ปีงบฯ 63-64 ค้าชายแดนเมียนมา-อินเดีย พุ่ง 106 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

การค้าระหว่างเมียนมาและอินเดียเพิ่มสูงขึ้นกว่า 106 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีงบประมาณ 2563-2564 โดยมูลค่าการค้าชายแดนของเมียนมาแตะ 194 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ วันที่ 20 ส.ค. ของปีงบประมาณนี้ ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมี.ค.64 แบ่งเป็นการส่งออก 192 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการนำเข้า 1.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การค้าชายแดนส่วนใหญ่ผ่าชายแดน Tamu, Reed และ Thantlang ในขณะที่การค้าของสองประเทศส่วนใหญ่ส่งทางเรือ โดยสินค้าส่งออกหลักๆ จะเป็น ผักและผลไม้ ประมง และผลิตภัณฑ์ป่าไม้ ขณะที่การนำเข้าจะเป็น ยา สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รถจักรยานยนต์ เส้นด้าย ฝ้าย เหล็กกล้าไม่เจือ และวัสดุก่อสร้างอื่นๆ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-india-border-trade-rises-as-of-20-aug/

พาณิชย์ชี้ตลาดสิงคโปร์ หอมมะลิโอกาสสูง-ข้าวกล้องมาแรง

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 64 กรมได้ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ กรุงสิงคโปร์ จัดการประชุมหารือกับสมาคมผู้นำเข้าข้าวสิงคโปร์ เพื่อผลักดันการส่งออกข้าวไทยไปยังสิงคโปร์ในช่วงที่เหลือของปี 64 นี้ สาเหตุที่สิงคโปร์นำเข้าข้าวจากไทยลดลงมาจากราคามีความผันผวนมาก ผู้นำเข้าบางส่วนจึงหันไปนำเข้าข้าวจากเวียดนามและอินเดียที่มีเสถียรภาพด้านราคา แม้คุณภาพจะด้อยกว่าข้าวไทย แต่ครึ่งปีหลังราคาข้าวไทยคาดจะปรับตัวลดลงโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ นอกจากนี้ ข้าวกล้อง กำลังได้รับความนิยม หลังจากรัฐบาลสิงคโปร์ได้รณรงค์ให้บริโภคข้าวกล้องเพื่อลดอัตราผู้ป่วยโรคเบาหวาน คาดว่าครึ่งปีหลังจะมีการนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

ที่มา: https://www.naewna.com/business/598361

อาเซียนถกแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ตั้งเป้าชงผู้นำดันอาเซียนสู่ยุคดิจิทัล

นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ให้เป็นผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะทำงานระดับสูงว่าด้วยการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียน (High Level Task Force on ASEAN Economic Integration หรือ HLTF-EI) ครั้งที่ 40 ผ่านระบบประชุมทางไกล ได้ข้อสรุปดันอาเซียนสู่ความเป็นดิจิทัล ชงแผนผู้นำเห็นชอบ ต.ค.นี้ ไทยย้ำการบังคับใช้ความตกลง RCEP ตามแผนเพื่อเร่งขยายการค้า การลงทุน

ที่มา : https://mgronline.com/business/detail/9640000084343

‘เวียดนาม’ กลายเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญของห่วงโซ่อุปทานสหรัฐฯ

จากข้อมูลของหนังสือพิมพ์ Dau Tu (Investment) ระบุว่าซีอีโอ 90 คน จากบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ เรียกร้องให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เร่งบริจาควัคซีนให้กับเวียดนาม เนื่องจากเวียดนามเผชิญกับการระบาดของไวรัสที่ร้ายแรงที่สุด ซึ่งจดหมายที่ส่งถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซีอีโอของบริษัทต่างๆ ได้แก่ Adidas, Coach, Gap, Hanesbrands, Nike, VF และ Under Amour ได้เน้นย้ำว่าเวียดนามเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและซัพพลายเชนที่สำคัญของสหรัฐฯ ทั้งนี้ ปัจจุบันเวียดนามเป็นประเทศผู้ผลิตเสื้อผ้า รองเท้าและอุปกรณ์การเดินทางรายใหญ่อันดับ 2 ของตลาดสหรัฐฯ นอกจากนี้เวียดนามยังเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่สำหรับวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิตรองเท้าของสหรัฐฯ และแรงงานสหรัฐฯกว่า 3 ล้านคนเชื่อมโยวผ่านห่วงโซ่คุณค่ากับคนเวียดนามอีกหลายล้านคน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-an-important-link-of-us-supply-chain/206996.vnp

