“ศก.เวียดนาม” คาดเติบโตอันดับ 2 ในอาเซียน

ตามรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์ทวลรวมในประเทศ (GDP) ของเวียดนาม คาดว่าจะขยายตัว 5.8% ในปี 2566 อยู่ในอันดับที่ 2 ร่วมกับกัมพูชาในภูมิภาคอาเซียน รองจากฟิลิปปินส์ และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัวสูงขึ้นแตะ 6.9% ในปีหน้า ถือว่าเป็นตัวเลขสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในเรื่องของหนี้สาธารณะเวียดนามที่คาดว่าจะอยู่ระดับต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศสมาชิกอาเซียนอีก 8 ประเทศ

ทั้งนี้ ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้สถาบันการเงินดำเนินการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต โดยผู้เชี่ยวชาญได้ให้เหตุผลถึงการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางว่าเป็นการสร้างความยืดหยุ่นและจังหวะเวลา รวมถึงคาดว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 12 เดือนจะอยู่ที่ประมาณ 7% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 10%

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-gdp-growth-forecast-to-rank-second-in-asean/251654.vnp

ทุนสำรองเงินฯ ของเวียดนาม มูลค่าเติบโตสูงขึ้นในปี 2566

ตามรายงานของบริษัทหลักทรัพย์ VNDirect Securities Corporation ระบุว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้และปรับเพิ่มทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเวียดนาม ซึ่งจะช่วยลดค่าเงินดองของเวียดนาม ทั้งนี้ บริษัท VNDirect ยังคาดว่าบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุลการค้า 0.4% ของ GDP ในปีนี้ จากที่คาดการณ์ว่าจะขาดดุล 1.3% ของ GDP ในปีที่แล้ว ด้วยเหตุนี้ ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเวียดนามจะฟื้นตัวสู่ระดับการนำเข้าได้มากกว่า 3 เดือน และแตะระดับ 102 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปีนี้ จากระดับปัจจุบันที่ 89 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1451472/viet-nam-s-foreign-exchange-reserves-to-grow-this-year.html

‘แบงก์ชาติเวียดนาม’ ประกาศเพิ่มวงเงินขยายตัวของสินเชื่อ

เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2565 ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ประกาศเพิ่มเพดานการขยายตัวของสินเชื่อในปีนี้ขึ้นอีก 1.5-2% ด้วยแรงกดดันเงินเฟ้อของเวียดนาม ก่อนหน้านี้ทางธนาคารกลางจะไม่จำกัดการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ 14% และในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารกลางได้ให้โควต้าสำหรับธนาคารบางแห่ง โดยการตัดสินใจในครั้งนี้ของธนาคารกลางที่ทำการปรับเพิ่มเพดานการขยายตัวของสินเชื่อ เนื่องจากปัจจัยภายนอกกระทบต่อเศรษฐกิจลดลง ในขณะที่สภาพคล่องของระบบธนาคารมีทิศทางที่ดีขึ้น

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/central-bank-revises-up-credit-growth-limit/

“แบงก์ชาติเวียดนาม” คุมเข้มสภาพคล่อง

ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ทำการดึงปริมาณเงินออกจากในระบบ 57.6 ล้านล้านดองผ่านการดำเนินการในตลาดเปิด (OMO) และช่องทางในการขายเงินสกุลต่างประเทศ เพื่อรักษาสภาพคล่องในระบบของธนาคารให้อยู่ในระดับเหมาะสม หลังจากทำการลดปริมาณเงินแล้ว อัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมระหว่างธนาคารในช่วงข้ามคืน (Overnight) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้น 40 จุด อยู่ที่ 4.9% และในส่วนของอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงแบบ 1 สัปดาห์และ 1 เดือน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.2% และ 5.6% ตามลำดับ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่าธนาคารกลางจะรักษาสภาพคล่องของระบบธนาคารเวียดนามให้ไม่มากจนเกินไป เพื่อคงอัตราดอกเบี้ยให้กู้ยืมระหว่างธนาคาร อยู่ที่ระดับ 5.0-5.5% ซึ่งเป็นระดับที่สมเหตุสมผลกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และจะลดแรงกดดันต่ออัตราแลกเปลี่ยน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1339007/central-bank-acts-to-tighten-dong-liquidity.html

