ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม จ.สุรินทร์ สุดคึกคัก มีเม็ดเงินหมุนเวียนกว่า 30 ลบ.

นายพัฒนา ชื่นยง ผู้จัดการอาวุโส ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์จนถึงขณะนี้ ตลาดการค้าชายแดนช่องจอมยังคึกคัก แต่อาจจะบางต่ำกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา มีประชาชนทยอยมาจับจ่ายซื้อของมิขาดสาดสาย ส่วนใหญ่เป็นสินค้านำกลับไปเป็นของฝาก โดยประชาชนใช้เส้นทางเลี่ยงรถติดจากเส้นทางหลัก หมายเลข 24 เดชอุดม-สีคิ้ว เปลี่ยนมาใช้เส้นทางผ่านอำเภอกาบเชิง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ไปยังเส้นทางอำเภอบ้านกรวด-ละหานทราย จังหวัดบุรีรมย์แทน ก่อนจะมุงหน้าตามเส้นทางสู่อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว จังหวัดฉะเชิงเทรา สู่ภาคตะวันออก ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร ต่อไป ทั้งนี้ ผู้จัดการอาวุโส ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม คาดว่า ตลอดวันหยุดยาวสงกรานต์ ตลาดการค้าชายแดนช่องจอมมีเงินสะพัดทั้งใน และโดยรอบนอกตลาดในพื้นที่ชายแดนช่องจอมมากกว่า 30 ล้านบาท

ที่มา : https://www.opt-news.com/news/34122

ราคาส่งออกข้าวเวียดนาม ‘พุ่ง’

จากข้อมูลของกรมศุลกากรเวียดนาม ระบุว่าในไตรมาสแรกของปี 2566 ราคาส่งออกข้าวของเวียดนามเพิ่มขึ้น 9.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) อยู่ที่ 532 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน การส่งออกข้าวมีปริมาณกว่า 1.79 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 952 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยราคาข้าวที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลมาจากสัดส่วนของข้าวคุณภาพสูงที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวหอม ข้าวเหนียวและข้าวพันธุ์พิเศษ เป็นต้น หากคิดเป็นสัดส่วนจะเห็นได้ว่าข้าวคุณภาพสูงมีสัดส่วนถึง 50% ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด และในปัจจุบันราคาขายอยู่ที่ราว 600 – 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าสถานการณ์การส่งออกข้าวของเวียดนามยังอยู่ในทิศทางที่สดใส เนื่องจากส่วนแบ่งทางการตลาดของข้าวคุณภาพสูงที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลก ทำให้ความต้องการอาหารในการสะสมเพิ่มมากขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/rice-export-prices-on-the-rise/251650.vnp

“ศก.เวียดนาม” คาดเติบโตอันดับ 2 ในอาเซียน

ตามรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์ทวลรวมในประเทศ (GDP) ของเวียดนาม คาดว่าจะขยายตัว 5.8% ในปี 2566 อยู่ในอันดับที่ 2 ร่วมกับกัมพูชาในภูมิภาคอาเซียน รองจากฟิลิปปินส์ และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัวสูงขึ้นแตะ 6.9% ในปีหน้า ถือว่าเป็นตัวเลขสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในเรื่องของหนี้สาธารณะเวียดนามที่คาดว่าจะอยู่ระดับต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศสมาชิกอาเซียนอีก 8 ประเทศ

ทั้งนี้ ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้สถาบันการเงินดำเนินการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต โดยผู้เชี่ยวชาญได้ให้เหตุผลถึงการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางว่าเป็นการสร้างความยืดหยุ่นและจังหวะเวลา รวมถึงคาดว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 12 เดือนจะอยู่ที่ประมาณ 7% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 10%

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-gdp-growth-forecast-to-rank-second-in-asean/251654.vnp

