ลาวแอร์ไลน์ ไม่มีแผนปรับปรุงทำการแข่งกับรถไฟลาว-จีน

ลาวแอร์ไลน์และสถานีขนส่งสายเหนือในเวียงจันทน์ไม่มีแผนที่จะเปลี่ยนแปลงบริการหรือราคาตั๋วเพื่อดึงดูดลูกค้าออกจากการเดินทางบนรถไฟลาว-จีน ปัจจุบันมีคนมาที่สถานีรถไฟมากกว่าที่สนามบินและสถานีขนส่ง โดยการเดินทางด้วยรถไฟถูกกว่าเที่ยวบินและเร็วกว่าการเดินทางโดยรถบัสมากินายนู๋แดง จันทผาสุก ผู้อำนวยการฝ่ายพาณิชย์ของสายการบินลาว บอกกับเวียงจันทน์ไทมส์ว่า การเปิดรถไฟลาว-จีนจะไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อการดำเนินงานของสายการบิน โดยเสริมว่าผู้คนต้องการใช้รถไฟในตอนนี้เพราะเป็นสิ่งใหม่และรถไฟ รวดเร็ว อย่างไรก็ตาม หากความต้องการลดลง สายการบินจะลดจำนวนเที่ยวบินตามกำหนดการ แต่ถ้าจำนวนผู้โดยสารกลับสู่ระดับก่อนหน้า จำนวนเที่ยวบินจะเพิ่มขึ้น การเปิดทางรถไฟระยะทาง 426 กม. เป็นก้าวสำคัญของสปป.ลาวและควรเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศ เนื่องจากประเทศมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาคและบูรณาการทางเศรษฐกิจกับส่วนอื่นๆ ของโลก

 

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_LaoAirlines241.php

FTAs ดันกัมพูชา ติดอันดับดัชนีการเชื่อมต่อระดับโลก (GCI)

กัมพูชาติดอันดับในดัชนีการเชื่อมต่อระดับโลก (GCI) ถือเป็นการศึกษาที่พิจารณาและวัดว่าแต่ละประเทศมีส่วนทำให้เกิดโลกาภิวัตน์อย่างไร ซึ่งการจัดอันดับนี้พิจารณาจากการค้าระหว่างประเทศ การเคลื่อนย้ายของผู้คน เงินทุน ข้อมูล และปัจจัยอื่นๆ ที่ดำเนินการศึกษาโดย DHL ที่เป็นหนึ่งในบริษัทขนส่งชั้นนำระดับโลก โดยรายงานผลที่เกี่ยวกับ 169 ประเทศทั่วโลก ทั้งจากเอเชีย อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอฟริกา ยุโรป และโอเชียเนีย ซึ่งกัมพูชาอยู่ในอันดับที่ 46 ของโลก ในปี 2021 โดยอยู่ในอันดับที่ 5 ในกลุ่มประเทศโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากสิงคโปร์ (อันดับที่ 2 ของโลก) มาเลเซีย (อันดับที่ 16) ไทย (อันดับที่ 30) และเวียดนาม (อันดับที่ 38) ซึ่งสิงคโปร์ เวียดนาม และกัมพูชา ทำได้เกินความคาดหมาย ตามข้อมูลของ DHL กัมพูชาอยู่ในอันดับที่ 49 ในการสำรวจเดียวกันเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยคาดว่าพัฒนาการที่สำคัญของกัมพูชามาจากการเป็นสมาชิกในกลุ่มการค้าระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศอื่นๆ รวมถึงข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับเกาหลีใต้ จีน และประเทศอื่นๆ ที่ส่งผลทำให้ภาคการส่งออกปรับตัวดีขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50984476/major-trade-pacts-ftas-bolster-cambodias-gci-ranking/

กัมพูชา-ฟิลิปปินส์ ส่งเสริมความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน

หอการค้ากัมพูชาและหอการค้าฟิลิปปินส์เห็นชอบที่จะส่งเสริมและเสริมสร้างความร่วมมือทางธุรกิจและเศรษฐกิจระหว่างกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกันโดย Kith Meng ประธานหอการค้ากัมพูชาและ AMB Benedicto V. Yujuico ประธานหอการค้าฟิลิปปินส์ร่วมเป็นผู้ลงนาม ในระหว่างการประชุมครั้งที่ 3 ของคณะกรรมาธิการร่วมกัมพูชา-ฟิลิปปินส์ เพื่อความร่วมมือทวิภาคี (JCBC) โดยบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและเสริมสร้างความร่วมมือทางธุรกิจและเศรษฐกิจระหว่างกัมพูชาและฟิลิปปินส์ในด้านต่างๆ เช่น ICT และนวัตกรรม เกษตรกรรม การผลิต แฟรนไชส์ ​​การท่องเที่ยว การบริการ และการพัฒนา SME ซึ่งสภาทั้งสองตกลงที่จะจัดตั้งสภาธุรกิจฟิลิปปินส์-กัมพูชา โดยจะตั้งอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์และกัมพูชา ซึ่งในระยะถัดไปจะร่วมหารือระหว่างกันในการกำหนดหน้าที่ เป้าหมาย ระหว่างกัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50984602/cambodia-philippines-boost-business-and-economic-cooperation/

