กัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังกลุ่มประเทศ RCEP โต 5% มูลค่า 5.6 พันล้านดอลลาร์

กัมพูชาส่งออกสินค้ามูลค่า 5,671 ล้านดอลลาร์ ไปยังประเทศกลุ่มสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ในช่วง 11 เดือนของปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายงานโดยกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งประเทศปลายทางสำคัญสำหรับการส่งออกของกัมพูชาผ่าน RECP 3 อันดับแรก ได้แก่ เวียดนาม จีน และญี่ปุ่น คิดเป็นมูลค่าการส่งออกมูลค่า 1,894 ล้านดอลลาร์ 1,109 ล้านดอลลาร์ และ 1,069 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ โดยจีนยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับสินค้าส่งออกกัมพูชา ด้วยมูลค่ารวม 9,470 ล้านดอลลาร์ รองลงมาคือเวียดนาม, ไทย และสิงคโปร์ ด้วยมูลค่า 3,617 ล้านดอลลาร์, 3,542 ล้านดอลลาร์ และ 3,169 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ ซึ่งกัมพูชาคาดว่าการส่งออกจะเติบโตระหว่างร้อยละ 9.4 ถึงร้อยละ 18 ในปี 2023 ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตระหว่างร้อยละ 2 ถึงร้อยละ 3.8

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501213231/cambodias-export-to-rcep-countries-up-5-percent-at-5-6b/

ส่งออกข้าวไทย 11 เดือน โกย 1.2 แสนล้าน โตเกิน 100%

นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยถึง การส่งออกข้าวช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ย. 2565) มีปริมาณ 6,907,761 ตัน มูลค่า 123,511.3 ล้านบาท (3,552.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) โดยปริมาณเพิ่มขึ้น 26.8% และมูลค่าเพิ่มขึ้น 29.2% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่ส่งออกปริมาณ 5,445,810 ตัน มูลค่า 95,591.7 ล้านบาท (3,027.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) การส่งออกเดือน พ.ย. 2565 มีปริมาณ 706,270 ตัน มูลค่า 14,333.3 ล้านบาท ปริมาณลดลง 11.1%แต่มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค. 2565 ที่ส่งออกปริมาณ 794,224 ตัน มูลค่า 13,974.1 ล้านบาท เนื่องจากเดือน พ.ย. ส่งออกข้าวนึ่งและข้าวขาวลดลงจากเดือนก่อนที่มีการเร่งส่งมอบข้าวเพื่อให้ทันใช้ในช่วงเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่ นายเจริญ กล่าวว่าการส่งออกข้าวหอมมะลิ พบว่ามีปริมาณเพิ่มขึ้นมากจากเดือนก่อนมาก โดยมีปริมาณ 136,435 ตัน เพิ่มขึ้น 102.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยส่งไปยังตลาดที่สำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ฮ่องกง แคนาดา สิงคโปร์ ออสเตรเลีย เป็นต้น ส่วนการส่งออกข้าวขาวมีปริมาณ 347,473 ตัน ลดลง 17.7% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยส่วนใหญ่ส่งไปยังประเทศอิรัก จีน ญี่ปุ่น แองโกล่า โมซัมบิก ฟิลิปปินส์ แคเมอรูน เป็นต้น และข้าวนึ่งมีการส่งออกปริมาณ 118,321 ตัน ลดลง 43.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยส่วนใหญ่ส่งไปยังตลาดหลักในแอฟริกา เช่น แอฟริกาใต้ เยเมน บังคลาเทศ แคเมอรูน เบนิน เป็นต้น

