‘ตลาดรถยนต์เวียดนาม’ ซบเซาในช่วงต้นปี 67

จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยว่าจำนวนรถยนต์ที่ผลิตและประกอบในประเทศลดลงอย่างมีนัยสำคัญในเดือน ก.พ.67 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าและปีที่แล้ว ในขณะเดียวกันก็นำเข้ารถยนต์ลดลง โดยหากพิจารณารถยนต์ที่ผลิตและประกอบในประเทศช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ พบว่าปริมาณรวมกันทั้งสิ้น 37,500 คัน ลดลง 9.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และจำนวนรถยนต์ที่นำเข้าในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 12,955 คัน คิดเป็นมูลค่าราว 262 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 51.6% และ 54.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตามลำดับ นับเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ตัวแทนจำหน่ายโตโยต้า ได้เสนอส่วนลดรถยนต์รุ่น Yaris Cross ในขณะที่ฮอนด้าเวียดนามเสนอส่วนลดค่าธรมเนียมการจดทะเบียนลง 50% สำหรับรุ่น HR-V และให้ชุดอุปกรณ์เสริมกับลูกค้า

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1651663/viet-nam-automobile-market-remains-stagnant-in-early-2024.html

กัมพูชารายงานการจดทะเบียนรถไฟฟ้าใหม่ประจำปี 2023 แตะ 604 คัน

รายงานจากกระทรวงโยธาธิการและคมนาคมระบุว่าทางการกัมพูชาจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ใหม่ 604 คันในปี 2023 ทำให้ยอดรวมรถ EV ในประเทศอยู่ที่ 1,335 คัน ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความสนใจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเสริมว่ากัมพูชามีรถยนต์ไฟฟ้าเพียง 5 คัน ในปี 2020 และเพิ่มขึ้นเป็น 63 คันในปี 2021 และเพิ่มขึ้นเป็น 663 คันในปี 2022 ขณะที่ปัจจุบันมีสถานีชาร์จ EV มีให้บริการใน 18 แห่งทั่วประเทศ ด้าน Moeurng Sokmeng หัวหน้าฝ่ายขายของบริษัท Mingyang Guoji Co., Ltd. ซึ่งเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายรถยนต์อย่างเป็นทางการของแบรนด์ Hongqi ของจีนในกัมพูชา กล่าวเสริมว่าความสนใจของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากผู้คนตระหนักถึงข้อดีของ EV มากขึ้น อีกทั้ง รถ EV มีชิ้นส่วนน้อยกว่ารถยนต์เบนซินหรือดีเซลมาก ดังนั้นค่าบำรุงรักษาและซ่อมแซมจึงต่ำกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501449124/cambodia-registers-604-new-evs-in-2023/

เมียนมาส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำมูลค่ากว่า 624 ล้านเหรียญสหรัฐในปีงบประมาณ 2566-2567

ตามรายงานของ U Nyunt Win ผู้อำนวยการกรมประมง (เนปิดอว์) ระหว่างเดือนเมษายน 2566 ถึงกุมภาพันธ์ 2567 ของปีการเงิน 2566-2567 เมียนมาส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำมากกว่า 300 รายการไปยัง 45 ประเทศ สร้างรายได้กว่า 624.473 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีการส่งออกเป็นประจำไปยังประเทศญี่ปุ่น ประเทศในตะวันออกกลาง ประเทศในสหภาพยุโรป มาเลเซีย จีนไทเป และออสเตรเลีย อย่างไรก็ดี การส่งออกผลิตภัณฑ์ทางทะเลรวมจำนวน 435,000 ตัน มีช่องทางการส่งออกผ่านการขนส่งทางอากาศ และผ่านชายแดนเป็นหลัก ทั้งนี้ เนื่องจากการระงับเส้นทางการค้าชายแดนบางเส้นทางด้วยเหตุผลหลายประการ รายได้ในปีนี้จึงลดลง 52 ล้านเหรียญสหรัฐ หากเทียบกับยอดรวมของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 676.528 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ กรมและผู้ส่งออกกำลังร่วมมือกันเพื่อตอบสนองความต้องการของแต่ละประเทศที่ซื้อผลิตภัณฑ์ทางทะเลจากเมียนมา เพื่อให้มั่นใจว่ามีการส่งออกอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ตัวอย่างเช่น จีนมีเกณฑ์การนำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่เข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับสถานะปลอดเชื้อ COVID-19

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-exports-aquatic-products-worth-over-us624m-in-2023-24-financial-year/

