คณะกรรมการกลางสปป.ลาวมีมติดำเนินการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ หนี้สินและการว่างงาน

รายงานล่าสุดระบุว่าการว่างงานเพิ่มขึ้นหลังจากผลกระทบรุนแรงต่อธุรกิจที่เกิดจากการระบาดของ Covid-19 นอกจากนี้ แรงงานลาวหลายพันคนอพยพกลับบ้านจากประเทศไทยเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสในไทย ซึ่งทำให้สถานการณ์การว่างงานในประเทศลาวแย่ลง ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวคณะกรรมการกลางของพรรคปฏิวัติประชาชนลาวได้มีมติที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและหนี้สินอย่างเป็นระบบ ในขณะเดียวกันก็พยายามสร้างงานมากขึ้นเพื่อลดอัตราการว่างงานในประเทศ โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้รัฐบาล คณะกรรมการพรรค และเจ้าหน้าที่ทุกระดับดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ทั้งนี้ยังทบทวนความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนงบประมาณ และแผนสกุลเงิน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Party_resolves_208.php

ส่องจังหวะการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินอาเซียน หลังจากสหรัฐฯ ส่งสัญญาณในการปรับลดขนาดมาตรการ QE

โดย ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC)

สถานการณ์การระบาดของโควิดเริ่มมีทิศทางผ่อนคลายลงโดยเฉพาะในประเทศกลุ่มพัฒนาแล้ว ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศเหล่านั้นกลับมาฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญและเติบโตเหนือระดับก่อนโควิด ตลาดแรงงานที่เริ่มกลับสู่ระดับปกติมากขึ้น ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อมีสัญญาณเร่งตัวเป็นปัจจัยที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของตลาดการเงินโลกรวมทั้งตลาดการเงินของอาเซียนอีกครั้ง หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เริ่มส่งสัญญาณพิจารณาถึงการปรับลดขนาดของมาตรการ QE ที่น่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้และนำไปสู่คาดการณ์ถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้นนโยบายสหรัฐฯ ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 3/2565

 

ในทำนองเดียวกัน ธนาคารกลางยุโรปก็ได้ส่งสัญญาณที่จะลดขนาด QE ลงในการประชุมรอบล่าสุดที่ผ่านมา ขณะที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้เป็นธนาคารกลางแรกๆ ที่เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมนโยบายการเงินเดือนสิงหาคม 2564  จากหลังเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นมาสู่ระดับ 2.6% ในเดือนสิงหาคม 2564 อันเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี ตลอดจน การปรับขึ้นของหนี้ภาคครัวเรือนที่เป็นผลจากการระบาดของโควิดที่ส่งผลให้ระดับหนี้ครัวเรือนทะลุระดับ 100% ของจีดีพีเป็นครั้งแรก ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงของท่าทีการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ธนาคารกลางยุโรป ตลอดจน ธนาคารกลางเกาหลีใต้ อาจเป็นภาพสะท้อนถึงทิศทางของคลื่นการเปลี่ยนแปลงของนโยบายการเงินที่กำลังเข้าใกล้เศรษฐกิจอาเซียนมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าประเทศสิงคโปร์น่าจะเป็นผู้นำของเศรษฐกิจกลุ่มอาเซียน-6 ที่เริ่มปรับท่าทีการดำเนินโนยายการเงินให้เข้มงวดขึ้นผ่านการปรับความชันของอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจจะเกิดขึ้นช่วงต้นปี 2565 หลังจากที่เศรษฐกิจสิงคโปร์กลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งและขนาดเศรษฐกิจกลับไปสูงกว่าระดับก่อนโควิดแล้วเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างอัตราเงินเฟ้อจากต่างประเทศและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่วนฟิลิปปินส์คงจะเป็นประเทศที่เผชิญกับแรงกดดันในการขยับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นรายต่อไป ท่ามกลางแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ตลอดจนความเสี่ยงด้านต่างๆ ที่อาจนำไปสู่การไหลออกของเงินทุน ตามมาด้วยเศรษฐกิจเวียดนามที่คงมีปรับท่าทีการดำเนินนโยบายการเงินหลังจากที่เศรษฐกิจกลับมาเติบโตตามระดับศักยภาพมาระยะหนึ่งแล้ว เพื่อลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจตลอดจนหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่เวียดนามอาจถูกจัดในกลุ่มประเทศที่แทรกแซงค่าเงิน

 

ขณะที่มาเลเซียและอินโดนีเซียคงเลือกจังหวะในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สอดคล้องกับเฟดเนื่องจากตลาดการเงินของอินโดนีเซียและมาเลเซียมีระดับของการพึ่งพิงเงินทุนต่างชาติที่ค่อนข้างสูงโดยเปรียบเทียบ โดยช่วงเวลาดังกล่าวเศรษฐกิจทั้ง 2 ประเทศกลับมาฟื้นตัวเหนือระดับก่อนโควิดไปแล้ว อย่างไรก็ดี ไทยคาดว่าจะเป็นประเทศท้ายๆ ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเนื่องจากเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากโควิดมากกว่าประเทศอื่นๆ ในอาเซียน-6 อย่างมีนัยสำคัญ จึงต้องอาศัยการดำเนินโยบายการเงินผ่อนคลายที่นานกว่าประเทศอื่นๆ

