รถไฟลาว-จีน ขนส่งผู้โดยสารแล้วกว่า 30 ล้านคน จีนตั้งเป้าหมายขนส่งให้มากขึ้นกว่านี้

รถไฟลาว-จีน ขนส่งผู้โดยสารแล้วกว่า 30.2 ล้านคน และขนส่งสินค้า 34.24 ล้านตัน ณ วันที่ 12 มีนาคม 2567 และทางการรถไฟของจีนให้คำมั่นว่าจะเพิ่มปริมาณทั้งผู้โดยสารและสินค้าให้มากกว่านี้ โดยสินค้าที่ขนส่ง ประกอบด้วย สินค้าข้ามพรมแดนมากกว่า 7.8 ล้านตัน ซึ่งหมายความว่าทางรถไฟกำลังมีบทบาทโดดเด่นมากขึ้นตามลำดับ และจำนวนการเดินทางโดยรถไฟโดยเฉลี่ยต่อวันของผู้โดยสารบนเส้นทางรถไฟของจีนเพิ่มขึ้นจาก 35 ล้านคนในช่วงแรก เพิ่มมาเป็น 51 ล้านคนในปัจจุบัน ในขณะที่จำนวนผู้โดยสารที่ขนส่งทุกวันเพิ่มขึ้นจาก 20,000 คนเป็นสูงสุด 103,000 คน ในส่วนการรถไฟของ สปป.ลาว จำนวนรถไฟโดยสารโดยเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นจาก 4 ขบวนเป็น 12 ขบวน ในขณะที่จำนวนรถไฟโดยสารความเร็วธรรมดาเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 10 ขบวน จำนวนผู้โดยสารที่บรรทุกในแต่ละวันเพิ่มขึ้นจาก 720 คน เป็นสูงสุด 12,808 คน ทั้งนี้ เส้นทางรถไฟสายนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน ได้ขับเคลื่อนการพัฒนาโลจิสติกส์ การพาณิชย์ การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมอื่นๆ ควบคู่ไปกับเส้นทางดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_56_Laos_China_y24.php

ผู้ผลิตรถยนต์จีนจะต้องเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ประเทศไทยในปีนี้

สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ออกรายงานการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทย เน้นการส่งเสริมการลงทุนที่แข็งแกร่งในปี 2567 ตามมาตรการ EV 3.0 มาตรการเหล่านี้กำหนดให้บริษัทที่นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อขายในประเทศไทยต้องเริ่มการผลิตในปีนี้ จากรายงานของ สศช. เกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 และแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2567 มีเนื้อหาส่วนที่เน้นแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยในปี 2566 จำนวนการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ใหม่สูงถึง 76,538 คัน เพิ่มขึ้น 695.9% เมื่อเทียบกับการจดทะเบียน 9,617 คันในปี 2565 การจดทะเบียนใหม่สำหรับรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงแบบดั้งเดิมอยู่ที่ 481,609 คัน ลดลง 11.3% จาก 543,072 คัน ในปี 2565 ส่งผลให้สัดส่วนการจดทะเบียนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าใหม่ต่อยอดจดทะเบียนรถยนต์ทั้งหมดอยู่ที่ 11.6% ในปี 2566 เพิ่มขึ้นจาก 1.5% ในปี 2565 สำหรับปี 2566 การจดทะเบียนใหม่สำหรับแบรนด์รถยนต์ EV คือ BYD (จีน) 30,467 คัน Neta (จีน) 12,777 คัน MG (จีน) 12,462 คัน เทสลา (สหรัฐอเมริกา) 8,206 คัน และ GWM (ORA) (จีน) 6,746 คัน ทั้งนี้ ค่ายรถยนต์เหล่านี้ ต้องเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยภายในปีนี้ โดยข้อมูลกำลังการผลิตรถยนต์ EVs ในประเทศไทยทั้งหมดมาจากผู้ผลิตรถยนต์จีน โดยแยกตามยี่ห้อ Neta 200,000 คัน, Changan: 100,000-200,000 คัน (กำลังการผลิตเริ่มต้น 100,000 คัน), BYD 150,000 คัน MG 100,000 คัน และ GWM 80,000 คัน หากกำลังการผลิตของโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่จัดตั้งขึ้นโดยประเทศต่างๆ สามารถเป็นไปตามเงื่อนไขของมาตรการจูงใจได้ ก็จะช่วยส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและส่วนประกอบไฟฟ้าที่สำคัญทั่วโลก