คลังสหรัฐฯ รับทราบความคืบหน้าของทางการเวียดนามชี้ประเด็นค่าเงิน

ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) เปิดเผยว่ากระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยอมรับรายงานความคืบหน้าของทางการเวียดนามเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจมหภาคและนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของคู่ค้าสำคัญของสหรัฐฯ โดยธนาคารกลาวเวียดนามยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อที่จะหารือถึงข้อกังวลของทั้งสองฝ่ายและประสานผลประโยชน์ร่วมกัน อีกทั้ง ธนาคารกลางเวียดนามจะดำเนินนโยบายการเงินที่มุ่งรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและควบคุมเงินเฟ้อ นอกจากนี้ยังคงมุ่งรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจและเป้าหมายของนโยบายการเงิน อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังคงทบทวนบัญชีรายชื่อประเทศที่ละเมิดเกณฑ์ 3 ข้อของสหรัฐฯ ได้แก่ ตัวเลขเกินดุลการค้า, ตัวเลขเกินดุลบัญชีเดินสะพัด และการแทรกแซงตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยเวียดนามและไต้หวัน ยังคงจับตาและติดตามผลต่อไป

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1250395/us-treasury-department-recognises-viet-nams-progress-in-addressing-currency-related-concerns.html

ธนาคารกลางกัมพูชารายงานสถานการณ์ดัชนีราคาผู้บริโภค

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ภายในประเทศประจำเดือนธันวาคม 2020 อยู่ในเกณฑ์ชะลอตัวแสดงถึงความมีเสถียรภาพมากขึ้นในส่วนของราคาสินค้าอุปโภคและบริโภค รวมถึงแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของกำลังซื้อภายในท้องถิ่น โดยธนาคารกลางกล่าวว่า CPI ของเดือนธันวาคมลดลงเหลือร้อยละ 2.9 เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลง และราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันอยู่ที่ 4,069 เรียลต่อดอลลาร์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพฤศจิกายน 2020 แม้จะมีการระบาดของโควิด-19 ซึ่งในขณะนี้รัฐบาลกัมพูชาได้ทำงานอย่างหนักในการลดอำนาจค่าเงินดอลลาร์ลงเพื่อทำการควบคุมและเป็นการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจภายในประเทศในระยะถัดไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50832887/central-bank-december-data-indicates-an-increase-in-purchasing-power/

สมาคม Fintech กำหนดเป้าหมายภายในประเทศกัมพูชา

สมาคมการเงินและเทคโนโลยีแห่งกัมพูชา (CAFT) นำเสนอวิสัยทัศน์สำหรับอนาคตของอุตสาหกรรมในการประชุมสามัญประจำปีครั้งแรก โดยงานนี้มีวิทยากรจาก ธนาคารกลางของประเทศกัมพูชา (NBC) และ องค์การเงินตราแห่งประเทศสิงคโปร์ ได้รวบรวมผู้นำจากภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงสถาบันบริการการชำระเงิน (PSI), การประกันภัย, การธนาคาร, การเงินขนาดเล็กและอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งประธาน CAFT มองว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องรวมกลุ่มธุรกิจให้กว้างขวางขึ้น เพราะจะช่วยสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เป็นวงกว้าง ผ่านการทำงานร่วมกันภายใต้นวัตกรรมใหม่ ซึ่งในขณะนี้ CAFT กำลังดำเนินการจัดทำเอกสารแนวคิดที่จะส่งไปยัง NBC เพื่อขออนุมัติดำเนินโครงการการรวมกลุ่ม โดยปัจจุบันการใช้งานหลักสำหรับโซลูชันฟินเทคคือการโอนเงินแบบดิจิทัล ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50816982/fintech-association-outlines-goals-at-its-first-annual-meeting/