ที่มา : https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-econ/economy/Pages/QE-z3269.aspx

เงินเฟ้อพุ่งสูงสุดรอบ 11 เดือน

อัตราเงินเฟ้อในเดือนกรกฎาคม ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 4.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนสำนักงานสถิติลาวระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อยู่ที่ 118.51 จุดในเดือนก.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 4.7% โดยมีปัจจัยในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ผันผวนถือเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนหลักของอัตราเงินเฟ้อในสปป.ลาว ความต้องการเงินตราต่างประเทศ โดยเฉพาะเงินบาทและดอลลาร์สหรัฐฯ จากความต้องการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวนมาก ค่าเงินกีบยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม แม้จะมีมาตรการของรัฐบาลในการจัดการกับประเด็นนี้ อัตรากการเพิ่มขึ้นในแต่ละหมวดที่เพิ่มขึ้นเป็นดังนี้ ค่าอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น 4.44 % หมวดการสื่อสารและการขนส่งเพิ่มขึ้น 0.92% ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น 25.44 เปอร์เซ็นต์ หมวดร้านอาหารและโรงแรมเพิ่มขึ้น 2.19% ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น 0.6% หมวดเสื้อผ้าและรองเท้าเพิ่มขึ้น 1.15% ค่าใช้จ่ายของใช้ในครัวเรือนเพิ่มขึ้น 0.44%

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Inflation_165.php

ผู้เชี่ยวชาญชี้เงินเฟ้อมีแนวโน้มต่ำลง 4% ในปีนี้

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ระบุว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในช่วงครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้น 1.47% นับว่าเป็นการเติบโตต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2559 และยังคงรักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 4% ปีนี้ การเติบโตของเงินเฟ้อดังกล่าว เป็นผลมาจากราคาเชื้อเพลิงและราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ดัชนี CPI ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มาจากราคาน้ำมันในประเทศเพิ่มสูงขึ้น และทำให้ดัชนี CPI โดยรวมเพิ่มขึ้น 0.61% นอกจากนี้ ความต้องการเดินทางและการท่องเที่ยวของผู้คนลดลง เนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 ทำให้ค่าแพคเกจทัวร์ ลดลง 2.85% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/expert-believes-inflation-could-fall-below-4-this-year-869965.vov

เงินเฟ้อเมียนมาขยายตัว กระทบ ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้น

เมียนมากำลังพบกับปัญกาาเงินเฟ้อขยายตัวร้อยละ 10-15 ในหมวดอาหารหลักจากความไม่แน่นอนทางการเมืองซึ่งเกิดขึ้นจากที่ผู้ค้าส่งปลาและเนื้อสัตว์ และผู้ค้าปลีกอาหารหลั โดยอาหารหลักประกอบด้วย ข้าว น้ำมันปรุงอาหาร เนื้อสัตว์ ผักรวมทั้งยา ได้ขึ้นราคากระทบต่อผู้มีรายได้น้อย ด้านราคาข้าวส่วนใหญ่ยังคงมีเสถียรภาพโดยเพิ่มจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 15 เช่น ข้าวคุณภาพดีเพิ่มจาก 40,000จัตต่อถุง เพิ่มเป็นประมาณ 50,000 จัตต่อถุง ส่วนราคาผักเพิ่มขึ้นสองเท่า ในขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภคขั้นพื้นฐานและยาบางชนิดก็มีราคาสูงขึ้นเช่นกัน

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/myanmar-witness-rising-inflation-in-basic-goods

เวียดนามเผยราคาอาหารพุ่ง ส่งสัญญาภาวะเงินเฟ้อ

นาย Ðỗ Văn Khuôl ผู้อำนวยการฝ่ายจัดหาบริษัทไซ่ง่อน ฟู้ด กล่าวว่าต้นทุนของปัจจัยการผลิตทั้งมาจากในประเทศและต่างประเทศ ล้วนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงข้าวและอาหารทะเลที่มีผลผลิตลดลง และอีกปัจจัยหนึ่ง การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าและราคาสูงขึ้นราว 10-25% ในไตรมาสที่ 3-4 ปีนี้ ทั้งนี้ นาย Nguyễn Anh Đứ ผู้อำนวยการทั่วไปของบริษัทไซ่ง่อน คอร์ป กล่าวว่าในเดือนเมษายน ซัพพลายเออร์ส่วนใหญ่แจ้งว่ามีแผนที่จะปรับราคาในเดือนพฤษภาคม โดยเฉพาะน้ำมันสำหรับทำอาหาร นมและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ทางกระทรวงการคลัง ระบุว่าจะดำเนินติดตามราคาสินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นและยังเสนอแนวทางแก้ไข เพื่อรักษาเสถียรภาพของอุปสงค์และอุปทานของตลาด หากจำเป็น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/950553/foodstuff-prices-rise-pose-inflation-threat.html