“กองกำลังว้า” ระงับการทำเหมือง เดือน ส.ค. ราคาดีบุกพุ่ง

กองทัพรวมแห่งรัฐว้า (UWSA) กองกำลังชนกลุ่มน้อยในเมียนมา ประกาศจะระงับการทำงานเหมืองในพื้นที่ภายใต้การควบคุมของกองกำลัง ตั้งแต่เดือน ส.ค. แร่บุกของเมียนมาส่วนใหญ่มาจากเหมืองในพื้นที่รัฐว้า และจากเหตุการณ์ในข้างต้นส่งผลให้ราคาดีบุกพุ่งสูงขึ้น 12% ในประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่ที่สุดในโลก และราคาดีบุกดังกล่าวอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนหลังจากทราบข่าวระงับเหมือง โดยตลาดเมียนมามีสัดส่วน 77% ของการนำเข้าดีบุกของประเทศจีนในปี 2565 ทั้งนี้ รัฐว้าถือเป็นแหล่งผลิตดีบุกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมียนมาและผลผลิตส่วนใหญ่จะส่งออกไปยังประเทศจีน การระงับการทำเหมืองในครั้งนี้จะทำให้ผลผลิตของเหมืองดีบุกอยู่ในสถานการณ์ที่เข้มงวดขึ้น อย่างไรก็ดี สถานการณ์ยังไม่ชัดเจนว่าจะระงับการทำเหมืองหรือไม่ เนื่องจากไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการแจ้งเตือนและหน่วยงานหลักของรัฐว้าไม่ได้รับการแจ้งเตือน

ที่มา : https://www.reuters.com/article/tin-myanmar/myanmars-wa-militia-to-suspend-mining-in-its-zone-from-aug-tin-prices-jump-idUSKBN2WE0KH

IMF คาดเศรษฐกิจ สปป.ลาว ปีนี้โตเฉลี่ยร้อยละ 4

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจ สปป.ลาว จะเติบโตร้อยละ 4 ในปีนี้ แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกจะยังอยู่บนความไม่แน่นอน แต่ถึงอย่างไรในรายงานของ IMF ช่วงเดือนเมษายน ได้ระบุว่าการยกเลิกข้อจำกัดด้านการเดินทางและการเปิดประเทศอีกครั้งของจีน จะส่งผลทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาครวมถึง สปป.ลาว กลับมาขยายตัว โดยหนึ่งในความท้าทายหลักสำหรับ สปป.ลาว ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าคือการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ เนื่องจากต้นทุนสินค้าและบริการที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบันที่กำลังสร้างผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่ง IMF คาดการณ์ว่าดัชนีราคาผู้บริโภคใน สปป.ลาว จะขึ้นไปแตะที่เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 15.1 ในปีนี้ ถือเป็นอัตราสูงสุดที่คาดการณ์ไว้สำหรับประเทศในกลุ่มเอเชียเกิดใหม่

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_Laoeconomy73.php

Q1 กัมพูชาส่งออกยางพาราขยายตัวเกือบร้อยละ 43

กัมพูชาส่งออกยางพาราเพิ่มขึ้นร้อยละ 42.8 ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มูลค่า 168 ล้านดอลลาร์ รายงานโดยกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) ซึ่งการส่งออกยางในช่วงเดือนมีนาคมมีมูลค่าแตะ 55 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับในปีที่แล้ว กัมพูชาส่งออกยางพาราไปยังต่างประเทศที่มูลค่ารวม 541.66 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.3 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยตลาดยางพาราที่สำคัญของกัมพูชาประกอบด้วย จีน เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย และสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งในปี 2023 แนวโน้มตลาดยางธรรมชาติทั่วโลกคาดว่าจะมีปริมาณการผลิตสูงถึง 14.693 ล้านตัน ขณะที่การบริโภคคาดว่าจะอยู่ที่ 14.738 ล้านตัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501274657/cambodias-rubber-exports-surge-by-43-in-q1/

นักท่องเที่ยวกว่า 2.1 ล้านคน แห่เล่นน้ำในช่วงเทศกาลอังกอร์สงกรานต์

กรมการท่องเที่ยวจังหวัดเสียมราฐ ได้รายงานถึงสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวในช่วง 3 วัน ของเทศกาลอังกอร์ สงกรานต์ นับตั้งแต่วันที่ 14 ถึง 16 เมษายน 2023 โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศเดินทางมาเยือนเสียมราฐประมาณ 2,120,373 คน ซึ่งคิดเป็นนักท่องเที่ยวภายในประเทศประมาณ 2,107,000 คน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501274719/more-than-2-1-million-tourists-visited-siem-reap-during-the-3-days-of-angkor-sankranta/

เลือกตั้งดัน GDP ไทย

จากข้อมูลธนาคารโลก คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2566 จะเติบโตร้อยละ 3.6 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่มีการคาดการณ์ไว้เมื่อเดือนธันวาคม 2565 โดยเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นจากในปี 2565 ที่เติบโตร้อยละ 2.6 และคาดว่าในปี 2567 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ร้อยละ 4.1 ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ  หรือ IMF  ยังคงคาดการณ์เศรษฐกิจประเทศไทยสำหรับปีนี้และปีหน้า โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.7% ในปีนี้ และ 3.6% ในปีหน้า เมื่อเทียบกับที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนต.ค. แต่ลดคาดการณ์การขยายตัวเฉลี่ยสำหรับ 5 ประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งประกอบด้วยอินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์,  สิงคโปร์ และไทย