‘เวียดนาม-สหรัฐฯ’ จับตาทิศทางการค้าอย่างยั่งยืน

นับตั้งแต่ปี 2538 ความสัมพันธ์ทวิภาคีทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ ทำให้ยอดการค้าทวิภาคีอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 90.8 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2563 เพิ่มขึ้น 19.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี แม้ว่าจะเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางมายังเวียดนามนั้น คาดว่าจะเปิดโอกาสการทำธุรกิจและการลงทุนใหม่ๆ สำหรับกิจการของทั้งสองประเทศ อีกทั้ง กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ชี้ว่าความตกลงทางการค้าทวิภาคี (BTA) ที่มีผลยังคับใช้เมื่อเดือนธ.ค. 2544 ทำให้การค้าทวีภาคีระหว่างสองประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สำนักงานการค้าในสหรัฐฯ แนะนำข้อควรระวังของผู้ประกอบการเวียดนามเกี่ยวกับการทุจริตและการปกป้องทางการค้า (Trade Protection)

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-us-eye-sustainably-equal-trade-ties/206982.vnp

ราคาส่งออกถั่วแระเมียนมา มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น

เมื่อปลายเดือนส.ค.64 ราคาถั่วแระ เพิ่มขึ้นกว่า 1,320,000 จัตต่อตัน พุ่งจากช่วงเดือนเม.ย.64 ที่ราคา 1,000,000 จัตต่อตัน ตลาดส่งออกหลักยังคงเป็นอินเดีย และมีบางส่วนส่งออกไปยังสิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ปากีสถาน สหราชอาณาจักร และมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 63 ถึง 13 ส.ค. 64 ของปีงบประมาณ 63-64 มีมูลค่าการส่งออกประมาณ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การส่งออกถั่วแระคิดเป็น 183,507 ตัน สร้างรายได้ 122.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นมาอินเดียกำหนดโควตานำเข้าถั่ว ซึ่งรวมถึงถั่วดำและถั่วแระ เมียนมาสามารถส่งออกถั่วดำ (urad) จำนวน 250,000 ตันและถั่วแระจำนวน 100,000 ตันภายใต้ข้อตกลง G-to-G (รัฐบาลต่อรัฐบาล) ในปีงบประมาณ 64-65 และปี 68-69 ตาม MoU สองประเทศที่ลงนามไปเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 64 ขณะที่ผลผลิตถั่วดำของเมียนมาอยู่ที่ประมาณ 400,000 ตันต่อปีและถั่วแระ 50,000 ตันต่อปี ทั้งนี้เมียนมาส่งถั่วพันธุ์ต่าง ๆ กว่า 1.6 ล้านตัน โดยเฉพาะถั่วดำ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปยังต่างประเทศ โดยในปีงบประมาณ 62-63 มีการส่งออกไปแล้วกว่า 1.6 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 1.195 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/pigeon-pea-price-remains-on-upward-trend/

กำหนดการศึกษาความเป็นไปได้ของเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมใหม่

เจ้าหน้าที่จังหวัดพงสาลีได้ให้ไฟเขียวแก่กลุ่มธุรกิจจีนเพื่อดำเนินการสำรวจและศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมแห่งใหม่ (SEZ) หากได้รับการอนุมัติ โซนจะตั้งอยู่ในเขต Nhot-ou ของจังหวัดที่ชายแดนร่วมระหว่างลาว จีน และเวียดนาม  ภายใต้ MOU นั้น นักลงทุนจะต้องเริ่มการสำรวจและศึกษาความเป็นไปได้ภายใน 30 วันหลังจากลงนามในข้อตกลง ซึ่งมีอายุ 18 เดือน กลุ่มชาวจีนจะสำรวจพื้นที่ประมาณ 250 ตารางกิโลเมตรสำหรับโครงการ พื้นที่ดังกล่าวจะครอบคลุมพื้นที่ 100 ตารางกิโลเมตรสำหรับการบริการและการท่องเที่ยว ในขณะที่อีก 150 ตารางกิโลเมตรที่เหลือจะนำไปใช้เพื่อการเกษตรและการพัฒนาอุตสาหกรรม การศึกษาความเป็นไปได้และการสำรวจจะใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงเพื่อจัดทำแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษและเขตเศรษฐกิจเฉพาะ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Feasibility167.php