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7444370

ไทยผ่ามรสุมส่งออกปี 66 เร่งเปิดตลาดใหม่พยุงเป้าโต3%

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท.คาดการณ์การแนวโน้มภาพรวมการส่งออกไทยปี 2566 จะขยายตัว 2-3% โดยประเมินจากการส่งออกปี 2565 ที่การส่งออกเชิงปริมาณไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ดูจากจำนวนตู้คอนเทนเนอร์ที่ใช้ขนส่งปี 2565 ใกล้เคียงปี 2564 หากแต่เป็นราคาสินค้าจากวัตถุดิบและน้ำมันที่ปรับขึ้นและอานิสงค์ของค่าเงินบาทอ่อนค่ามากกว่าค่าเงินของคู่แข่งในตลาดต่างประเทศ ทั้งนี้ ปี 2566 ราคาน้ำมันประเมินต่ำกว่าปี 2565 โดยอยู่ระดับ 75-85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และค่าเงินบาทจะอยู่ 33-35 บาทต่อดอลลาร์ โดยอาจแข็งค่ากว่าค่าเงินของคู่แข่งทำให้ปี 2566 จะได้รับแรงกดดันจากราคาที่มีแนวโน้มลดลงตามราคาน้ำมันและวัตถุดิบ

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1045692

การขนส่งทางรถไฟ ดันส่งออกกล้วย สปป.ลาว ไปยังจีน

คาดเกษตรกรใช้เส้นทางรถไฟ สปป.ลาว-จีน ขนส่งกล้วยจาก สปป.ลาวไปยังจีน ซึ่งจะใช้เวลาอันสั้นเพื่อให้มั่นใจว่าผลไม้จะถึงปลายทางก่อนที่ผลผลิตจะสุกงอม โดยในอดีตการขนส่งผลิตผลทางการเกษตรประสบปัญหาเนื่องจากใช้เวลานาน จากการขนส่งโดยรถบรรทุกไปยังประเทศจีน ซึ่งสินค้าจำนวนมากเน่าเสียก่อนส่งมอบ โดยการเข้ามาของเส้นทางรถไฟสายดังกล่าวจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการภายในประเทศเป็นอย่างมาก เนื่องจากใช้ระยะเวลาในการขนส่งที่ลดลง ซึ่งปัจจุบันกระทรวงเกษตรและป่าไม้กำลังเร่งสนับสนุนการเพาะปลูกผลิตผลทางการเกษตรให้มากขึ้นเพื่อลดความต้องการนำเข้าผักและผลไม้จากต่างประเทศ รวมถึงเป็นการเพิ่มปริมาณการส่งออกให้กับประเทศอีกทางหนึ่ง โดยเกษตรกรชาวลาวสามารถขายพืชผลทางการเกษตรให้กับจีนได้มากขึ้น นับตั้งแต่มีการลงนามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลทั้งสองในปี 2012

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2022_Railway238.php

เดือน เม.ย.-ต.ค 65 เมียนมาส่งออกข้าวทะลุ 1.4 ล้านตัน

สหพันธ์ข้าวแห่งเมียนมา (MRF) เผย 8 เดือนที่ผ่านมา (เดือนเมษายน-เดือนตุลาคม 2565) ของปีงบประมาณ 2565-2566 เมียนมาส่งออกข้าวไปแล้วมากกว่ามากกว่า 1.4 ล้านตัน โดยมากจากบริษัทผู้ส่งออกมากกว่า 42 แห่ง ซึ่งเป็นการส่งออกทางทะเล 1.09 ล้านตัน และผ่านทางชายแดน 315,677 ตัน ซึ่งตลาดส่งออกข้าวและปลายข้าวที่สำคัญได้แก่ ประเทศในแอฟริกา และประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป นอกจากนี้ยังส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านอบ่าง จีน และไทย โดยจีนยังคงเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา โดยนำเข้าข้าว 224,000 ตัน และปลายข้าว 237,000 ตัน ซึ่งราคาข้าวคุณภาพดีจะอยู่ที่ 60,000-90,000 จัตต่อกระสอบ และข้าวคุณภาพต่ำจะอยู่ที่ 35,500-45,000 จัตต่อถุงกระสอบ โดยราคาข้าวของเมียนมาค่อนข้างต่ำกว่าอัตราของไทยและเวียดนาม ด้าน MRF ตั้งเป้าส่งออกข้าวให้ได้ 2 ล้านตันในปีนี้ ที่ทั้งนี้ในช่วงงบประมาณย่อยที่ผ่านมา (เดือนตุลาคม 2564 – เดือนมีนาคม 2565) เมียนมาส่งออกข้าวและปลายข้าวมากกว่า 1.4 ล้านตัน ในขณะที่ ในปีงบประมาณ 2563-2564 เมียนมาส่งออกข้าว 2 ล้านตัน นำรายได้เข้าประเทศกว่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-conveys-over-1-4-mln-tonnes-of-rice-to-external-markets-in-apr-oct/#article-title

