ภาคธนาคารในกัมพูชาปรับขึ้นดอกเบี้ยตาม Fed

ธนาคารและสถาบันไมโครไฟแนนซ์ (MFI) หลายแห่งในกัมพูชาได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในสกุลเงินดอลลาร์และเรียลประมาณร้อยละ 0.5 และร้อยละ 1 ต่อปี ตามลำดับ แต่ยังคงไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ตามการรายงานของสมาคม โดยการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากภายในกัมพูชาเกิดขึ้นหลังจากคณะกรรมการตลาดกลางแห่งสหพันธรัฐ (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ Federal Reserve ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงธนาคารพาณิชย์ให้อยู่ในช่วงร้อยละ 2.25-2.5 ซึ่งปัจจุบันกัมพูชามีธนาคารพาณิชย์ดำเนินการภายในกัมพูชา 58 แห่ง, ธนาคารเฉพาะกิจ 9 แห่ง และสถาบันไมโครไฟแนนซ์ 86 แห่ง โดยมีสำนักงานใหญ่และสาขารวม 2,614 แห่ง รวมทั้งตู้เอทีเอ็ม (ATM) 3,998 แห่งทั่วประเทศ ตามรายงานล่าสุดของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) ที่ออกเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501128445/banks-mfis-raise-interest-rates-following-fed-move/

คาดเงินกู้ญี่ปุ่นกระตุ้นการขยายท่าเรือสีหนุวิลล์ในกัมพูชา

ญี่ปุ่นสนับสนุนเงินกู้ให้กับกัมพูชาเพื่อทำการขยายพื้นที่ในการจัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์ในท่าเรือสีหนุวิลล์ ด้วยวงเงินกู้ยืม 306 ล้านดอลลาร์ จากญี่ปุ่น โดยนายกรัฐมนตรี ฮุนเซน คาดหวังว่าเงินกู้ข้างต้นจะช่วยให้กัมพูชาขยายและปรับปรุงท่าเรืออิสระสีหนุวิลล์ให้เป็นท่าเรือน้ำลึกที่สำคัญในระดับภูมิภาค ซึ่งทาง Hem Vanndy รัฐมนตรีต่างประเทศกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังของกัมพูชา และ Kamei Haruko หัวหน้าผู้แทนสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่น (JICA) กัมพูชา ได้ทำการลงนามร่วมกันเกี่ยวกับสัญญาเงินกู้ดังกล่าว โดยท่าเรือแห่งนี้จดทะเบียนเป็นท่าเรือน้ำลึกเชิงพาณิชย์แห่งเดียวในกัมพูชา ซึ่งมีรายได้รวม 93.2 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามรายงานของกระทรวงโยธาธิการและการขนส่งกัมพูชา ซึ่งปัจจุบันท่าเรือแห่งนี้รองรับตู้คอนเทนเนอร์ 6.9 ล้านตันในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยโครงการขยายท่าเรือมีกำหนดที่จะเริ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2025 ระยะที่ 2 และ 3 ของโครงการ จะเริ่มในปี 2028 และ 2029 ตามลำดับ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501128516/japan-loan-boosts-sihanoukville-port-expansion/

กัมพูชาวอนจีนกระตุ้นการค้าระหว่างประเทศ

รัฐบาลกัมพูชากำหนดเป้าหมายการค้าทวิภาคีกับจีนใหม่หวังเพิ่มขึ้นเป็น 15 พันล้านดอลลาร์ กล่าวโดยนายกรัฐมนตรี ฮุนเซน ในระหว่างการพบปะกับ หวัง ยี่ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ณ กรุงพนมเปญ ซึ่ง ฮุนเซน กล่าวว่า ปริมาณการค้าระหว่างกัมพูชาและจีนปัจจุบันมีมูลค่ามากกว่า 11 พันล้านดอลลาร์ในปี 2021 โดยกัมพูชาร้องขอให้จีนช่วยสนับสนุนกัมพูชาโดยการนำเข้าสินค้าทางการเกษตรเพิ่มมากขึ้น อาทิเช่น ข้าว ลำไย และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่น ๆ เนื่องจากเริ่มมีความต้องการสูงขึ้นในตลาดจีน ซึ่งในปีที่แล้วการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและจีนมีมูลค่า 11.19 พันล้านดอลลาร์ โดยคิดเป็นการส่งออกของกัมพูชาไปยังจีนมีมูลค่าอยู่ที่ 1.51 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ทางการกัมพูชายังขอให้จีนเร่งเดินหน้าเพิ่มการลงทุนในกัมพูชา ซึ่งปัจจุบันตามรายงานของสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชาแสดงให้เห็นว่าจีนได้เข้ามาลงทุนในกัมพูชามูลค่าการลงทุนรวม 1.29 พันล้านดอลลาร์ เฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และยังขอให้จีนเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างทั้งสองประเทศเพื่อช่วยฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501127588/cambodia-urges-china-to-step-up-bilateral-trade/