ที่มา : https://www.nationthailand.com/thailand/policies/40036474

‘เวียดนาม’ ส่งออกสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก

หนังสือพิมพ์เดอะ ฮินดู (The Hindu) รายงานว่าส่วนแบ่งการส่งออกสมาร์ทโฟนของเวียดนามในปี 2565 สูงถึง 12% ของตลาดสมาร์ทโฟนโลก ในขณะเดียวกัน อินเดียเป็นคู่แข่งของเวียดนามในตลาดสมาร์ทโฟนและอยู่ในอันดับที่ 7 ของโลก ด้วยส่วนแบ่งการส่งออกมากกว่า 2.5% อย่างไรก็ดีจีนยังคงครองส่วนแบ่งการส่งออกสมาร์ทโฟนกว่าครึ่งหนึ่งของตลาดโลก

ทั้งนี้ จากข้อมูลของกรมศุลกากร เปิดเผยว่าการส่งออกโทรศัพท์และชิ้นส่วนของเวียดนามในเดือน ม.ค. มีมูลค่ามากกว่า 5.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี และจากรายงานของธนาคาร HSBC แสดงให้เห็นว่าเวียดนามครองส่วนแบ่งทางการตลาดสมาร์ทโฟนโลกถึง 13% ในปี 2564 โดยเป็นผู้ส่งออกสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก

ที่มา : https://www.nationthailand.com/world/asean/40036303

ทุเรียนกลายเป็น ‘ผลไม้ทอง’ ส่งออกของเวียดนาม

จากข้อมูลทางสถิติของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท (MARD) เปิดเผยว่าเวียดนามมีพื้นที่เพาะปลูกทุเรียนมากกว่า 110,000 เฮคเตอร์ และผลผลิตประมาณ 850,000 ตันต่อปี โดยส่วนใหญ่เพาะปลูกอยู่ในพื้นที่ราบสูงตอนกลาง คิดเป็นสัดส่วนราว 47% ของพื้นที่ทั้งหมด และสาเหตุที่ทำให้เวียดนามผลักดันการส่งออกทุเรียน เนื่องมาจากมีความได้เปรียบทางด้านการตั้งราคาขายสูงและความต้องการนำเข้าของตลาดต่างประเทศ ทำให้ทุเรียนเวียดนามกลายมาเป็นผลไม้สำคัญเมื่อเทียบกับผลผลิตทางการเกษตรชนิดอื่นๆ ด้วยเหตุนี้พื้นที่เพาะปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้นประมาณ 25% ต่อปี

นอกจากนี้ จากตัวเลขสถิติแสดงให้เห็นว่าทุเรียนของเวียดนามส่วนใหญ่ส่งออกไปยังตลาดจีน มีสัดส่วนกว่า 99% ของการส่งออกผลไม้รวม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1651246/durian-emerging-as-golden-fruit-among-viet-nam-s-exports.html

‘จีน’ ยังคงครองอันดีบหนึ่ง ซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม

กรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าจีนยังเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในกลุ่มตลาดนำเข้ารายใหญ่ 7 แห่ง มีมูลค่าการค้ามากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในเดือน ม.ค. โดยเฉพาะมูลค่าการนำเข้าของเวียดนามจากตลาดจีน อยู่ที่ 11.88 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า 65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่สินค้าที่มีการนำเข้ามากที่สุด ได้แก่ เครื่องจักรและชิ้นส่วน คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเหล็กกล้า

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/china-maintains-place-as-largest-provider-of-goods-to-vietnam-post1078990.vov

‘เวียดนาม-จีน’ ยอดค้าชายแดนพุ่ง โอกาสเติบโตสูงในอนาคต

คณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจประตูชายแดนดงดัง-ลางเซิน เปิดเผยว่าสัปดาห์แรกของปีนี้ มีรถบรรทุกขนส่งสินค้าผ่านด่านชายแดน 6 แห่งในจังหวัดหลั่งเซิน จำนวนมากกว่า 300 คัน เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และมีรถบรรทุกสินค้าส่งออกเฉลี่ย 400 คัน และรถบรรทุกสินค้านำเข้าประมาณ 800 คัน โดยตัวแทนของคณะกรรมการระบุว่าความต้องการของตลาดจีนสำหรับสินค้าเกษตรและผลไม้สดของเวียดนามมีมากขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน ในขณะที่ผู้ประกอบการเวียดนามจำเป็นที่จะต้องนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคและชิ้นส่วนประกอบเพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศที่สูงขึ้น ทำให้มูลค่าการค้าชายแดนสูงขึ้นอย่างมาก

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-china-see-surge-in-border-trade-with-more-to-come/278112.vnp

‘เวียดนาม’ คาดส่งออกทุเรียน 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

