6 เดือนแรกของปีงบฯ 63-64 ค้าชายแดนเมียนมาแตะ 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ณ วันที่ 2 เมษายน 64 -ของปีงบประมาณปี 63-64 ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 63 การค้าชายแดนเมียนมามีมูลค่า 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงกว่า 264 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณก่อนซึ่งมีมูลค่า 5.9 พันล้านดอลลาร์ โดยด่านมูเซเป็นด่านชายแดนที่มีมูลค่าการค้ามากที่สุด คือ 2.5 พันล้านดอลลาร์ตามมาด้วยด่านเมียวดีมีมูลค่า 729 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 63 ถึง 2 เมษายน 64 ของปีงบประมาณนี้การค้าต่างประเทศมีมูลค่ารวมกว่า 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่การค้าทางทะเลมีมูลค่า 4.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนการนำเข้าจะเป็นสินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง และสินค้าอุปโภคบริโภค

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmars-border-trade-reaches-5-6-bln-in-first-six-months-of-fy/

สปป.ลาว-เวียดนามปฏิญาณกระชับความสัมพันธ์ความเป็นปึกแผ่นพิเศษ

ประธานาธิบดีสปป.ลาว Mr.Thongloun Sisoulith ได้ให้คำมั่นที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Mr.Nguyen Xuan Phuc ประธานาธิบดีแห่งรัฐที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ของเวียดนามเพื่อยกระดับความสัมพันธ์การร่วมมือและความเป็นปึกแผ่นพิเศษระหว่างทั้งสองประเทศให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้น หลายปีมานี้เวียดนามได้ให้การสนับสนุนต่อสปป.ลาวโดยเฉพาะอย่างยิ่งความช่วยเหลือของเวียดนามในการฟื้นฟูสปป.ลาวจากภัยพิบัติ รวมถึงการช่วยสปป.ลาวในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด -19 ท่ามกลางวิกฤตการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศและโลก เวียดนามถือเป็นประเทศหนึ่งที่สปป.ลาวมีการพึ่งพาทั้งด้านการค้าและการลงทุน ซึ่งเวียดนามเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อันดับสามในสปป.ลาวรองจากจีนและไทยในปี 2563 มูลค่าลงทุนจากเวียดนามทั้งหมด 4.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้านการค้ามีมูลค่าอยู่ที่ 815 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_LaosViet_68.php

ค้าชายแดน-ผ่านแดน ฟื้น ม.ค.เพิ่ม 21.90% คาดแนวโน้มโตต่อ

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย เดือนม.ค.2564 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 128,849 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.90% แบ่งเป็นการส่งออก 74,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.91% และการนำเข้า 54,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.02% ได้ดุลการค้า 19,801 ล้านบาท และหากแยกเฉพาะการค้าชายแดนชายแดน มีมูลค่า 72,224 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.81% และการค้าผ่านแดน มูลค่ารวม 56,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.69% ซึ่งเป็นการขยายตัวเป็นบวก 2 เดือดติดต่อกันนับจากธ.ค.2563 และยังสอดคล้องกับทิศทางการส่งออกที่ขยายตัวเป็นบวก 2 เดือนเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ หากดูรายละเอียดการค้าชายแดนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (มาเลเซีย เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา) ที่มีมูลค่า 72,224 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.81% พบว่ามาเลเซียยังคงเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่ง มีมูลค่าการค้า 26,736 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.65%, สปป.ลาว มูลค่า 16,771 ล้านบาท ลดลง 8.13%, เมียนมา มูลค่า 13,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.90% และกัมพูชา มูลค่า 15,063 ล้านบาท ลดลง 3.90%

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/927263

กัมพูชา เวียดนาม สปป.ลาวเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือผ่านประตูชายแดนระหว่างประเทศ