ธนาคารกลางเวียดนามเล็งปรับลดอัตราดอกเบี้ย

ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) เล็งปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ตามคำแถลงการณ์ของรองผู้ว่าธนาการกลาง เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา โดยทางผู้ว่าธนาคารกลาง กล่าวว่ายังคงให้การสนับสนุนกับทางสถาบันสินเชื่อในทุกวิธีทาง รวมถึงอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ ทั้งนี้ ธนาคารกลางเวียดนามสนับสนุนสถาบันสินเชื่อ ให้ลดค่าใช้จ่าย-ต้นทุน และสนับสนุนลูกค้ารายใหม่ๆ ในขณะเดียวกัน ก็ยังรักษามาตรฐานในการปล่อยสินเชื่อวงเงินสูง เพื่อให้มั่นใจว่าภาคธนาคารมีเสถียรภาพในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ความต้องการเงินกู้ในปีนี้อยู่ในระดับต่ำ เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ตัวเลขของการเติบโตสินเชื่ออยู่ที่ร้อยละ 4.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว สำหรับอัตราหนี้เสีย พบว่ายังอยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 2 จากการที่ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ดำเนินการตามแนวทาง Basel II

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/central-bank-eyes-further-interest-cut/187441.vnp

ธนาคารกลางกัมพูชาประกาศถึงสินเชื่อภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) รายงานถึงสินเชื่อประเภทเช่าซื้อเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 42.6 สู่ระดับ 330.3 ล้านดอลลาร์ โดยมี 110,479 บัญชีทำการกู้ยืมในช่วงระหว่างครึ่งแรกของปี 2563 โดยสถาบันการเงินรายย่อย (MFI) กัมพูชามองว่าส่วนใหญ่ของการปล่อยกู้ยังมีเสถียรภาพ แต่สินเชื่อด้อยคุณภาพในธุรกิจลีสซิ่งยังคงต้องจับตามองจากการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยของ NPL ซึ่งในเดือนธันวาคม 2019 LOLC มีลูกค้า 41,000 ราย ที่มีสินเชื่อลิสซิ่ง คิดเป็นจำนวน 103 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2563 พอร์ตสินเชื่อของลีสซิ่งยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2562 โดยส่วนใหญ่จากมากจากสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซด์ รถยนต์ รถแทรกเตอร์และรถสามล้อ ซึ่งรองผู้จัดการทั่วไปฝ่ายอุปกรณ์การเกษตรของ RMA กัมพูชาซึ่งให้บริการด้านเครื่องจักรกลการเกษตรและรถแทรกเตอร์ภายใต้แบรนด์ John Deere กล่าวว่าปัจจุบันลูกค้าของ RMA ประมาณ 80 ถึง 90 เปอร์เซ็นต์กำลังใช้บริการสินเชื่อจากธนาคาร และ MFIs เพื่อทำการซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร โดยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วยอดขายลดลงประมาณร้อยละ 15 จากผลกระทบของ COVID-19 ด้านธนาคารกลางกัมพูชากล่าวว่าได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการดูแลภาพรวมของธนาคารและสถาบันการเงินภายในประเทศ ให้มีเสถียรภาพมากที่สุดในช่วงของการระบาดใหญ่ในครั้งนี้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50744333/the-central-bank-announces-big-jump-in-financial-leasing-credit/

เวียดนาม คาดสินเชื่อปี 63 โต 9-10%

การเติบโตสินเชื่ออาจโตเพียงร้อยละ 9-10 ในปีนี้ หากเทียบกับปีที่แล้วอยู่ที่ร้อยละ 13 ถึงแม้ว่ามีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานไปได้ในทิศทางที่ดี ตามข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญ โดยอัตราการเติบโตจะต่ำกว่าที่ธนาคารตั้งเป้าไว้ร้อยละ 11-14 ในปีนี้ ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญของบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า กล่าวว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของธนาคารกลางเวียดนามไว้ที่ระดับ 0.5 เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา อาจไม่ช่วยกระตุ้นความต้องการสินเชื่อของธุรกิจ ซึ่งการลดลงดังกล่าวจะมีผลกระทบในเชิงบวกต่อระบบธนาคารและอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจมากกว่าเมื่อเทียบกับการตัดดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะสั้นจะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ทำให้ลดต้นทุนแก่ธนาคารอย่างมีนัยสำคัญและสนับสนุนให้ธุรกิจขยายการชำระหนี้สินและการปรับโครงสร้างหนี้ อย่างไรก็คาม อัตราดอกเบี้ยข้างต้นปรับตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งความต้องการของผู้บริโภคยังคงอยู่ในวงจำกัด ทำให้ธุรกิจไม่กู้ยืมแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับต่ำก็ตาม

ที่มา :https://en.vietnamplus.vn/credit-growth-forecast-to-slow-to-910-percent-in-2020/173671.vnp