CDC อนุมัติโครงการการลงทุนใหม่ในกัมพูชามูลค่า 63.5 ล้านดอลลาร์

สภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ได้อนุมัติโครงการใหม่ 7 โครงการ มีมูลค่าการลงทุนรวม 63.5 ล้านดอลลาร์ โดยบริษัท Ethan Metal Manufacturing Co., Ltd. จะเปิดโรงงานแปรรูปอะลูมิเนียม เหล็ก และทองแดงในจังหวัดกันดาล ส่วนบริษัท Soma Energy Co., Ltd. จะเปิดสถานีพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 5 เมกะวัตต์ (mW) ในเขตจังหวัดกำปงธม บริษัท Schneitec Alternative Co., Ltd. จะเปิดโรงไฟฟ้าจากน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 23 mW ในจังหวัดพระสีหนุ บริษัท Xin Chenhui (Cambodia) Chemical Industry Co., Ltd. กำลังเปิดโรงงานชีวเคมีในเขตจังหวัดกำปงสปือ บริษัท Soma Farm (Cambodia) Co., Ltd. จะเปิดฟาร์มปศุสัตว์ในเขตจังหวัดตาแก้ว บริษัท Xing Can Shi Pin Co., Ltd. จะเปิดโรงงานแปรรูปผลไม้ในเขตจังหวัดกำปงสปือ และ บริษัท Cambodian A1 Steel Industry Co., Ltd. จะเปิดโรงงานแปรรูปโลหะในเขตจังหวัดกำปงสปือ ซึ่งโครงการที่ได้รับการอนุมัติใหม่คาดว่าจะสร้างงานในท้องถิ่นทั้งหมด 870 ตำแหน่ง โดย CDC ได้อนุมัติโครงการที่คาดว่าจะสร้างงานมากกว่า 15,000 ตำแหน่งในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50923414/cdc-approves-63-5-million-in-new-projects/

กัมพูชาเร่งหาตลาดส่งออกใหม่เพื่อรองรับผลผลิตลำไยภายในประเทศ

เกษตรกรชาวกัมพูชาคาดการว่าจะเก็บเกี่ยวลำไยในฤดูได้จำนวน 111,000 ตัน ในปีนี้ โดยกัมพูชามีพื้นที่เพาะปลูกมากกว่า 13,600 เฮกตาร์ ในพื้นที่ 14 จังหวัด และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรกล่าวว่าครึ่งหนึ่งของพื้นที่เพราะปลูกพร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยวแล้ว ซึ่งกัมพูชาจะส่งออกลำไยในรูปแบบอบแห้งหรือบรรจุกระป๋องในน้ำเชื่อมเป็นสำคัญ โดยกระทรวงเกษตรพยายามเพิ่มยอดขายด้วยการเปิดตลาดส่งออกใหม่มากขึ้น ซึ่งลำไยถูกกำหนดให้เป็นผลไม้กัมพูชาชนิดที่ 3 ที่จะส่งออกไปยังประเทศจีนหลังจากก่อนหน้าได้ทำการส่งออก กล้วยและมะม่วง ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีไปแล้ว โดยจีนตกลงที่จะเริ่มนำเข้ามะม่วงของกัมพูชาจากโรงงานแปรรูป 5 แห่ง และจากสวน 37 แห่ง ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดด้านสุขอนามัยพืชที่ทางการกำหนดไว้สำหรับการส่งออก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50923413/new-export-markets-will-be-needed-to-absorb-the-looming-longan-surplus-from-new-yield-forecast/

‘เวิลด์แบงก์’ หั่นคาดการณ์ GDP เวียดนามปี 64 เหลือโต 4.8%

ธนาคารโลก (World Bank) ปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของเวียดนามในปี 64 ลงเหลือ 4.8% เนื่องจากได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 “เศรษฐกิจเวียดนามจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หรือขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าจะสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ตลอดจนการเปิดตัวใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพและมาตรกาช่รวยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบการและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ” ทั้งนี้ ในเดือนธ.ค. ธนาคารคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจไว้ที่ 6.8% แต่ปัจจุบัน ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 365,000 ราย ตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย. ทำให้ปรับลดประมาณการณ์เศรษฐกิจ ขณะที่ในเดือนก.ค. ยอดค้าปลีกลดลง 19.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ, ดุลการค้าขาดดุลในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และนักลงทุนต่างชาติได้แสดงความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจอย่างชัดเจน

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/economy/world-bank-cuts-vietnam-gdp-growth-projection-to-4-8-pct-4345936.html