นายกรัฐมนตรีเวียดนามเหงียนซวนฟุกและผู้นำของสปป.ลาวและกัมพูชาตกลงที่จะสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยสำหรับพิธีการทางศุลกากรผ่านประตูชายแดนในระหว่างการเจรจาผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เมื่อวัน 10 มีนาคม 64 พวกเขาตกลงที่จะรักษาและส่งเสริมประสิทธิภาพของกลไกความร่วมมือเร่งความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนระหว่างท้องถิ่นชายแดนและส่งเสริมการสร้างตลาดชายแดนและศูนย์กระจายสินค้าระหว่าง 3 ประเทศเป็นไปตามแผนเพื่อเชื่อมต่อเศรษฐกิจทั้งสามประเทศภายในปี 2573 นอกจากนี้พวกเขายังมีการตกลงที่จะส่งเสริมความร่วมมือและการสนับสนุนซึ่งกันและกันในการป้องกันและควบคุม COVID-19 ต่อไปโดยสร้างเงื่อนไขสำหรับพิธีการศุลกากรสำหรับคนและสินค้าผ่านประตูชายแดนตลอดจนกิจกรรมความร่วมมือด้านการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของทั้ง 3 ประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50823412/cambodia-vn-laos-agree-to-boost-border-gate-cooperation/

มณฑลจื้อเจียงรุกจัดงานแสดงสินค้าออนไลน์ เร่งดันไทยเป็นประตูการค้าบุกอาเซียน

สำนักงานพาณิชย์แห่งมณฑลจื้อเจียงจัดงานแสดงสินค้าออนไลน์ 2021 Zhejiang Export Online Fair (Thailand ? Hardware &Electromachanical) ฝ่าวิกฤติโควิด-19 โดยตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นประตูการค้าในการขยายตลาดอาเซียน ภายหลังความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP มีผลบังคับใช้งาน 2021 Zhejiang Export Online Fair (Thailand – Hardware&Electromachanical Products) ได้รับความสนใจจากบริษัทผู้ผลิตชั้นนำด้านเครื่องจักร เครื่องมือกล และอุปกรณ์ จากมณฑลจื้อเจียงกว่า 40 บริษัท ที่มองหาพันธมิตรและคู่ค้าในประเทศไทย นอกจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีในรูปแบบออนไลน์แล้ว ยังมีการเจรจาธุรกิจออนไลน์ผ่านโปรแกรมซูมกับผู้ประกอบการไทยตลอดระยะเวลา 5 วันของการจัดงาน โดยคาดว่าจะมีการประชุมเจรจาธุรกิจออนไลน์ไม่ต่ำกว่า 200 รอบ และนำไปสู่มูลค่าการซื้อขายที่ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านดอลลาร์ภายหลังการลงนามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน ได้นำไปสู่การลดภาษีของสินค้ากว่า 90% เป็นศูนย์ ซึ่งเอื้อประโยชน์ทางการค้าระหว่างจีนและอาเซียนเป็นอย่างมาก โดยปัจจุบันมูลค่าการค้าอาเซียน-จีนมีมูลค่าเกือบ 13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนเป็นเกือบ 60% ของการค้าในภูมิภาคเอเซีย และ 13% ของมูลค่าการค้าโลก ซึ่งถือได้ว่าเป็นเขตการค้าเสรีที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก รองจากสหภาพยุโรป และ เขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ หรือ NAFTA ดังนั้นประเทศไทยจึงเป็นประเทศยุทธศาสตร์สำหรับการเปิดประตูสู่การค้ากับประเทศสมาชิกอาเซียนได้เป็นอย่างดี

  ที่มา : https://www.ryt9.com/s/iq03/3207095

เวียดนามเผยช่วงครึ่งแรกของ ม.ค. ขาดดุลการค้า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตามรายงานสถิติของกรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าเวียดนามขาดดุลการค้า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงครึ่งแรกของเดือนมกราคม มูลค่าการนำเข้าและส่งออกรวมอยู่ที่ 26.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าว มูลค่าการส่งออกของเวียดนามรวม 12.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าการนำเข้า 13.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของเดือนมกราคม เวียดนามมีสินค้าส่งออก 4 กลุ่มที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้แก่ เครื่องจักรและชิ้นส่วน 1.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ พุ่ง 72% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว รองลงมาโทรศัพท์และชิ้นส่วน, คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบ และเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอ ในขณะที่ มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้น 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/nation-records-trade-deficit-of-us250-million-in-first-half-of-january-832166.vov