เวียดนามเผยกลางเดือนเม.ย. สินเชื่อโต 3.34%

ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 16 เม.ย. การเติบโตของสินเชื่อ ขยายตัวมาอยู่ที่ 3.34% เมื่อเทียบกับปลายปี 2563 และเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยอัตราการเติบโตภายในสิ้นเดือนมี.ค. อยู่ที่ 2.93% เมื่อเทียบกับปลายปีที่แล้ว เป็นมูลค่าราว 411 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในแค่ 2 สัปดาห์ การเติบโคของสินเชื่อก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.41 จุด ทั้งนี้ สถาบันสินเชื่อและธนาคาร ทำการปรับโครงสร้างการชำระหนี้ให้กับลูกค้า จำนวน 262,000 ราย ด้านยอดสินเชื่อคงค้างในระบบโดยรวมอยู่ที่ 15.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่จำนวนลูกค้า 660,000 ราย มีเงินกู้ที่มีอยู่รวมกันอยู่ที่ 55.14 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งได้รับการชะลอการชำระหนี้และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ นอกจากนี้ ธนาคารกลางติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาระดับของอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ประมาณ 4% ในปี 2564 และช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-credit-growth-expands-by-334-by-mid-april-317092.html

ธนาคารกลางกัมพูชารายงานสถานการณ์ดัชนีราคาผู้บริโภค

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ภายในประเทศประจำเดือนธันวาคม 2020 อยู่ในเกณฑ์ชะลอตัวแสดงถึงความมีเสถียรภาพมากขึ้นในส่วนของราคาสินค้าอุปโภคและบริโภค รวมถึงแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของกำลังซื้อภายในท้องถิ่น โดยธนาคารกลางกล่าวว่า CPI ของเดือนธันวาคมลดลงเหลือร้อยละ 2.9 เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลง และราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันอยู่ที่ 4,069 เรียลต่อดอลลาร์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพฤศจิกายน 2020 แม้จะมีการระบาดของโควิด-19 ซึ่งในขณะนี้รัฐบาลกัมพูชาได้ทำงานอย่างหนักในการลดอำนาจค่าเงินดอลลาร์ลงเพื่อทำการควบคุมและเป็นการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจภายในประเทศในระยะถัดไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50832887/central-bank-december-data-indicates-an-increase-in-purchasing-power/

ไตรมาส 1 ปี 64 เศรษฐกิจเวียดนามโต 4.48%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในไตรมาสแรกของปี 2564 อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 4.48% เป็นผลมาจากการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดี ภาคเกษตรกรรม ป่าไม้และประมง ขยายตัว 3.16% ภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง 6.3% และภาคบริการ 3.34% โดยทั้ง 3 ภาคเศรษฐกิจมีส่วนผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ 8.34% 55.96% และ 35.7% ตามลำดับ ภาคบริการมีการขยายตัวในเชิงบวก เนื่องจากผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี ทั้งนี้ ในไตรมาสแรก กิจกรรมการส่งออกและนำเข้ากลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ด้วยมูลค่าราว 152.65 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 24.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี นอกจากนี้ ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 สภาพเศรษฐกิจและสังคมของเวียดนามในไตรมาสแรก ยังคงมีเสถียรภาพและอยู่ในทิศทางที่เป็นบวก ประกอบกับควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการ คือ การควบคุมการระบาดของไวรัส และดำเนินการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึง ตลอดจนช่วยเหลือภาคเอกชนและเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อการลงทุนของภาครัฐ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/915081/vietnamese-economy-expands-448-per-cent-in-q1.html

เวียดนามคาดเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 3.5% ปี 64

บริษัทหลักทรัพย์ Viet Dragon Securities (VDSC) เปิดเผยว่าราคากลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในเวียดนาม ปี 2564 คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าที่สมัชชาแห่งชาติได้ตั้งเป้าไว้ที่ 4% อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเวียดนามดำเนินมาตรการควบคุมภาวะเงินเฟ้อ ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของเงินเฟ้อ รวมถึงดำเนินนโยบายทางการเงินที่เข็มงวด ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาทางด้านอุปทาน พบว่าสถานการณ์การผลิตของกลุ่ม OPEC และพันธมิตรอยู่ในระดับไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่หินดินดานของสหรัฐฯ อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลไบเดน ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งอุปสงค์ ความต้องการนำเข้ายังไม่ฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด แต่มีสัญญาว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตและคาดว่าจะสูงกว่าทางฝั่งอุปทาน นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เวียดนาม ปี 2563 เพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี สาเหตุหลักที่ทำให้ดัชนีปรับตัวมาจากราคาของกลุ่มอาหารที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีนี้

  ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-inflation-expected-to-rise-to-35-in-2021-316245.html