“Royal Group PPSEZ” กัมพูชา ส่งออกมูลค่าแตะ 492.7 ล้านดอลลาร์ ในช่วง H1

Eumatsu Hiroshi ซีอีโอของ Royal Group Phnom Penh Special Economic Zone (Royal Group PPSEZ) รายงานถึงการเติบโตของยอดการส่งออกที่มูลค่า 492.7 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้กล่าวเสริมว่าปัจจุบันเขตเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นที่ 357 เฮกตาร์ และมีบริษัทดำเนินกิจการอยู่ภายในเขต 102 แห่ง โดยมีการจ้างพนักงานราว 39,100 คน ณ เดือนกรกฎาคม 2022 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 42.9 จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2021 โดย Eumatsu ยังได้กล่าวเสริมว่า Royal Group มีความมุ่งมั่นเป็นอย่างมากที่จะสนับสนุนนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมภายในประเทศเกิดการเติบโต รวมถึงพยายามสร้างสภาพแวดล้อมทางด้านการลงทุนให้เอื้อต่อภาคธุรกิจด้วยเทคโนโลยี และด้วยเสถียรภาพทางการเมืองและสังคม รวมถึงกฎหมายด้านการลงทุนฉบับใหม่ของกัมพูชา ทางด้าน Eumatsu มองว่าปัจจัยดังกล่าวจะเป็นส่วนสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนมายังกัมพูชามากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501127759/royal-group-ppsez-exports-rise-to-492-7m-in-7-months/

กัมพูชาส่งออกข้าวไปยังจีนมูลค่า 89 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 7 เดือนแรกของปี

กัมพูชาส่งออกข้าวสารปริมาณ 169,766 ตัน ไปยังจีนในช่วง 7 เดือนแรกของปี สร้างรายได้เข้าประเทศ 89 ล้านดอลลาร์ รายงานโดยสหพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) โดยจีนยังคงเป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดของกัมพูชา ครองสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 48.3 ของปริมาณการส่งออกข้าวทั้งหมด ซึ่งกัมพูชาคาดหวังเป็นอย่างมากที่จะส่งออกข้าวไปยังจีนมากขึ้น ผ่านความตกลงการค้าเสรี RCEP โดยนอกจากการส่งออกแล้ว ทางการกัมพูชายังคาดหวังที่จะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในภาคส่วนต่างๆ ในประเทศ รวมถึงในอุตสาหกรรมการผลิตข้าว เพื่อส่งออกผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปไปยังประเทศกลุ่มสมาชิก RCEP ซึ่งตามรายงานของ CRF กัมพูชาส่งออกข้าวสารทั้งหมดทั้งสิ้น 350,902 ตัน ไปยัง 56 ประเทศทั่วโลก ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบเป็นรายปี สร้างรายได้รวม 218 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501125411/cambodia-earns-89-million-from-milled-rice-export-to-china-in-jan-july/

สินเชื่อเพื่อการบริโภคกัมพูชาขยายตัวต่อเนื่องในไตรมาส 2

สินเชื่อเพื่อการผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายงานโดยเครดิตบูโรกัมพูชา (CBC) ซึ่งในช่วงไตรมาส 2 คำขอสินเชื่อเพื่อการผู้บริโภคลดลงร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ในขณะที่ยอดขอสมัครบัตรเครดิตปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วร้อยละ 23 โดยในปัจจุบันจำนวนบัญชีสินเชื่อรวมทั้งหมดเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.41 หรือคิดเป็นจำนวนบัญชีประมาณ 1.43 ล้านบัญชี ซึ่งมียอดสินเชื่อคงค้างทั้งสิ้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.28 สู่มูลค่า 13.03 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาส 2 ของปี นอกจากนี้ ลูกค้าโดยส่วนใหญ่มีบัญชีสินเชื่อผูกกับสถาบันการเงินเพียงแห่งเดียวอยู่ในระดับที่สูงถึงร้อยละ 71.72 ส่วนที่เหลือร้อยละ 28.28 มีการเปิดบัญชีกับสถาบันการเงินมากกว่า 1 แห่ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501125021/consumer-credit-performance-strong-in-second-quarter/