‘กรมเจรจาฯ’ ชวนผู้ประกอบการเตรียมใช้ประโยชน์จาก RCEP 1 ม.ค. ปีหน้า

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เชิญชวนผู้ประกอบการเตรียมใช้ประโยชน์จากความตกลง RCEP 1 ม.ค. ปีหน้า ทั้งข้อมูลกฎเกณฑ์ทางการค้า อัตราภาษี และกฎถิ่นกำเนิดสินค้า แนะศึกษาตลาด RCEP สำหรับวางแผนธุรกิจ และผลิตสินค้าให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค สามารถศึกษาความตกลง RCEP ฉบับสมบูรณ์ ในรูปแบบ E-Book พร้อมติดตามข่าวสารผ่านทางเว็บไซต์ www.dtn.go.th และรับชมการสัมมนาเกี่ยวกับ RCEP ย้อนหลังได้ทาง YouTube “DTNChannel” สำหรับประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากความตกลง RCEP คือสมาชิก RCEP จะยกเลิกภาษีนำเข้าที่เก็บกับสินค้าไทย จำนวน 39,366 รายการ โดยลดภาษีเหลือ 0% ทันที จำนวน 29,891 รายการ ซึ่งจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จะลดและยกเลิกภาษีศุลกากรกับสินค้าที่ส่งออกจากไทย เพิ่มเติมจาก FTA ที่มีอยู่ อาทิ ผลไม้สดและแปรรูป สินค้าประมง น้ำผลไม้ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์และส่วนประกอบ พลาสติก เคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ

ที่มา : https://www.thailandplus.tv/archives/435365

ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาด GDP ไทยปี 65 โต 2.8-3.7% ขึ้นกับความรุนแรงของโอมิครอน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 65 ฟื้นตัวมาเติบโตได้ในกรอบ 2.8-3.7% ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อทิศทางของเศรษฐกิจไทยในปีหน้าให้กลับมามีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับอัตราการแพร่เชื้อ และประสิทธิภาพของวัคซีนที่ใช้อยู่ว่าจะสามารถต้านทานการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนได้หรือไม่ แต่จากการที่หลายประเทศเริ่มคุมเข้มการเดินทาง ก็อาจทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 65 โดยเฉพาะในไตรมาสแรกได้รับผลกระทบ

ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2021/153139

‘เวียดนาม’ คาดอุตสาหกรรมสิ่งทอ โต 11.2%

สมาคมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเวียดนาม (VITAS) เปิดเผยว่าภาคธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในประเทศ ตั้งเป้าว่าจะมียอดส่งออกในปีนี้ อยู่ที่ 39 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.2% และ 0.2% เมื่อเทียบกับปี 63 และ 62 ตามลำดับ ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบในเชิงลบจากการแพร่ระบาดขงโรคโควิด-19 ที่ยังคงยืดเยื้อ แต่ภาคธุรกิจได้เตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับวิกฤติดังกล่าวและคงรักษาระดับการส่งออกให้มีเสถียรภาพ ทั้งนี้ การส่งออกที่คงเติบโตในระดับสูง เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดยุโรปและสหรัฐฯ รวมถึงผลประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีที่เวียดนามร่วมลงนามกับประเทศคู่ค้า

นอกจากนี้ การที่รัฐบาลเวียดนามได้ปรับตัวให้มีความยืดหยุ่นต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ทำให้ภาคธุรกิจมีความคล่องตัวในการดำเนินงาน

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/garment-sector-set-to-enjoy-growth-rate-of-112-909982.vov

‘นครเกิ่นเทอ’ เคาะงบลงทุน 1.2 ล้านล้านดอง เหตุปรับปรุง 5 แยกใหญ่

จากการประชุมสภาองค์การบริหารจังหวัดเกิ่นเทอ (Can Tho) เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. นาย Nguyen Thuc Hien ยื่นเสนอขอใช้งบประมาณ 1.2 ล้านล้านดอง เพื่อยกระดับโครงการและขยายพื้นที่ของ 5 ทางแยกใหญ่ในตัวเมืองเกิ่นเทอ โดยโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2564-2568 ในเฟสแรก เมืองจะขยายพื้นที่ทางแยกเหล่านี้ ได้แก่ (1) Mau Than-Ba Thang Hai-Tran Hung Dao, (2) Mau Than-Nguyen Van Cu-Vo Van Kiet, (3) Nguyen Van Linh-Nguyen Van Cu, (4) Nguyen Van Linh-Ba Thang Hai และ (5) Nguyen Van Linh-Ba Muoi Thang Tu