จีนประกาศสนับสนุนสปป.ลาวเพิ่มเติม

จีนได้ตกลงที่จะสนับสนุนสปป.ลาวผ่านสามโครงการซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการกระชับความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างสองประเทศ คือจีนจะจัดหาวัสดุเพื่อต่อสู้กับโรคไข้เลือดออกในสปป.ลาว การเปิดตัวโครงการพัฒนาชนบทโครงสร้างพื้นฐานระยะที่ 2 และจีนเสนอระบบ Generalized System of Preferences (GSP) สำหรับสินค้าส่งออกของสปป.ลาว 97 % ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องในหลักการที่จะอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างสปป.ลาวและจีน นอกจากนี้ทั้งสองประเทศยังตกลงที่จะดำเนินนโยบายตรวจคนเข้าเมืองอย่างรวดเร็วสำหรับจีนซึ่งจะให้สิทธิพิเศษบางประการแก่บุคคลเกี่ยวกับขั้นตอนการเข้าออกโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่การทูต ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคและแรงงานต่างชาติที่จำเป็นสำหรับโครงการพิเศษ มาตรการเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสปป.ลาวในขณะเดียวกันก็ทำให้โครงการพัฒนาของจีนในประเทศดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เกิดการระบาดของโรคโควิด -19 ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีทั้งสองได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือในอนาคต นอกจากนี้จีนยังเดินทางเยือนกัมพูชา มาเลเซีย ไทย และสิงคโปร์ระหว่างวันที่ 11-15 ตุลาคม เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับประเทศในอาเซียน กระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวว่าอาเซียนและจีนกลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกันและกัน

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_China201.php

กัมพูชามองหาข้อตกลงทางการค้าทวิภาคีเพิ่มเติม

กัมพูชากำลังเตรียมพร้อมสำหรับข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับประเทศคู่ค้าหลักเพื่อทำการทดแทนจากการถูกเพิกถอนสิทธิพิเศษทางการค้าบางส่วนของสหภาพยุโรปหรือที่เรียกว่า Everything but Arms (EBA) โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ากัมพูชาควรเร่งความพยายามในการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงของภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ ซึ่งจีนเป็นประเทศแรกที่ได้ลงนาม FTA อย่างเป็นทางการกับกัมพูชา โดยปริมาณการค้าทวิภาคีระหว่างจีนและกัมพูชาอยู่ที่ 9.42 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ซึ่งทั้งสองประเทศตั้งเป้าไว้ว่าจะมีปริมาณการค้าระหว่างกันให้ถึงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2023 โดยในปัจจุบันกัมพูชาอยู่ระหว่างการเจรจา FTA กับเกาหลีใต้ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มการค้าทวิภาคีระหว่างประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50773321/kingdom-seeks-more-trade-deals/

