกใบอนุญาตทำงานไว้ที่ 4 ปี ต่อการต่ออายุ โดยทางการไทยขอให้ทางการกัมพูชาเร่งดำเนินการรับรองเอกสารข้อมูลส่วนบุคคลของแรงงานเพื่อต่ออายุใบอนุญาตการทำงาน ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากมีรายงานว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว บริการ การก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และการแปรรูปอาหาร

ขณะที่ข้อมูลจากกระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพของกัมพูชา (MLVT) รายงานว่ากัมพูชามีแรงงานที่เดินทางไปทำงานยังต่างประเทศกว่า 1.3 ล้านคน ในจำนวนดังกล่าว 1.2 ล้านคน ทำงานในประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยที่มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 400 ดอลลาร์ต่อเดือน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501314077/thailand-agrees-to-renew-permits-for-40000-cambodian-workers/

กัมพูชาตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 5.6 ล้านคน ภายในปี 2024

กัมพูชาคาดการณ์ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 5.6 ล้านคน และนักท่องเที่ยวภายในประเทศอีกกว่า 16.4 คน ภายในปี 2024 ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว พัฒนาสนามบินแห่งใหม่ ทางด่วน การจัดงานแข่งขันกีฬา และการนำเทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้ตามแผนโรดแมปของกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา กล่าวโดย Thong Khon รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ในระหว่างการสัมนาสรุปแผนส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวของกัมพูชา หลังวิกฤตโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลตกลงที่จะสนับสนุนผ่านกลยุทธ์เพิ่มความยืดหยุ่นและการฟื้นตัว เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ปัจจุบัน โดยรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมกัมพูชาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมกับแผนสร้างสนามกีฬาขนาดใหญ่ที่จุผู้ชมได้ประมาณ 10,000-20,000 คน เพื่อส่งเสริมการแข่งขันกีฬาและการท่องเที่ยวในจังหวัดเสียมราฐ  ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลได้เปิดตัวแคมเปญ “IBEST” เพื่อปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ การจอง สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และเทคโนโลยี เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501314073/cambodia-eyes-over-5-6m-international-tourists-by-2024/

UN จัดอันดับความยั่งยืนไทย อันดับ 1 ของอาเซียนติดต่อกันปีที่ 5

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับทราบรายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี 2566 หรือ Sustainable Development Report 2023 ขององค์การสหประชาชาติ (UN) และมีความยินดีที่การพัฒนาของประเทศไทยดีขึ้น โดย SDG Index ของไทยขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 43 จากประเทศที่ได้รับการจัดอันดับทั้งหมด 166 ประเทศ ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากอันดับที่ 44 ในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ผลคะแนน SDG Index ที่ 74.7 คะแนน ในปี 2566 ทำให้ไทยมีคะแนนการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ซึ่งนับเป็นการตอกย้ำผลสัมฤทธิ์ที่รัฐบาลได้พยายามขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม โดยกำหนดให้ความยั่งยืนเป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศ และเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี และแผนการพัฒนาประเทศในทุกระดับ เช่น แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทั้งฉบับที่ 12 และ ฉบับที่ 13

ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2023/312516

“ทุเรียนไทย” ส่งออกไปเวียดนามพุ่งทะยาน 10,000% ประตูใหม่สู่จีน

จากรายงานของกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.) การส่งออกทุเรียนและทุเรียนแช่แข็งของไทย มีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้น 63,627 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 166% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุด คือ ตลาดตจีนมีมูลค่า 62,068 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 170% จากปีก่อน รองลงมาฮ่องกงและไต้หวัน อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าตลาดเวียดนามเป็นตลาดอันดับ 10 ที่มีมูลค่าการส่งออกเพียง 0.15 ล้านบาท แต่เติบโต 10,769% ทั้งนี้ นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ”ว่าสถานการณ์การส่งออกทุเรียนสดและแช่แข็งในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 100% อย่างไรก็ดีต้องทำการติดตามและประเมินถึงแนวโน้มครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะผลผลิตทุเรียนในภาคใต้ รวมไปถึงดูแลเรื่องการขนส่งผ่านด่านทางเวียดนามและสปป.ลาว เพื่อส่งออไปยังประเทศจีน

ที่มา : https://www.khaosodenglish.com/news/2023/06/24/thai-durian-exports-to-vietnam-soar-10000-as-new-gateway-to-china/

‘สแตนชาร์ด’ คาดส่งออกเวียดนามปี 2030 ยอดพุ่งเกิน 620 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตามรายงานของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เปิดเผยว่าเวียดนามพร้อมที่จะเป็นเครื่องยนต์สำคัญของการเติบโตทางการค้าโลก จากการคาดการณ์ตัวเลขการส่งออกที่จะสูงถึง 618 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 พร้อมกับเวียดนามมีศักยภาพอย่างมากที่จะกลายมาเป็นศูนย์กลางทางการค้าได้ในระดับโลก ทั้งนี้ จากรายงานฉบับก่อนที่เผยแพร่ในปี 2021 ได้มีการประเมินไว้ว่าตัวเลขการส่งออกของเวียดนามจะสูงถึง 535 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2030 อย่างไรก็ตาม รายงานฉบับล่าสุดที่ปรับตัวเลขการคาดการณ์ สะท้อนให้เห็นถึงการส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อยู่ที่ 83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ภาคอุตสาหกรรมเครื่องจักรและอิเล็กทรอนิกส์จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักทางด้านการส่งออกของเวียดนาม ด้วยสัดส่วนราว 50% ของตัวเลขที่คาดการณ์ในปี 2030

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/standard-chartered-forecasts-vietnams-2030-export-revenue-to-reach-us620-billion/