นาย Nguyen Dinh Tung ผู้อำนวยการของบริษัท Vina T&T Group กล่าวว่าตลาดจีนเป็นเพียงตลาดเดียวที่มีการบริโภคทุเรียนสด จำนวน 400 ตู้คอนเทนเนอร์ในปี 2566 และบริษัทยังได้ลงนามในสัญญาส่งออกทุเรียนสดไปยังจีน จำนวน 2,000 ตู้คอนเทนเนอร์ แต่ปริมาณทุเรียนอาจไม่เพียงพอสำหรับการส่งออก บริษัทจำเป็นที่จะต้องพร้อมสำหรับการส่งออกทุเรียน เพื่อบรรบุสัญญาณในปีนี้ ทั้งนี้ กรมศุลกากร (GDC) รายงานว่าในเดือน พ.ย.66 มูลค่าการส่งออกทุเรียนอยู่ที่ 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.8 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นอกจากนี้ เวียดนามยังส่งออกทุเรียนแช่เยือกแข็งและทุเรียนอบแห้งอีกด้วย และคาดว่าเวียดนามจะทำรายได้จากการส่งออกทุเรียนในปีนี้สูงถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vn-expected-to-earn-3-5-billion-from-durian-exports-2234891.html

 

จีน-ไทย ลงนามฟรีวีซ่า มีผลบังคับใช้ 1 มีนาคม 2567

นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน กล่าวในที่พิธีลงนามข้อตกลงยกเว้นวีซ่าระหว่างจีนและไทยว่า จีนและไทยจะเข้าสู่ “ยุคปลอดวีซ่า” อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้ลงนามข้อตกลงยกเว้นวีซ่าร่วมกัน และกล่าวเสริมว่า การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนในระดับทวิภาคีจะยกระดับขึ้นไปอีกอย่างแน่นอนภาพ นักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาเยือนประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้จีนยังยินดีต้อนรับประชาชนไทย ในการสัมผัสถึงความมีชีวิตชีวาของจีน และการต้อนรับอย่างอบอุ่นในฐานะเจ้าบ้านของจีน โดยจีนและไทยเป็นครอบครัวเดียวกัน สิ่งสำคัญคือเราทั้งสองประเทศจะต้องสร้างมิตรภาพที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และสร้างความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ จีนจะสนับสนุนประเทศไทยในการทำหน้าที่เป็นประธานหมุนเวียนของความร่วมมืออนุภูมิภาคล้านช้าง-ลุ่มแม่น้ำโขง และในการพัฒนาชุมชนล้านช้าง-แม่น้ำโขงด้วยอนาคตแห่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน

ที่มา : https://english.news.cn/20240128/d574bf62f149493c993a19078d2ca5ad/c.html

Wanli Tyre ตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตในกัมพูชา

Wanli Tyre Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองกวางโจว เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง ได้เริ่มขยายฐานการผลิตระยะใหม่ในกัมพูชา ท่ามกลางการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการผลิตล้อยางเมื่อปีที่แล้ว โดยโครงการระยะนี้ถือเป็นระยะที่ 3 ของการจัดตั้งโรงงานในกัมพูชา ซึ่งมีเป้าหมายที่จะสร้างโรงงานสาธิตการผลิตยางรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีการคาดการณ์กำลังการผลิตไว้ที่ปีละ 12 ล้านเส้น สำหรับในปี 2023 สำหรับปริมาณการผลิตและยอดคำสั่งซื้อของบริษัท Wanli ในกัมพูชา เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 18.77 และร้อยละ 19.42 ตามลำดับ ซึ่งมีกำไรเพิ่มขึ้นคิดเป็นมูลค่ากว่า 40.69 ล้านดอลลาร์ ในปีก่อน และพร้อมที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการผลิตยางในกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501426360/wanli-tire-eyes-major-capacity-expansion-in-cambodia/

หอการค้าไทย-จีนหนุนผู้ประกอบการรุก “CIIE 2024” เพิ่มโอกาสส่งออกตลาดจีน

นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า งานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน ครั้งที่ 7 (China International Import Expo-CIIE 2024) หรือ CIIE จะเป็นการเปิดโอกาสให้สินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีน ขณะที่นายยรรยง พวงราช ที่ปรึกษารองนายกัฐมนตรี กล่าวว่า งาน CIIE 2024 เป็นการเปิดโอกาสให้นักธุรกิจและผู้ประกอบการไทยได้รับฟังศักยภาพของงาน CIIE รวมถึงแนวคิดการจัดงาน CIIE ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญในการส่งเสริมการนำเข้าสินค้าตามนโยบายเปิดกว้างทางเศรษฐกิจของจีน และเป็นเวทีความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับนานาประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นเวทีส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าสินค้าและบริการที่มีศักยภาพของไทยสู่ตลาดจีน รวมถึงเป็นโอกาสในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐผ่านการเยือนของผู้บริหารระดับสูงของไทย และเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวทางผลักดันการค้า การลงทุนระหว่างผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชนไทย-จีน ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น

ที่มา : https://www.thansettakij.com/business/economy/586466