อย่างไรก็ตาม มีการจับตาปัจจัยเรื่องการเลือกตั้ง ที่จะช่วยดันเศรษฐกิจไทย โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจคาดว่าช่วงการจัดกิจกรรมหาเสียงเต็มรูปแบบของพรรคการเมืองทุกพรรคไปจนถึงวันเลือกตั้งจริง จะมีเม็ดเงินสะพัดทุกกิจกรรมลงในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศในระดับรากหญ้าไม่ต่ำกว่า 40,000-50,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 2 เติบโตไปพร้อมกับการท่องเที่ยว โดยดันจีดีพีไทยให้สูงขึ้นในช่วงไตรมาสดังกล่าว 1-1.5% และคาดว่าจะดันให้เศรษฐกิจไทยในช่วงตลอดปี 2566 มีอัตราการเติบโตเป็นบวก 3-4% ได้อย่างแน่นอน

ที่มา : https://siamrath.co.th/c/437831

“สหรัฐฯ” เร่งนำเข้าชิปจากเวียดนามและตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย

จากข้อมูลของสำนักงานสำรวจสำมะโนประชากรสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่าตั้งแต่ต้นปี สหรัฐอเมริกานำเข้าผลิตภัณฑ์ชิปเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากกลุ่มประเทศในเอเชีย 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม อินเดียและกัมพูชา เป็นต้น โดยจากข้อมูลในเดือน ก.พ. สหรัฐฯ นำเข้าชิปเพิ่มขึ้น 17% คิดเป็นมูลค่า 4.86 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และหากคิดเป็นสัดส่วนการนำเข้าจากตลาดเอเชียอยู่ที่ 83% ของตลาดทั้งหมด โดยเฉพาะตลาดอินเดียที่สหรัฐฯ นำเข้าอย่างก้าวกระโดด มีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้น 34 เท่า เป็นมูลค่าที่ 152 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ ตลาดเวียดนามและไทยต่างครองส่วนแบ่งทางการตลาดของการผลิตชิปในสหรัฐฯ ที่มีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สัดส่วนทางการค้าเพิ่มขึ้น 75% และ 62% ตามลำดับ และในปัจจุบัน เวียดนามมีสัดส่วนการนำเข้าชิปจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% เป็นเวลา 7 เดือนติดต่อกัน แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ ได้กระจายห่วงโซ่อุปทานอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ โดยทำการย้ายผู้ผลิตที่อยู่ในตลาดดั้งเดิมไปยังตลาดเกิดใหม่

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/us-increases-chip-imports-from-vietnam-and-emerging-asian-markets-2129952.html

“เวียดนาม” เผยไตรมาส 1/66 รายได้เฉลี่ยของแรงงานพุ่งสูงขึ้น

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) เปิดเผยว่าในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 รายได้เฉลี่ยของแรงงานอยู่ที่ 7 ล้านดองต่อคน เพิ่มขึ้น 640,000 ดองเมื่อกับปีที่แล้ว โดยตัวแทนของสำนักงานสถิติประชากรศาสตร์และแรงงาน กล่าวว่าแรงงานมีรายได้เฉลี่ย 7 ล้านดองต่อเดือนในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ และในจำนวนแรงงานดังกล่าว รายได้เฉลี่ยต่อของแรงงานเพศชายอยู่ที่ 8 ล้านล้านดองต่อเดือน สูงกว่า 1.36 เท่า หากเทียบกับรายได้เฉลี่ยของแรงงานเพศหญิงที่ 5.9 ล้านดองต่อเดือน ตามมาด้วยรายได้เฉลี่ยของแรงงานที่อยู่ในเมืองอยู่ที่ 8.6 ล้านดองต่อเดือน ในขณะที่รายได้เฉลี่ยของแรงงานที่อยู่ในชนบทมีเพียง 6.1 ล้านดองต่อเดือน

ทั้งนี้ แรงงานที่อยู่ในภาคบริการพบว่ามีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนสูงที่สุด อยู่ที่ 8.3 ล้านดองต่อคน เพิ่มขึ้น 10.1% หรือราย 766,000 คน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่แรงงานที่อยู่ในภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม มีรายได้เพียง 4.1 ล้านดองต่อคน และ 7.9 ล้านดองต่อคน ตามลำดับ

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/employees-average-income-rises-in-q1/