ม.ค. มูลค่าการค้าระหว่าง กัมพูชา-RCEP ขยายตัวกว่า 21.2%

มูลค่าการค้าระหว่างกัมพูชากับประเทศสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ในช่วงเดือนมกราคม 2024 มีมูลค่ารวมสูงถึง 2.74 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์ (MoC) ซึ่งปริมาณการค้ารวมดังกล่าวคิดเป็นกว่าร้อยละ 67.6 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 4.05 พันล้านดอลลาร์ โดยประเทศคู่ค้าหลัก 5 อันดับแรก ภายใต้ข้อตกลง ได้แก่ จีน เวียดนาม ไทย ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย ด้าน Penn Sovicheat รัฐมนตรีต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์กัมพูชาและโฆษก กล่าวว่า RCEP ถือเป็นตัวเร่งการเติบโตทางการค้าของประเทศ และเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรมากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501449110/cambodias-trade-with-rcep-countries-up-21-2-pct-in-january/

‘เวียดนาม’ เผยแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ 5 อันดับแรก ทำรายได้สูงถึง 12.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ

สำนักงานอีคอมเมิร์ซและเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนาม เปิดเผยรายงานอีคอมเมิร์ซของเวียดนาม ประจำปี 2566 แสดงให้เห็นว่าภาพรวมของอีคอมเมิร์ซมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และพบว่ารายได้จากแพลตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์แบบ B2C จะมีทิศทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีมูลค่าสูงถึง 650 ล้านล้านดองในปี 2567 โดยรายได้จากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ 5 อันดับแรกของเวียดนาม มีมูลค่าสูงถึง 12.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับปี 2566 ในขณะที่รายได้จากอีคอมเมิร์ซของเวียดนามแบบ B2C มีมูลค่าเกินกว่า 20.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2566 ทั้งนี้ แม้ว่าอีคอมเมิร์ซจะมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่ว่าเผชิญกับปัญหาในเรื่องของแหล่งที่มาของสินค้า ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล โครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซ และความไว้วางใจของผู้บริโภค ซึ่งปัจจัยดังกล่าวต้องได้รับการแก้ไข

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1651271/total-revenue-of-viet-nam-s-top-5-e-commerce-platforms-can-reach-12-4-billion.html

‘S&P Global’ เผยดัชนี PMI ภาคการผลิตเวียดนาม ขยายตัวต่อเนื่อง

เอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) เปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของเวียดนามในเดือน ก.พ. อยู่ที่ระดับ 50.4 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 50.3 ในเดือน ม.ค. และยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 50.0 นับเป็นการเติบโต 2 เดือนติดต่อกัน และจากรายงานแสดงให้เห็นว่าธุรกิจต่างๆ ยังคงลดต้นทุนด้านการจัดซื้ออย่างต่อเนื่องและหันมาใช้สินค้าคงคลัง เพื่อรองรับกับผลผลิตและยอดคำสั่งซื้อแทน ในขณะเดียวกัน ธุรกิจต่างๆ ปรับขึ้นราคาสินค้า เนื่องมาจากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น ทั้งนี้ ยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็นสองเดือนติดต่อกัน โดยกลุ่มตัวอย่างบางรายได้รับคำสั่งซื้อใหม่จากต่างประเทศมากขึ้น แต่ว่าอัตราของคำสั่งซื้อใหม่สำหรับการส่งออกไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1651266/manufacturing-sector-continues-to-grow-business-sentiment-at-one-year-high-pmi.html

สปป.ลาว เสนอขายไฟฟ้าพลังงานลมกว่า 4,000 เมกะวัตต์ ให้เวียดนาม

ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานลมใน สปป.ลาว จะถูกส่งขายไปยังเวียดนามผ่านสายส่งของจังหวัดก๋วงตริ นักลงทุนลาววางแผนที่จะเสนอพลังงานลมมากกว่า 682 เมกะวัตต์ก่อนปี 2568 และส่วนที่เหลือจะส่งมอบในภายหลัง แม้จะมีข้อเสนอดังกล่าว แต่โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ในพื้นที่อาจจำกัดปริมาณไฟฟ้าที่ขายได้ ในช่วงฤดูแล้งและช่วงเวลาอื่นๆ โดยทั่วไปจังหวัดก๋วงตริของเวียดนามสามารถรองรับไฟฟ้าได้สูงสุด 300 MV เท่านั้น เนื่องจากการทำงานเต็มกำลังการผลิตคือ 200 กิโลโวลต์ (KV) และ 110 KV ในพื้นที่ EVN ระบุว่าด้วยโครงสร้างพื้นฐานในปัจจุบัน จังหวัดก๋วงตริสามารถรองรับไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ได้เพียง 2,500 เมกะวัตต์ ซึ่งน้อยกว่าที่นักลงทุนลาวตั้งเป้าที่จะขายอย่างมาก

ที่มา: https://laotiantimes.com/2024/03/01/laos-proposes-selling-over-4000-mw-of-wind-power-to-vietnam/