พาณิชย์เมียนมาคาดภาคการค้าขยายตัว 109.73%

กระทรวงพาณิชย์ เผยเมียนมามีรายได้จากการค้าเกินเป้าหมายสำหรับปีงบประมาณ 2562-2563 ปริมาณการค้ามีมูลค่า 36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐและเทียบกับ 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณที่แล้ว โดยในปีนี้ได้ร่วมมือกับสมาคมผู้ผลิตและส่งออกผลไม้ดอกไม้และผักของเมียนมาเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดผลไม้ในท้องถิ่นในช่วง COVID-19 นอกจากนี้ยังจัดตั้ง Myanmar Online Expo Park และจัดงาน Myanmar International Expo of Organic and Natural Products ทางออนไลน์ในเดือนสิงหาคม ปีงบประมาณนี้มีการส่งออกมีมูลค่าประมาณ 17,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 18.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2561-2562 โดยการส่งออกพบว่าเพิ่มขึ้น 851 ล้านดอลลาร์สหรัฐในขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้การค้าต่างประเทศขยายตัวกว่า 10%  ส่วนใหญ่ โดยภาคการส่งออกส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่าและสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป ในขณะที่การนำเข้าจะเป็นสินค้าทุน สินค้าขั้นกลา งวัสดุเสื้อผ้า และสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งอุปสงค์จากต่างประเทศมีแนวโน้มเชิงบวก ตัวอย่างเช่น ความต้องการหัวหอมจากบังกลาเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ด้านการส่งออก ความต้องการสินค้าอื่น ๆ เช่น น้ำผึ้งและกาแฟมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งน้ำผึ้งสามารถส่งออกไปยังสหภาพยุโรป (EU) ส่วนความต้องการกาแฟจากต่างประเทศก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดยมีการถูกส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และยุโรป ในช่วงห้าปีที่ผ่านมามูลค่าการส่งออกกาแฟเพิ่มขึ้นเป็นสี่เท่าคิดเป็นมูลค่ากว่า 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้จาก 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2557 และเมียนมายังเริ่มส่งออกเบียร์ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว Carlsberg Myanmar ได้เริ่มส่งออกเบียร์ Tuborg Beer ไปยังจีน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/trade-sector-exceeds-10973pc-estimates-minister-commerce.html

เงินจัตแข็งค่ากระทบส่งออก ถือเป็นโอกาสการนำเข้าของเมียนมา

สมาชิกคณะกรรมการของสมาพันธ์ข้าวเมียนมาเผย การส่งออกของเมียนมาได้รับแรงกดดันจากการที่เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงซึ่งส่งผลให้การส่งออกที่สำคัญเช่นข้าวมีราคาแพงขึ้นในตลาดต่างประเทศ เงินจัตแข็งค่าสูงสุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ปี 61โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงของธนาคารกลางเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมลดลงแหลือ 1,300 จัตต่อดอลลาร์ แม้ว่าธนาคารกลางแห่งเมียนมา (CBM) จะซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อพยายามรักษาเสถียรภาพ ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ได้จำกัดการส่งออกข้าวเพื่อให้มีปริมาณสำรองเพียงพอสำหรับในประเทศในกรณีฉุกเฉินในช่วง COVID-19 แต่ถูกยกเลิกเนื่องจากฤดูเก็บเกี่ยวใหม่ใกล้เข้ามา จากข้อมูลจนถึงวันที่ 11 กันยายนระหว่างปีงบประมาณ 62-63 มีการส่งออกข้าวและปลายข้าวกว่า 2.5 ล้านตันไปยังกว่า 60 ประเทศ สร้างรายได้มากกว่า 774 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในทางกลับกันเงินจัตที่แข็งค่าสามารถเพิ่มการนำเข้าสินค้าสำคัญ เช่น ข้าวโพด เมียนมาส่งออกข้าวโพดไปยังจีนและไทยเป็นจำนวนมากและขณะนี้ยังขาดแคลนสินค้าภายในประเทศซึ่งใช้เป็นอาหารสัตว์ เมื่อเดือนที่ผ่านมาผู้ค้าและผู้เพาะพันธุ์ปศุสัตว์ได้ขอใบอนุญาตนำเข้าข้าวโพด แต่ได้รับการคัดค้านจากเกษตรกรในพื้นที่ซึ่งกลัวว่าจะมีผลผลิตมากเกินไปหากไม่มีการควบคุม โดยทั่วไปแล้วจะมีข้าวโพดส่วนเกินในตลาดในประเทศแต่หลังจากส่งออกมากกว่า 2 ล้านตันในปีงบประมาณ 61-63  จึงมีความเป็นไปได้ที่จะต้องหันมานำเข้าแทน

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/stronger-kyat-threatens-exports-presents-import-opportunities.html