“เวียดนาม” เผย ม.ค. ต่างชาติลงทุน FDI หดตัวลง 20%

ตามข้อมูลของหน่วยงานควบคุมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FIA) กระทรวงวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่ายอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในเดือนมกราคม อยู่ที่ 1.69 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 80.2% ของยอดเงินทุนรวมจากต่างประเทศในเดือนมกราคม 2565 ทั้งนี้ จากข้อมูลในเดือนที่แล้ว พบว่าจำนวน 153 โครงการเป็นโครงการที่ได้ใบรับรองการจดทะเบียนการลงทุน พร้อมกับเงินทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยการลงทุนจากต่างประเทศส่วนใหญ่จะลงทุนในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป รองลงมาภาคการค้าปลีกค้าส่ง และภาคการขนส่งและการก่อสร้าง ทั้งนี้ สิงคโปร์เป็นประเทศที่เข้ามาลงทุนในเวียดนามมากที่สุด ด้วยมูลค่าการลงทุน 814 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 48.3% ของเงินทุนรวมจากต่างประเทศ รองลงมาจีน เกาหลีใต้และไต้หวัน

ที่มา : https://vietreader.com/business/74014-january-fdi-down-20-per-cent-on-year.html

ค้าชายแดนเมียนมา-จีน ทะลุ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา เผย ตั้งแต่เดือนเมษายน 2565 ถึงวันที่ 15 มกราคม 2566 การค้าระหว่างเมียนมาและจีนสูงผ่านชายแดนพุ่งถึง 2,159.412 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นการส่งออกอยู่ที่ 1,801.501 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการนำเข้าอยู่ที่ 357.911 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมูลการค้าผ่านชายแดนที่สำคัญ ได้แก่ ชายแดนมูเซ 1,762.051 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, ชายแดนลวยเจ 105.735 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, ชายแดนชีงชเวห่อ  215.603 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, ชายแดนกัมปาตี 66.416 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และชายแดนเชียงตุง 9.607 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-china-trade-volume-exceeds-us2-bln-from-april-2022-to-half-of-jan-2023/

นายกฯ สปป.ลาว แนะโรงงานอาหารสัตว์ ‘เร่งผลิต’

นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีของ สปป.ลาว ให้กำลังใจผู้ประกอบการที่กำลังก่อสร้างโรงงานผลิตอาหารสัตว์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดหาวัตถุดิบแก่ฟาร์มชุมชนและการลดต้นทุน โรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิตอาหารสัตว์ประมาณ 10 ตันต่อชั่วโมงและเดินเครื่องจักรวันละ 8 ชั่วโมง และผลิตภัณฑ์ของโรงงานสามารถใช้เป็นอาหารสัตว์ปีกและสุกรได้ อีกทั้ง โรงงานแห่งนี้ถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญในการลดความต้องการนำเข้าอาหารสัตว์ และยังช่วยลดต้นทุนการผลิตอาหารและลดราคาอาหารในสปป.ลาวอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการผลิตที่มีอยู่ในท้องถิ่น เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าและลดราคาสินค้าในประเทศ ท่ามกลางค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_PM22.php

การลงทะเบียนเครื่องหมายการค้าในกัมพูชาอยู่ที่ 9,288 ราย ในปี 2022

กระทรวงพาณิชย์กัมพูชา รายงานการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในช่วงปี 2022 ที่จำนวน 9,288 ราย ลดลงร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งออกเป็นการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าผ่านระบบภายในประเทศอยู่ที่ 4,196 รายการ ลดลงร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับปี 2021 ขณะที่การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าผ่านระบบระหว่างประเทศที่เรียกว่า Madrid System มีอยู่ที่จำนวน 5,092 รายการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.7 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งผู้จดทะเบียนโดยส่วนใหญ่มีจุดประสงค์เพื่อคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงเป็นการสร้างมาตรฐาน ในการคุ้มครองผู้บริโภค การควบคุมและปราบปรามการปลอมแปลงสินค้าและบริการทุกประเภท

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501230307/cambodia-trademark-registration-at-9288-in-2022/

คาดอุตสาหกรรมเกมมือถือกัมพูชาโตแตะ 34.28 ล้านดอลลาร์

หลังจากประชาชนคนกัมพูชาสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีมือถือ ควบคู่ไปกับจำนวนประชากรในกลุ่มเยาวชนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้อุตสาหกรรมกลุ่มเกมมือถือขยายตัวอย่างรวดเร็วในกัมพูชา โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมมีการขยายตัวกว่าร้อยละ 8.54 ซึ่งภายในปี 2027 คาดว่ามูลค่าตลาดภายในประเทศจะสูงถึง 47.57 ล้านดอลลาร์ โดยในปีนี้คาดว่ารายได้ของอุตสาหกรรมเกมมือถือจะอยู่ที่ประมาณ 34.28 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก statista.com ซึ่งได้คาดการเพิ่มเติมว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า (ภายในปี 2027) จำนวนผู้บริโภคเกมมือถือในประเทศจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 3.1 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17.1 ของผู้ใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501230311/kingdoms-mobile-games-revenue-may-reach-34-28m/

“พาณิชย์-DITP”ชี้เป้าส่งออก “เครื่องดื่ม”เจาะตลาดเวียดนามแนะเน้นสินค้าพรีเมียมเพื่อสุขภาพ