กัมพูชาลงนาม MoU ร่วมกับเกาหลีใต้ หวังเพิ่มการส่งออกสินค้าเกษตร

รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงของกัมพูชา (MAFF) ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ Korea Agro-Fisheries and Food Trade Corporation และ Orient Group ของกัมพูชา เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 ก.ค.) เพื่อปูทางให้ภาคเอกชนของกัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรไปยังเกาหลีใต้ได้เพิ่มขึ้น ด้าน Sokhon รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร กล่าวว่า ปัจจุบันกัมพูชามีผลผลิตส่วนเกิน อาทิเช่น ข้าว มันสำปะหลัง กล้วย มะม่วง และยางพารา พร้อมที่จะส่งออก หลังจากมีสต็อกเพียงพอสำหรับป้อนตลาดภายในประเทศ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรยังได้ลงนาม MoU ไตรภาคีอีกฉบับหนึ่งกับมหาวิทยาลัยและ Orient Group เพื่อพัฒนาบุคลากรด้านการเกษตรในกัมพูชา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิต เพิ่มผลผลิต ห่วงโซ่มูลค่าการผลิต การเพิ่มมูลค่า และความสามารถในการแข่งขันในการส่งออก ทั้งในด้านปริมาณ คุณภาพ และความปลอดภัย โดยปัจจุบันกัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรมูลค่ารวม 111.35 ล้านดอลลาร์ ไปยังเกาหลีใต้ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หากคิดเป็นปริมาณการค้ารวมปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.6 หรือคิดเป็นมูลค่า 421.33 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาดังกล่าว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501124224/kingdom-inks-mou-to-export-agro-products-to-s-korea/

คาดอัตราเงินเฟ้อกัมพูชาลดลงเหลือ 3.2% ในช่วงครึ่งหลังของปี

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) คาดอัตราเงินเฟ้อกัมพูชาจะลดลงเหลือร้อยละ 3.2 หลังจากเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6.5 ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก เป็นผลอันเนื่องมาจากราคาน้ำมันโลกที่สูงขึ้น รวมถึงการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศที่ยังไม่ดี ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงร้อยละ 18.2 สอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบโลก โดยอุปทานน้ำมันทั่วโลกได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดของสงครามระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน ควบคู่ไปกับอุปสงค์ที่ฟื้นตัวทั่วโลก ซึ่งอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะลดลงเฉลี่ยร้อยละ 3.2 เป็นผลมาจากการคาดการณ์ราคาน้ำมันที่ชะลอตัวลงกว่าร้อยละ 9.3 ในขณะที่ราคาอาหารคาดว่าจะลดลงเหลือร้อยละ 2.5 โดยได้รับการสนับสนุนจากการปรับปรุงห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงจีนก็เริ่มผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆลง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501124651/inflation-in-kingdom-expected-to-drop-to-3-2-pct/

กัมพูชานำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้น 25% ในช่วงครึ่งปีแรก

กัมพูชานำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ท่ามกลางราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังสงครามระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน เกิดความยืดเยื้อ โดยกัมพูชานำเข้าน้ำมันมูลค่ารวม 1,910 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเดือน มกราคม-มิถุนายน ปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามรายงานของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) ซึ่งปัจจุบันกัมพูชานำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทั้งหมดจาก เวียดนาม สิงคโปร์ และไทย โดยความต้องการใช้น้ำมันภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในกัมพูชาคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.8 ล้านตัน ภายในปี 2030 เพิ่มขึ้นจาก 2.8 ล้านตัน ในปี 2020 ในขณะที่รัฐบาลได้ออกนโยบายการเงินและการคลัง เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อในสินค้าโภคภัณฑ์ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้กับภาคประชาชน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501123526/kingdoms-oil-imports-surge-25-in-h1/

NBC คาดปีนี้ GDP กัมพูชาโต 5.3%

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกและการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้ง จะเป็นตัวผลักดันให้เศรษฐกิจของกัมพูชากลับมาเติบโตในปีนี้ ตามการรายงานของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) โดยคาดว่าการเติบโตจะได้รับแรงสนับสนุนจากอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้า การท่องเที่ยว เกษตรกรรม และการก่อสร้าง ซึ่ง NBC คาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาจะอยู่ที่ร้อยละ 5.3 ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 3 ในช่วงปี 2021 แต่ถึงอย่างไรก็ตามยังคงต้องคอยติดตามสถานการณ์สงครามระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน ที่เป็นผลทำให้เกิดเงินเฟ้อกับสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน ในขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนของกัมพูชาปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 94 ของประชากรทั้งหมด 16 ล้านคน ผลักดันให้รัฐบาลเร่งเปิดพรมแดนของประเทศอีกครั้ง รวมถึงได้ทำการยกเลิกมาตรการด้านสาธารณสุขสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบโดส โดยในช่วงครึ่งแรกของปีกัมพูชาส่งออกสินค้ามูลค่ารวม 11,317 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 31 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้าปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 หรือคิดเป็นมูลค่า 15,400 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501123527/nbc-sees-cambodias-gdp-growth-at-5-3-in-2022/