นายกฯ สปป.ลาว แนะให้จัดการการลงทุนด้านพลังงานและเหมืองแร่ที่มีประสิทธิภาพ

นายกฯ สปป.ลาว แนะให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ ให้มีการจัดการโครงการลงทุนด้านพลังงานและเหมืองแร่ที่มีประสิทธิผลมากขึ้น โดยนายกฯ ได้สั่งให้กระทรวงพลังงานและเหมืองแร่หาแนวทางที่เข้มงวดมากขึ้นในด้านการทำงานของกระทรวง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ นายกรัฐมนตรียังขอให้กระทรวงพลังงานฯ ให้ความสำคัญกับงานด้านอื่น ๆ รวมถึงการทบทวนนโยบายการจัดหาไฟฟ้าในทุกภาคส่วนของสังคม เพื่อให้แน่ใจว่ามีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม และออกแบบมาเพื่อบรรเทาระดับความยากจน และเรียกร้องให้กระทรวงพลังงานฯ ช่วยปฏิบัติตามมติของรัฐบาลเกี่ยวกับการใช้ยานพาหนะไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และการใช้แหล่งพลังงานสะอาดที่มีอยู่ในประเทศลาวให้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังขอให้ประเมินความคืบหน้าของการดำเนินการสำรวจและแปรรูปแร่ที่ยังไม่แล้วเสร็จ และกำหนดเกณฑ์เฉพาะสำหรับการออกใบอนุญาตของบริษัทพัฒนาเหมืองแร่และการลงทุน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_45_PM_Call_y24.php

การส่งออกข้าวของเมียนมาทะลุ 712 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน 11 เดือน

ตามข้อมูล สหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) การส่งออกข้าวและข้าวหักของเมียนมาร์มีมูลค่า 712 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปริมาณส่งออกกว่า 1.42 ล้านตันในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปัจจุบันปี 2566-2567 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ซึ่งการส่งออกดังกล่าวประกอบด้วยการค้าทางทะเล 1.343 ล้านตัน และการรค้าผ่านชายแดน มากกว่า 85,000 ตัน อย่างไรก็ดี ปริมาณการส่งออกข้าวในปีงบประมาณดังกล่าวสูงที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 โดยมีการส่งออกรวม 262,116 ตัน เป็นมูลค่า 139 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาคือเดือน มกราคม 2567 และธันวา 2566 ที่มีการส่งออกรวม 213,605 ตัน และ 195,829 ตัน คิดเป็นมูลค่า 111 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 99 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ประธานสมาพันธ์ข้าวเมียนมา กล่าวอีกว่า นโยบายการเงินของธนาคารกลางเมียนมาในการควบคุมรายได้จากการส่งออก ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกข้าวและผลกระทบทางการเงินแก่ผู้ส่งออก นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบด้านสภาพอากาศจากเอลนิลโญอีกด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-rice-exports-surpass-us712-mln-in-11-months/

ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวลดลง

ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง 50-85 จ๊าดต่อลิตรในวันที่ 1 มีนาคม หลังจากเพิ่มขึ้นก่อนหน้านี้ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ราคาน้ำมันค่าออกเทน 92 อยู่ที่ 2,770 จ๊าดต่อลิตร ราคาน้ำมันค่าออกเทน 95 2,885 จ๊าดต่อลิตร, สำหรับราคาดีเซลอยู่ที่ 2,565 จ๊าดต่อลิตรและราคาดีเซลพรีเมียม 2,610 จ๊าดต่อลิตร และราคาได้ปรับลดลงเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ราคาน้ำมันค่าออกเทน 92 อยู่ที่ 2,715 จ๊าดต่อลิตร ราคาน้ำมันค่าออกเทน 95 อยู่ที่ 2,835 จ๊าดต่อลิตร, สำหรับราคาดีเซลอยู่ที่ 2,485 จ๊าดต่อลิตรและราคาดีเซลพรีเมียม 2,525 จ๊าดต่อลิตร อย่างไรก็ตา ความผันผวนของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดภายในประเทศมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับดัชนีราคาที่กำหนดโดย Mean of Platts Singapore (MOPS) ซึ่งเป็นพื้นฐานการกำหนดราคาสำหรับผลิตภัณฑ์กลั่นหลายชนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การลดลงของราคา MOPS ส่งผลต่อราคาเชื้อเพลิงตามที่คณะกรรมการกำกับดูแลการนำเข้าน้ำมัน การจัดเก็บและการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงระบุ ดังนั้น คณะกรรมการจึงทำหน้าที่ขับเคลื่อนตลาดเพื่อให้มั่นใจถึงเสถียรภาพด้านราคาและความมั่นคงของน้ำมันเชื้อเพลิง

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/fuel-oil-prices-set-to-dip/#article-title