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้มอบหมายให้กรมฯ สำรวจลู่ทาง และโอกาสการส่งออกสินค้าไทยในประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับข้อมูลจาก นางสาวธนียา ฟูเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย ถึงแนวโน้มตลาดสินค้าเครื่องดื่มในเวียดนาม และโอกาสในการขยายตลาดสินค้าเครื่องดื่มของผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ตลาดเวียดนาม

ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์ได้รายงานสถานการณ์ตลาดเครื่องดื่มในเวียดนามในปี 2566 มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้น หลังจากซบเซาจากโควิด-19 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยฟื้นตัวทั้งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และไม่มีแอลกอฮอล์ และผู้บริโภคยังให้ความสำคัญต่อสุขภาพมากขึ้น โดยต้องการเครื่องดื่มที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย มีแหล่งที่มาที่ชัดเจน มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน

ที่มา : https://www.thailandplus.tv/archives/664609

“เวียดนาม” เผยยอดธุรกิจจัดตั้งใหม่ ม.ค. 10,800 ราย

เวียดนามเปิดเผยว่าตัวเลขจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนมกราคม 2566 พบว่ามีจำนวน 10,800 ราย ลดลง 16.6% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยจำนวนผู้ประกอบการธุรกิจรวมทั้งหมด 15,100 รายที่กลับมาดำเนินกิจการ เพิ่มขึ้น 146.8% และลดลง 21.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่งผลให้จำนวนวิสาหกิจและธุรกิจที่ตั้งขึ้นใหม่ทั้งหมดที่กลับมาเปิดดำเนินกิจการการในเดือนมกราคมอยู่ที่ 25,900 ราย

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/10-800-new-enterprises-established-in-vietnam-in-january-2023-2105124.html

“เวียดนาม” เผยเดือน ม.ค. เกินดุลการค้า 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) เปิดเผยว่าการส่งออกสินค้าของเวียดนามในเดือน ม.ค. มีมูลค่าทั้งสิ้น 25 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 13.6 21.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 21.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 28.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่งผลให้เดือนนี้เวียดนามเกินดุลการค้า 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกายังคงเป็นผู้นำเข้าสินค้าจากเวียดนามรายใหญ่ที่สุด มีมูลค่า 7.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน ม.ค. 2566 คาดว่าจะปรับตัวลดลง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnam-has-trade-surplus-of-over-us3-6-billion-in-january/

เมียนมาตั้งเป้าส่งออกข้าวโพดกว่า 2 ล้านตัน ในฤดูกาลผลิตปี 66

สมาคมอุตสาหกรรมข้าวโพดแห่งเมียนมา เผย ปี 2566 เมียนมามีผลผลิตข้าวโพดรวมทั่วประเทศ 3 ล้านตัน โดยมีเป้าส่งออกมากกว่า 2 ล้านตัน และเก็บไว้บริโภคภายในประเทศอีก 1 ล้านตัน ซึ่งตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ ไทย จีน อินเดีย เวียดนาม ในปัจจุบันราคาข้าวโพดพุ่งสูงสุดถึง 1,280 จัตต่อ viss (1 viss เท่ากับ 1.6 กิโลกรัม) จากความต้องการของต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยในปีงบประมาณ 2563-2564 เมียนมาส่งออกข้าวโพด 2.3 ล้านตัน ส่วนใหญ่ถูกส่งออกไปยังไทย และบางส่วนส่งออกไปยัง จีน อินเดีย และเวียดนาม ปัจจุบันการปลูกข้าวโพดของเมียนมาส่วนใหญ่อยู่ในรัฐฉาน รัฐกะฉิ่น รัฐกะยา รัฐกะเหรี่ยง ภาคมัณฑะเลย์ ภาคซะไกง์ และภาคมะกเว โดยมีฤดูกาลปลูกอยู่ 3 ฤดู คือ ฤดูหนาว ฤดูร้อน และฤดูมรสุม ส่วนผลผลิตข้าวโพดต่อปีอยู่ที่ 2.5-3 ล้านตัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-sets-over-2-mln-tonnes-of-corn-export-target-this-season/#article-title

“สปป.ลาว” ติดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำ ปี 66

เว็บไซต์ Traveller ของออสเตรเลีย ได้รวบรวมสถานที่น่าท่องเที่ยวที่ดีที่สุดจากทั่วโลก พบว่าสปป.ลาว ติดอันดับ 10 สถานที่ที่น่าท่องเที่ยวชั้นนำของโลกจาก 25 จุดหมายปลายทางในปีนี้ และจากบทความชี้ให้เห็นว่าในอดีตที่ผ่านมา ใครก็ตามที่เคยไปเที่ยวในลาว จะทราบถึงเสน่ห์และบรรยากาศสบายๆ รวมถึงความงามทางวัฒนธรรมของเมืองหลวงพระบาง ไปจนถึงพลังแห่งวัยเยาว์ของเวียงจันทน์ อย่างไรก็ตาม สปป.ลาว ได้เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา มีการเปิดเส้นทางรถไฟลาว-จีน ในปี 2564 ทำให้เข้าถึงนักท่องเที่ยวได้ดีขึ้นและสะดวกในการเดินทาง นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญ มองว่าการเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนผ่านรถไฟลาว-จีน ทำให้รัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ อยู่ที่ราว 1.4 ล้านคน  และมีแผนที่จะปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการ เพื่อรองรับกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้าประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_Laos21.php