ข้อจำกัดด้านสุขอนามัย กระทบการส่งออกมะม่วงกัมพูชาไปยังเกาหลีใต้

มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Sanitary and Phytosanitary Measures: SPS) ที่เข้มงวดได้ก่อให้เกิดความท้าทายสำหรับภาคการส่งออกมะม่วงสดของกัมพูชาไปยังตลาดเกาหลีใต้ หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงในการส่งออกมะม่วงสดในปี 2015 ด้าน Hean Vanhan รัฐมนตรีต่างประเทศกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง กล่าวว่า แม้รัฐบาลเกาหลีใต้จะไฟเขียวให้ส่งออกมะม่วงสดของกัมพูชาไปยังเกาหลีใต้ แต่กัมพูชาก็ยังไม่บรรลุเป้าหมายเนื่องจากปัญหาทางเทคนิคในการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้วที่กัมพูชาเริ่มเจรจาเพื่อส่งออกมะม่วงไปยังเกาหลีใต้ แต่ยังไม่เป็นผลเนื่องจากขาดเครื่องมือหรือขั้นตอนตามข้อกำหนด เช่น กระบวนการทางความร้อนด้วยน้ำ (HWT) และกระบวนการทำความร้อนด้วยไอน้ำ (VHT) เพื่อเป็นการขจัดสิ่งเจือปนในผลไม้ ตามรายงานของกระทรวงเกษตร รายงานว่าการส่งออกมะม่วงของกัมพูชาอยู่ที่ประมาณ 138,000 ตันในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ลดลงร้อยละ 31 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ส่งออกไปยังเวียดนาม ไทย จีน และบางประเทศในสหภาพยุโรป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501197614/hygiene-requirements-hit-fresh-mango-export-to-south-korea/

นายกฯ ปลื้ม 10 เดือนส่งออกข้าวโต มั่นใจถึงเป้า 7.5 ล้านตัน สั่งคุมคุณภาพข้าวไทย

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยินดีที่ได้ทราบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า การส่งออกข้าวไทยช่วง 10 เดือนของปี ตั้งแต่ ม.ค.- ต.ค. 2565 มีปริมาณเพิ่มขึ้น 33% และมูลค่าเพิ่มขึ้น 32.4 % เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปี 2564 ในขณะที่การส่งออกเดือน ต.ค. เมื่อเทียบกับเดือนก.ย. ที่ผ่านมา มีปริมาณและมูลค่าส่งออก เพิ่มขึ้น 24.7% และ 20.5% ตามลำดับ ซึ่งมีการส่งออกข้าวขาวมากกว่า 4 แสนตัน คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 44% ส่วนใหญ่ส่งไป อิรัก จีน ญี่ปุ่น แองโกล่า โมซัมบิก แคเมอรูน และส่งออกข้าวนึ่งเพิ่มขึ้น 21% ไปตลาดหลักในแอฟริกา เช่น เบนิน แอฟริกาใต้ บังคลาเทศ เยเมน แคเมอรูน ไนเจอร์ นายอนุชา กล่าวว่า แนวโน้มสถานการณ์การส่งออกข้าวไทย ที่ปรับเพิ่มเป้าหมายการส่งออกปี 2565 จากเดิมกำหนดไว้ 7 ล้านตัน เป็น 7.5 ล้านตัน โดยสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย คาดว่าในเดือน พ.ย.นี้ การส่งออกข้าวจะอยู่ที่ระดับประมาณ 7.5-8 แสนตัน เนื่องจากผู้ส่งออกยังมีสัญญาที่ค้างส่งมอบจากเดือนก่อน ประกอบกับตลาดที่สำคัญยังคงมีความต้องการนำเข้าข้าว เพื่อใช้ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ปีใหม่ และตรุษจีนในช่วงปลายเดือนมกราคม 2566