ทั้งนี้ หากมีระยะต่อไป เมืองเกิ่นเทอจะพิจารณาสร้างสะพายลอยหรืออุโมงค์ กรณีปริมาณการจราจรเพิ่มมากขึ้น

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/can-tho-to-spend-vnd1-2-trillion-upgrading-five-congested-intersections/

ภาครัฐ เอกชน วางแผนเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว

ภาครัฐและเอกชนกำลังวางแผนที่จะเปิดประเทศสปป.ลาวอีกครั้งสำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบโดสในปี พ.ศ. 2565 แม้ว่ารายละเอียดเกี่ยวกับการกักกันเมื่อเข้าประเทศยังคงถูกถกเถียงกันอยู่ กระทรวงจะให้รายละเอียดที่แน่นอนเกี่ยวกับการเข้าประเทศลาวของผู้มาเยือนในภายหลังเมื่อมีข้อมูลเพิ่มเติมจากกระทรวงสาธารณสุข โดยพื้นสำหรับการท่องเที่ยวจะยังถูกจำกัดไว้เฉาะโซนสีเขียว ได้แก่ เวียงจันทน์ วังเวียงและหลวงพระบาง

ขณะนี้นางเผิงจันทร์ เผิงเมือง อธิบดีกรมการวางแผนและความร่วมมือระหว่างประเทศ กล่าวในที่ประชุมว่า กระทรวงกำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานของรัฐและเอกชนเพื่อวางแผนรับนักท่องเที่ยวกลับมาในอนาคตอันใกล้ และจะขอให้รัฐบาลอนุมัติแผนในไม่ช้า โดยใช้ชื่อโครงการว่า “ลาว ทราเวล กรีนโซน” รัฐบาลหวังว่าแคมเปญ Lao Thiao Lao (ลาวเยี่ยมชมลาว) จะดึงดูดนักท่องเที่ยวลาวอย่างน้อย 1.9 ล้านคนและนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 1 ล้านคนในปี 2565

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Public_240_21.php

ธนาคาร SME กัมพูชา ขยายวงเงินโครงการปล่อยกู้ครั้งที่ 2

ธนาคาร SME ได้เพิ่มวงเงินการปล่อยกู้มูลค่า 40 ล้านดอลลาร์ ในโครงการ SCFS II ทำให้กรอบวงเงินปล่อยกู้ขยายขึ้นเป็น 140 ล้านดอลลาร์ สำหรับการสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในกัมพูชา โดยธนาคารกล่าวในแถลงการณ์ว่างบประมาณเพิ่มเติมสำหรับ SCFS II คือการตอบสนองต่อความต้องการสินเชื่อของ SMEs ภายในประเทศ เนื่องจากปัจจุบันความต้องการทางด้านสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และเพื่อให้สอดคล้องกับแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ริเริ่มโดยรัฐบาลกัมพูชา SME Bank of Cambodia จึงร่วมกับสถาบันการเงินที่เข้าร่วม (PFIs) ในการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมอีก 40 ล้านดอลลาร์ สำหรับ SME Co-financing Scheme II (SCFS II) ซึ่งให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ SMEs รวม 790 ราย โดยคิดเป็นเงินกู้ยืม 99.8 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50983845/sme-co-financing-scheme-iis-budget-increased-to-140-million/

FTAs-RCEP ผลักดันกัมพูชาผลิตสินค้าส่งออกเพิ่มขึ้น

รัฐบาลกัมพูชาได้สนับสนุนและผลักดันให้ภาคธุรกิจผู้ผลิตทำการส่งออกผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันประเทศกัมพูชาได้เปิดตลาดส่งออกกว้างขึ้น หลังจากข้อตกลงการค้าเสรี (FTAs) และข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) มีผลบังคับใช้ในต้นปีหน้า โดยนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ได้กล่าวในพิธีเปิดถนนแห่งชาติหมายเลข 7 ว่า ข้อตกลงการค้าเสรีกัมพูชา-จีน และข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคที่ครอบคลุม จะมีผลบังคับใช้ในเดือน ม.ค. 2022 ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจของกัมพูชาต่อไป สำหรับข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างกัมพูชาและจีน กัมพูชาสามารถนำเข้าผลิตภัณฑ์ได้มากกว่า 340 ชนิด โดยร้อยละ 95 ของผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจะถูกยกเว้นการเก็บภาษี ส่วนความตกลงความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคได้รับการลงนามระหว่าง 15 ประเทศ รวมทั้งประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ และประเทศหุ้นส่วนการค้าเสรีอีก 5 แห่ง ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และนิวซีแลนด์ ซึ่ง RCEP ถือเป็นข้อตกลงทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีประชากรรวมประมาณ 2.2 พันล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของประชากรโลก และครอบคลุมปริมาณการค้าถึงร้อยละ 28 ของการค้าโลก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50983649/ftas-rcep-pushing-cambodia-into-producing-more-products-for-exports/