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/politics/news_7404068

สรท.คาดส่งออกไทย ปี 2566 ขยายตัว 3% ไร้แรงหนุน

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท. คาดการณ์การส่งออกรวมปี 2565 ขยายตัวที่ 7-8% หรือมีมูลค่า 290,000-293,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ การส่งออกปี 2566 ขยายตัวที่ 2-3% หรือมีมูลค่า 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจัยบวกที่จะสนับสนุนให้การส่งออกขยายตัวได้ คือ จีนผ่อนคลายโควิด-19 สินค่าการส่งออกที่ยังเติบโต การส่งออกอาหาร สินค้าเกษตร เป็นต้น

ที่มา : https://www.prachachat.net/economy/news-1140385

ปริมาณการค้าระหว่าง กัมพูชา-ไทย โต 29%

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 8,589 ล้านดอลลาร์ในช่วง 10 เดือนของปี เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 29 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นการส่งออกของกัมพูชามูลค่า 959 ล้านดอลลาร์ไปยังไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะเดียวกันการนำเข้าสินค้าของกัมพูชาจากไทยคิดเป็นมูลค่า 7,630 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 29 ตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์ไทย ซึ่งสินค้าส่งออกหลักของกัมพูชาไปยังไทย ได้แก่ สิ่งทอ สินค้าเกษตร อัญมณี และผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป เป็นสำคัญ ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญจากไทย ได้แก่ ปลา เนื้อสัตว์ ผัก รถยนต์ ปุ๋ยอินทรีย์ อาหาร และวัสดุก่อสร้าง โดยในปีที่แล้วการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 7.97 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.26 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501196940/cambodia-thailand-trade-surges-29/

ห่วง ส่งออกไทยเริ่มติดลบ! ซ้ำเติม เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำเมื่อเทียบอาเซียน

นางสาวจุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม. เขตบางรัก สาทร และ ปทุมวัน และ โฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การส่งออกของไทยในเดือนตุลาคมเริ่มติดลบที่ -4.4% เป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 9 เดือน ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่าห่วงว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะเริ่มแผ่ว มีแนวโน้มอาจจะไม่สู้ดีนักในปลายปีนี้ และจะต่อเนื่องไปถึงปีหน้า ทั้งนี้ขอตอกย้ำว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ที่ขยายได้ 4.5% นั้น แม้จะดูเหมือนดี แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียนจะเห็นว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำมากเพราะ ในไตรมาส 3 มาเลเซียขยายได้ 14.2% เวียดนาม 13.7% ฟิลิปปินส์ 7.6% อินโดนีเซีย 5.7% แม้ประเทศที่พัฒนาแล้วเช่นสิงคโปร์ยังขยายได้ 4.4% และถ้านับ 9 เดือนตั้งแต่ต้นปีไทยขยายได้เพียง 3.1% เท่านั้นซึ่งต่ำกว่าประเทศอาเซียนอื่นเช่นกันตามที่เสนอไว้แล้ว และต้องไม่ลืมว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นคืนที่เดิมจากการติดลบ 6.2% ในปี 2563 เพราะปี 2564 ขยายได้เพียง 1.5% ปีนี้ก็น่าจะได้เพียง 3% กว่า ซึ่งยังห่างจากที่เศรษฐกิจไทยที่ตกลงมาพอสมควร ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศอื่นในอาเซียนได้ขยายตัวเกินกว่าที่ตกลงมาไปมากแล้ว

ที่มา : https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_629987